ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 244-2 หายตัวไปจากสนามสอบ
อู่เหวินชางคิดได้แยบยลนัก ขอเพียงตัวเองรออยู่ในโถงกลาง พอพวกเมิ่งต้าจินเดินออกมา ตนเองก็จะเห็นพวกเขาในทันที ขอเพียงยืนยันได้ว่าเด็กคนนั้นเป็นคนเดียวกับที่เบื้องบนให้ตามหา เขาจะให้เจ้าหน้าที่กลับไปรายงาน ถึงตอนนั้นจะพาพวกเมิ่งต้าจินไปด้วยทั้งหมด พวกเขาแค่ยื้อเวลาไว้ ปีนี้เมิ่งเหรินก็จะเข้าสอบซิ่วไฉไม่ได้แล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่า พวกเมิ่งต้าจินจะหมกตัวอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหนสองวันติดต่อกัน แม้แต่อาหารก็เป็นเหวินเปียวหรือเหวินหู่ออกมาตะโกนสั่งเสี่ยวเอ้อร์ให้ยกขึ้นไป
แม้อู่เหวินชางจะจำพวกเขาได้ กลับไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม
คนอยู่ตรงหน้าแล้ว กลับสองวันแล้วที่ยังไม่ได้พบหน้า ท่านผู้ตรวจการโมเดือดดาล ให้คนตามอู่เหวินชางกลับมาตำหนิว่าสาดเสียเทเสีย แล้วออกคำสั่งวันรุ่งขึ้นให้เขาเฝ้าอยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยม และจะต้องพบหน้าเด็กคนนั้น ยืนยันให้ได้ว่าใช่คนที่พวกเขาตามหาหรือไม่
อู่เหวินชางรู้จักสังเกตสีหน้าคำพูด ประจบสอพลอนาย เป็นคนสนิทข้างกายท่านผู้ตรวจการมาตลอด ไม่เคยถูกดุด่าเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นจึงโยนความอัปยศอดสูเต็มอกนี้ไปที่เมิ่งต้าจิน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน บอกตัวเองว่าวันพรุ่งขี้นพวกเขาจะต้องได้เห็นดี
วันรุ่งขึ้นฟ้าเพิ่งเริ่มสาง อู่เหวินชางก็พาเจ้าหน้าที่หลายนายมาเฝ้าหน้าประตูโรงเตี๊ยม หนึ่งชั่วยามผ่านไป บรรดาผู้เข้าสอบถึงทยอยกันออกมาไปสนามสอบ
เจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่าเขามาตามหาใคร ได้แต่ยืนรอเขาจำแนกคนแล้วกลับไปรายงาน
อู่เหวินชางถลึงตาโต พินิจมองอย่างละเอียด กระทั่งคนใกล้จะหมดแล้ว ยังไม่เห็นคนกลุ่มนั้นออกมา เริ่มให้กระวนกระวายใจ เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม ถามขึ้น “หลงจู๊ ยังมีบัณฑิตไม่ไปสอบหรือไม่?”
หลงจู๊มองท้องฟ้า แล้วพูดว่า “โมงยามนี้แล้ว น่าจะไม่มีแล้วกระมัง?”
“ไม่มีทาง” อู่เหวินชางนึกว่าหลงจู๊โกหก น้ำเสียงเริ่มเจือแววเกรี้ยวกราด “เหตุใดข้าถึงไม่เห็นผู้เข้าสอบจากทั้งสามห้องด้านในสุดบนชั้นสองออกมา”
หลงจู๊เข้าใจพลัน “ท่านหมายถึงพวกเขาหรอกรึ เมื่อวานหลังจากท่านไปแล้ว พวกเขาก็ออกมาจากในห้อง บอกว่าจะออกไปทำธุระ กระทั่งเช้าวันนี้ก็ยังไม่กลับเข้ามา”
อู่เหวินชางเดือดดาลดุด่าเขา “เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าแต่แรก ทำให้ข้าเสียงานใหญ่ คอยดูเถอะ ข้าจะสั่งปิดโรงเตี๊ยมของเจ้าแน่”
หลงจู๊ทำหน้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ “ท่านไม่ได้บอกว่าคนที่ตามหาเป็นพวกเขานี่ขอรับ”
อู่เหวินชางสะอึกกึก ถีบโต๊ะคิดเงินตรงหน้าด้วยความโมโห ร้องก่นด่า “เสร็จเรื่องการสอบสองวันนี้ คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร?”
พูดจบ รีบออกไปเรียกเจ้าหน้าที่ เร่งรุดไปยังสนามสอบทันที
ตอนที่พวกเขามาถึงสนามสอบ บัณฑิตส่วนใหญ่ต่างเข้าไปหมดแล้ว อย่าว่าแต่เห็นเมิ่งอี้เซวียนเลย แม้แต่ใบหน้าเมิ่งต้าจินเขาก็ไม่เห็น
อู่เหวินชางไม่ตัดใจวิ่งเข้าไปชเง้อคอดูด้านในสนามสอบ ถูกเจ้าหน้าที่คุมสนามสอบตะโกนไล่แต่ไกล
เมิ่งเชี่ยนโยวที่อยู่ในมุมอับเห็นสภาพทุรนทุรายของเขา แอบหัวเราะเยาะหยัน บอกเหวินเปียวให้กลับไปโรงเตี๊ยมอีกแห่ง แต่ที่นางไม่เห็นก็คือ หลังจากที่หันหลังกลับไป ขุนนางท่านหนึ่งร้อนรนวิ่งออกมาจากด้านในสนามสอบ สั่งการผู้ติดตามที่เฝ้าอยู่ด้านนอก ผู้ติดตามพยักหน้า หันหลังวิ่งกลับไปจวนที่ทำการ หนึ่งเค่อต่อมา ม้าเร็วหนึ่งตัวก็ควบทะยานออกไปจากหัวเมือง ตะบึงฮ้อมุ่งหน้าไปทางเมืองหลวง
อู่เหวินชางนำเจ้าหน้าที่เฝ้าหน้าประตูสนามสอบตาไม่กะพริบ เตรียมพร้อมตอนที่พวกเขาออกมา จะได้ตรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้ง เจ้าหน้าที่นายหนึ่งวิ่งเหยาะๆ เข้ามา พูดกับเขาว่า “ท่านใต้เท้าบอกให้ท่านรีบกลับไปขอรับ”
อู่เหวินชางไม่กล้ารอช้า ตามเจ้าหน้าที่กลับมายังจวนที่ทำการ เห็นท่านผู้ตรวจการก็รีบน้อมคำนับ รอรับคำติเตียนไม่กล้าขยับตัว
ที่ท่านผู้ตรวจการเอ่ยปากพูด กลับไม่ใช่คำติเตียน แต่พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “เมื่อครู่ในสนามสอบแจ้งข่าวมา ยืนยันว่าเป็นเด็กคนนั้นไม่ผิด เจ้ารีบไปหาคนเก่งมีฝีมือมาจำนวนหนึ่ง ข้ามีเรื่องเรียกใช้”
เรื่องเช่นนี้อู่เหวินชางเคยทำมาไม่น้อย วิ่งแนบออกไป ไม่นานก็หาคนมีฝีมือจำนวนหนึ่งเข้ามา
ท่านผู้ตรวจการสั่งการเขา “ที่นี่ไม่มีเรื่องของเจ้าแล้ว เจ้าออกไปรอข้างนอก”
อู่เหวินชางรับคำ หมุนตัวเดินออกไป พร้อมกับปิดประตู ยืนรออย่างอ่อนน้อมหน้าประตู
ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูป ประตูห้องถึงเปิดออก คนด้านในทยอยกันเดินออกมา หลังจากร้องเรียกตามมารยาท ทั้งหมดก็ก้าวอาดๆ จากไป
น้ำเสียงดุดันของท่านผู้ตรวจการดังลอยออกมาจากในห้อง “เหวินชาง เจ้าเข้ามาได้”
อู่เหวินชางขานรับคำเข้ามา เปล่งเสียงนอบน้อม “ท่านใต้เท้า”
ท่านผู้ตรวจการสั่งการเขา “เจ้าพาคนไปมากหน่อย ไปดักเฝ้าหน้าประตูสนามสอบ จำไว้ให้ดี เมื่อเห็นเด็กคนนั้นห้ามกระทำการบุ่มบ่าม ข้าเตรียมการทั้งหมดไว้แล้ว จัดการเรื่องนี้สำเร็จ เจ้ารอเสวยสุขเลื่อนขั้นเป็นขุนนางเถอะ”
อู่เหวินชางรับคำแล้วออกมาจากจวนที่ทำการ ร้องเรียกเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งเร่งฝีเท้าไปยังสนามสอบ
การสอบรอบแรก เมิ่งเหรินและเมิ่งอี้เซวียนต่างเดินออกมาด้วยรอยยิ้มแห่งความมั่นใจ เมิ่งต้าจินและเมิ่งเชี่ยนโยวที่รออยู่ด้านนอกเห็นท่าทีพวกเขา ต่างมีความเชื่อมั่น โดยเฉพาะเมิ่งต้าจิน คิดว่าบุตรชายตนเองใกล้จะได้เป็นซิ่วไฉ ความใฝ่ฝันมาตลอดทั้งชีวิตของเขากำลังจะเป็นจริงที่เขา ยิ่งให้ปลื้มปริ่มจนพูดไม่ออก มัวแต่ดีใจจนไม่ทันสังเกตอู่เหวินชางที่หลบอยู่ในมุมอับ พาพวกเขากลับโรงเตี๊ยมอีกแห่งอย่างหน้าชื่นตาบาน
อู่เหวินชางส่งสัญญาณมือไม่ให้เจ้าหน้าเคลื่อนไหว ส่วนตัวเองแอบลอบตามคนกลุ่มนั้นไป
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่ามีคนสะกดรอยตามมา ส่งสายตาให้เหวินเปียว
เหวินเปียวเข้าใจทันที จงใจหยุดฝีเท้า ให้คนอื่นกลับโรงเตี๊ยมไปก่อน
อู่เหวินชางเคยเห็นฝีมือของเหวินเปียว ไม่กล้าสะกดรอยตามต่อ จำต้องทนดูพวกเขาจากไปไกล
ผลการสอบอย่างเป็นทางการในรอบแรกออกมาเป็นไปตามคาด ทั้งเมิ่งเหรินและเมิ่งอี้เซวียนต่างก็ผ่านเข้าสอบรอบที่สอง
ในรอบที่สองนี้ ใช้เวลาไม่มาก หลังจากส่งเมิ่งเหรินและเมิ่งอี้เซวียนเข้าไปแล้ว เมิ่งต้าจินและเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้กลับโรงเตี๊ยม แต่ยืนรอด้านนอกสนามสอบ
อู่เหวินชางที่ขัดขวางเมิ่งเหรินไม่ให้เข้าสอบซิ่วไฉไม่ได้ ยังอึดอัดคับข้องใจ ทนสะกดความริษยาในใจไม่อยู่ เดินยิ้มแกนๆ มาหยุดตรงหน้าเมิ่งต้าจิน พูดว่า “พี่ต้าจิน เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวนัก ข้ามารอท่านหลายวัน ในที่สุดก็ได้พบหน้าท่านแล้ว”
นอกสนามสอบมีคนพลุ่กพล่าน เมิ่งต้าจินรู้ว่าอู่เหวินชางไม่กล้าทำอะไรตนเอง มองเขาแวบหนึ่ง แล้วไม่สนใจเขาอีก
อู่เหวินชางไม่เคยถูกใครปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน ทั้งอยู่ต่อหน้าคนมากมาย เริ่มปั้นหน้าไม่ถูก เพลิงโทสะปะทุ พลันนึกถึงคำพูดท่านผู้ตรวจการ จำต้องกล้ำกลืนไฟโทสะนั้นลงไป ทิ้งวาจากระแทกแดกดันไว้ “ฝากไว้ก่อนเถอะ!” หมุนตัวเดินไปหน้าประตูสนามสอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น เริ่มรู้สึกมีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล ด้วยนิสัยของอู่เหวินชาง ตามเฝ้ามาหลายวัน วันนี้อุตส่าห์ได้เจอพวกเขา เหตุใดถึงยอมเลิกราโดยง่าย หันไปสั่งการเหวินเปียว เหวินหู่ “พวกเจ้าตื่นตัวให้มาก ประเดี๋ยวพอพี่เมิ่งเหรินและอี้เซวียนออกมา พวกเราจะกลับโรงเตี๊ยมทันที”
เหวินเปียวและเหวินหู่รับคำ แยกกันยืนขนาบข้างคนทั้งสอง คอยระแวดระวังความเคลื่อนไหวโดยรอบ
เสียงบอกเวลาการสอบสิ้นสุดลงดังขึ้น เหล่าผู้เข้าสอบทยอยกันเดินออกมา กระทั่งคนส่วนใหญ่จากไปหมดแล้ว ยังไม่เห็นเมิ่งเหรินและเมิ่งอี้เซวียนออกมา เมิ่งต้าจินและเมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มกระวนกระวายใจ ยืนชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในสนามสอบ สุดท้ายถึงเห็นเมิ่งเหรินสะพายย่ามสัมภาระตนเองเดินยิ้มแป้นออกมาจากสนามสอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดี ไม่รอให้เมิ่งเหรินเดินมาใกล้ ก็ร้องถามเขา “พี่เมิ่งเหริน อี้เซวียนเล่า?”
เมิ่งเหรินชะงักฝีเท้า รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหาย ถามด้วยความประหลาดใจ “อี้เซวียนออกมาแล้วไม่ใช่หรือ? เมื่อครู่ข้าไปหาเขาที่สนามสอบเขา ไม่มีใครแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวใจหล่นวูบ ร้องสั่งเขาเสียงลั่น “พี่เมิ่งเหริน อี้เซวียนยังไม่ได้ออกมา ท่านกลับเข้าไปดูให้ละเอียดอีกครั้งเถอะ”
“อ่อ ได้” ได้ยินว่าอี้เซวียนยังไม่ออกมา เมิ่งเหรินแขนขาอ่อน รีบวิ่งกลับเข้าไป
อึดใจใหญ่ถึงวิ่งออกมา ไม่รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวซักถาม ก็พูดว่า “ข้าดูสถานที่สอบทั้งหมดแล้ว ไม่มีใครเลย แม้แต่ข้าวของของอี้เซวียนก็ไม่มี”