เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 56 - 3 ราชินีเฮงซวย
คือทิวทัศน์งามบริสุทธิ์โดยกำเนิด คือดอกฉยงฮวา[1]สีสันสดใส คือแสงขาวสลับเมฆบาง คือปลายหยกแผ่คลุมพงไพร คือจันทร์งามผ่องอำไพสาดส่องภูผาเหนือใต้ คือสายลมผ่านพัดทลายมวลผกาโรยราเบ่งบาน ดุจหยกเกลี้ยงเกลา ดั่งแสงกำเนิด ประหนึ่งท้องนภาเบื้องล่างขาวโพลนเป็นสีเดียว จุดประกายตรงมุมปากเขาในพริบตา
ยามเขายิ้มแย้มขึ้นมา นัยน์ตาวาดโค้งเพียงน้อยเช่นกัน นัยน์ตาสีดำขลับเจือด้วยแสงน้ำเงินมืดมิดทอประกายพร่างพราว บรรยากาศสูงส่งเย็นชาเยือกเย็นในวันเวลาเดิมถูกรอยยิ้มสงบเงียบดั่งสายลมอบอุ่นปุยเมฆแผ่วบางปกคลุมโดยพลัน
จิ่งเหิงปัวยกมือกุมจมูกไว้ดังสวบ
ไม่ไหวแล้ว!
อย่าได้เลือดกำเดาไหลเชียวนะ…
ยังจะมานั่งคิดวิธีลงโทษอะไรอีกเล่า ขอให้เขายิ้มให้ตนเองทุกวันก็พอแล้ว ยิ้มอ่อนยิ้มละมุนยิ้มบางผิวยิ้มใจไม่ยิ้ม ขอเพียงเป็นรอยยิ้มจะอย่างไรก็ดีทั้งนั้น! แม่งเอ้ยปกติเขาไม่ยิ้มเสียของแค่ไหนเนี่ย!
กงอิ้นมองเห็นท่าทางถูกความงามพาสติเลอะเลือนนั้นของนาง เบนสายตาออกมา ส่ายหน้าอย่างระอาใจ รอยยิ้มมุมปากไม่จางหาย
เขาโบกมือบอกใบ้องครักษ์ถอนกำลังและให้คนล่วงหน้าไปจัดการพิธีการรับขบวนเสด็จกลับวังขั้นต่อไป ความอันตรายพ้นผ่านต้องน้ำขึ้นให้รีบตักรีบเร่งกลับวัง จะได้ไม่ราตรียาวนานความฝันเยิ่นเย้อ
สายตาของเขาเฉียดผ่านเหยียลี่ว์ฉีกับผู้นำของเผ่าจั๋นอวี่ ทั้งสองคนผู้หนึ่งถูกจัดการให้นั่งฝั่งตรงข้ามเขา อีกผู้หนึ่งถูกจัดการให้นั่งห่างออกไปยิ่งกว่า ด้วยเพราะเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สองตระกูลนี้ก่อความวุ่นวายขึ้นมาในพิธีเฉลิมฉลองรับขบวนเสด็จราชินีอีก ยามนี้มองดูคนสองฝ่ายต่างไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ เขาวางใจขึ้นมาเล็กน้อย
สายตาของเหยียลี่ว์ฉีลอยล่องไปทั่วสี่ทิศ คล้ายยิ้มทว่ามิได้ยิ้ม ผู้วางแผนผู้หนึ่งข้างกายเขาโค้งกายลงมาเอ่ยเสียงแผ่วเบาข้างหูเขาว่า “นายท่าน นึกไม่ถึงว่าราชินีจะผ่านการทดสอบแล้ว อีกทั้งยามนี้ยังได้รับความเคารพรักจากราษฎรยิ่งนัก ท่านดูสิ คนของเผ่าจั๋นอวี่ที่อยู่ในตี้เกอยามนี้ต่างเข้าร่วมพิธี ณ ที่แห่งนี้ หากในยามนี้พวกเราสวมรอยคนของเผ่าจั๋นอวี่ลงมือกับราชินี…”
หัวคิ้วของเหยียลี่ว์ฉีเลิกขึ้นเพียงน้อย มองจิ่งเหิงปัวปราดหนึ่ง
…
แม้มีน้อยทว่ามาเป็นคู่ ในซอกมุมไม่สะดุดตาฝูงชนแห่งหนึ่งมีคนกำลังวางแผนการลับเช่นกัน
“นึกไม่ถึงว่าราชินีจะผ่านการทดสอบแล้ว” คนผู้หนึ่งเอ่ยเสียงทุ้มว่า “เช่นนี้ ข้ากลับมีแผนการใหม่”
“หา”
“เหยียลี่ว์ฉีสังหารทายาทเผ่าจั๋นอวี่ของพวกเรา ซ้ำยังทำลายกำลังที่อยู่ในนครของพวกเราไปมาก ความแค้นเช่นนี้ต้องชำระ เดิมทีนึกว่ากงอิ้นกลับมาแล้วจะได้ช่วยพวกเราสังหารเหยียลี่ว์ฉีทิ้งพอดิบพอดี ผู้ใดจะรู้ว่าเขาไปกินยาผิดขนานหรืออย่างไร กลับถือว่าความมั่นคงตี้เกอคือหน้าที่สำคัญอันดับหนึ่ง ใช้สอยกองทัพยับยั้งพวกเรา บัดนี้โอกาสมาถึงแล้ว ยามนี้ราชินีกำลังได้รับความรักลึกซึ้งจากราษฎร เรือนร่างฝากฝังด้วยความหวังของมหาปราชญ์และพวกพ้อง หากในยามนี้พวกเราสวมรอยเป็นคนของเหยียลี่ว์ฉีลงมือกับราชินี…”
…
สายตาของเหยียลี่ว์ฉีทอประกายแสงออกมา ทว่าเล็กน้อยเพียงพริบตาเดียว จากนั้นสายตาของเขาเบนไปบนเวที
ยามนี้นางยิ้มแย้มดุจมวลผกา รัศมีเรืองรองทั่วพักตร์ ช่วงชีวิตยามนี้แทบจะเอ่ยได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งจุดสูงสุด…
หากจะทำลายนางในขณะนี้ ง่ายดายยิ่งนัก…
จากนั้นเขาส่ายหน้า
ผู้วางแผนมองดูเขาอย่างไม่เข้าใจ ใคร่ครวญว่านี่คือแผนการอันดีที่ทั้งชั่วร้ายทั้งได้ผล ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้านายจึงถอดใจเยี่ยงนี้
เหยียลี่ว์ฉียิ้มแย้มมิเอ่ยวาจา สองมือทำกรอบขึ้นมา จัดวางใบหน้าของจิ่งเหิงปัวไว้ในกรอบ มองไปมองมา ถอนหายใจเฮือกอย่างเชื่องช้า
…
คนของกองพิธีการเบียดเสียดมายังเบื้องหน้าเวที เรียกหาจิ่งเหิงปัวเสียงแผ่วว่า “ฝ่าบาท ฝ่าบาท…”
“หา” จิ่งเหิงปัวฟังไม่ชัด อารมณ์กำลังตื่นเต้นดีใจและยังตกอยู่ในภวังค์รอยยิ้มล่มแคว้นของกงอิ้น เดินก้าวใหญ่ก้าวหนึ่งออกไป กล่าวว่า “เรื่องใดหรือ…”
“ฉึบ”
เสียงหนึ่งดังแผ่วเบา มีเพียงจิ่งเหิงปัวได้ยิน เรือนร่างนางชะงักค้างเยือกแข็งอยู่บนเวทีแล้ว
ขุนนางและราษฎรเบื้องล่างเวทีคล้ายพบความผิดปกติเช่นกัน เสียงโห่ร้องค่อยๆ หยุดลง
จากนั้นพวกเขาต่างเบิกตากว้าง
เส้นสีขาวเส้นหนึ่งค่อยๆ ปรากฏบนช่วงเอวราชินี ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ…อ๊ะไม่ใช่! นั่นไม่ใช่เส้นสีขาว นั่นคล้ายจะเป็นผิวกายของราชินี!
จิ่งเหิงปัวคงไว้ซึ่งท่วงท่ากึ่งหันหลัง เบิกตากว้างมองดูรอยขาดตรงหว่างเอวตนเองยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อครู่ฝีเท้าของนางกว้างเกินไปเร็วเกินไป เหยียบถูกชายกระโปรง ตอนที่ชายกระโปรงร่วงหล่น ช่วงเอวหลวมโพรกด้วยสูญเสียเข็มขัดอยู่แล้วจึงร่วงไปข้างล่าง ไม่รู้ว่าติดบนอัญมณีที่ขัดเงาจนแหลมคมบนเอวเม็ดไหนจนฉีกเป็นรอยขาดมหึมารอยหนึ่งในพริบตา…
การตอบสนองของนางรวดเร็วมาก ใช้มือหนึ่งบดบังรอยขาดหว่างเอวไว้อย่างรวดเร็ว สายตาขอความช่วยเหลือกวาดไปทางกงอิ้นทันที
วันนี้ดันมีพิธีการตอนเที่ยงตรง อากาศร้อนจัด ทุกคนต่างเสื้อคลุมนอกเบาบางไม่ได้สวมผ้าคลุม
ก่อนหน้านี้สี่ด้านต่างเป็นม่านกั้น แต่ว่าหลังจากจิ่งเหิงปัวปลดม่านกั้น ม่านกั้นทั้งหมดต่างเคลื่อนย้ายไปแล้ว
การตอบสนองของกงอิ้นรวดเร็วเช่นกัน ลุกขึ้นถลาขึ้นมาบนเวทีโดยพลัน
ตอนนี้จิ่งเหิงปัวรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว ตะโกนหาชุ่ยเจี่ยว่า “ในกระเป๋าข้ามีผ้าคลุมผืนเล็ก เอามา!”
ชุ่ยเจี่ยชะงักงันรีบเร่งเปิดกระเป๋าออก เพราะกลัวกระเป๋าสกปรกจึงวางไว้บนพื้นกระดานเวที ชุ่ยเจี่ยเปิดกระเป๋ามองเห็นของสิ่งหนึ่งในปราดเดียว ชะงักงันโดยพลัน
ทั่วทั้งร่างนางตะลึงงันอยู่ตรงนั้น สีหน้าตกตะลึง
จิ่งเหิงปัวเร่งเร้าว่า “เร็วสิ!”
ชุ่ยเจี่ยถูกเตือนสติ ทว่าไม่ได้หาผ้าคลุม มือกลับกดลงไปข้างล่างหวังจะปิดกระเป๋าลง
ยังไม่ทันได้ปิดกระเป๋า ฝูงชนพุ่งถลาข้างหลังกาย ฝ่าเท้านางลื่นไถลโดยพลัน ทั้งร่างกระแทกบนกระเป๋า กระเป๋าไถลออกไป สิ่งของที่วางไว้ด้านบนสุดพลันปลิวว่อนทั่วเวทีทั้งอย่างนั้น
ลูกตาของทุกคนปลิวว่อนทั่วเวทีตามสิ่งของสีสันสวยงามเหล่านั้นโดยสำนึก
รองเท้าส้นสูง กระโปรง เสื้อผ้าเล็กกระจ้อยรูปร่างแปลกประหลาดชนิดต่างๆ กระเป๋ารูปร่างแปลกประหลาดชนิดต่างๆ อีกทั้งสิ่งของที่กลมๆ ยาวๆ รูปร่างแปลกประหลาดอีกสิ่งหนึ่ง
สิ่งของปลิวว่อนออกมามากมายโดยแท้ สายตาของทุกคนยังไม่ทันได้จำแนกแลไม่ได้มองเห็นชัดเจนว่าสิ่งนั้นคือสิ่งใด เสียงกรีดร้องของสตรีเสียงหนึ่งดังขึ้นโดยพลัน
“ว้าย…น่าอายยิ่งนัก!”
เสียงคล้ายเปล่งออกมาจากกลางฝูงชน แหลมสูงสั่นระริก เปี่ยมด้วยความตื่นตะลึงโกรธเคืองและกระดากอาย ทุกคนเบื้องหน้าเวทีมองไปบนเวทีอย่างงงงวยเล็กน้อย มีของสิ่งหนึ่งกำลังกลิ้งกุกกักตั้งแต่เริ่มจนจบ…ความมหัศจรรย์แลคุ้นเคยนั้น ท่วงท่าที่ทำให้คนยากจะเชื่อสายตา ค่อยๆ ดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนมาก
จิ่งเหิงปัวชะงักไปเช่นกัน
ตาย! โหง! แล้ว!
ไอ้สิ่งนี้ทำไมอยู่ในกระเป๋าได้! ต่อให้อยู่ในกระเป๋าก็ควรจะอยู่ข้างล่างสุด กลิ้งขึ้นมาตอนไหนเนี่ย!
นางพยายามนึกสุดชีวิต นึกได้ว่าเหมือนว่าหลายปีก่อนรู้จักเพื่อนเลวคนหนึ่งในอินเทอร์เน็ต ตอนที่นางฉลองวันเกิด เขาบอกว่าจะส่งของล้ำค่าเลิศล้ำทั่วหล้าที่สตรีชื่นชอบที่สุดขาดไม่ได้ที่สุดให้นาง นางรอคอยอย่างเปี่ยมด้วยความหวัง ผลลัพธ์คือสิ่งส่งมาภายหลังเป็นของเฮงซวย หลังจากนางหัวเราะฮ่าๆๆ เล่นอยู่รอบหนึ่ง อาจจะฉวยมือโยนใส่ในชั้นประกบของกระเป๋า ตอนที่เก็บสัมภาระก็ไม่ค่อยได้สนใจ ด้วยเพราะตอนนั้นของสิ่งนั้นมีถุงบรรจุภัณฑ์อยู่ชัดๆ …
ปล่อยไอ้สิ่งนี้ออกมาในเวลานี้ภายใต้สายตาจ้องมองของมวลชน หนังหน้าหนาขนาดนั้นของนางก็ทนไม่ไหว สิ่งที่ย่ำแย่ยิ่งกว่าคือ นี่มันยุคโบราณ นี่มันต้าฮวงที่กฎเกณฑ์เข้มงวดอย่างยิ่ง ถูกเหล่าขุนนางแถวหน้ามองเห็นของสิ่งนี้ ภายหลังนางจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
กงอิ้นชะงักอยู่ตรงนั้นเช่นกัน
แม้เป็นบุรุษที่เกรียงไกรกว่านี้ ยามมองเห็นของสิ่งนั้นกลิ้งกุกกักอยู่ตรงเท้าโดยพลัน ยังอดจะตื่นตะลึงในดวงใจไม่ได้เช่นกัน
นี่…
คนหรือ
การตอบสนองแรกของเขาก็คือหันกายไปข้างหลังมองจิ่งเหิงปัว ในสายตาเปี่ยมความด้วยฉงนสนเท่ห์ สีหน้าซีดเผือดและปากที่อ้ากว้างของจิ่งเหิงปัวคล้ายกำลังบอกคำตอบย่ำแย่คำตอบหนึ่งให้เขาฟัง
ในใจกงอิ้นสับสนวุ่นวายอย่างหาได้ยาก ไม่อยากจะเชื่อทุกสิ่งที่ตนเองมองเห็นด้วยตา ยามนี้ของสิ่งนั้นกำลังกลิ้งกุกกักถึงฝ่าเท้าของเขา เขาก้มหน้ามองปราดหนึ่ง ความขยะแขยงและขวยเขินไร้หนทางอำพราง ยกเท้าเตะออกไปโดยสำนึก
หลังจากเตะออกไปเสียงอุทานอย่างตื่นตะลึง “โอ้” ดังขึ้นเป็นระลอกรอบด้าน
กงอิ้นฟื้นคืนสติโดยพลัน
ไม่ได้ ของสิ่งนี้ไม่อาจให้ผู้อื่นมองเห็นได้ชัดเจน!
มีข้อสงสัยใดหลังเสร็จเรื่องราวค่อยไถ่ถาม ยามนี้ทำได้เพียงทำลายทิ้งของสิ่งนี้โดยพลัน!
ฝีเท้าก้าวใหญ่ของกงอิ้นเฉียดออกไป เริ่มไล่ตามเจ้าสิ่งนั้นที่กลิ้งมั่วซั่วไปทั่วเวที…
ทว่าของสิ่งนั้นกลิ้งลงไปเบื้องล่างเวทีแล้ว คนนับไม่ถ้วนเบียดเสียดกันหวังจะก้าวขึ้นมามองเห็นให้ชัดเจน
ตอนนี้จิ่งเหิงปัวตื่นฟื้นขึ้นมาจากความตื่นตะลึงเช่นกัน ไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียวสองมือสะบัดครั้งหนึ่ง ใช้พลังเคลื่อนย้ายสิ่งของทำลายศพลบหลักฐาน!
ยามนี้นี่เอง “สวบ” เสียงหนึ่ง กงอิ้นคว้าของสิ่งนั้นไว้แล้ว
สัมผัสเกลี้ยงเกลาอัศจรรย์ คล้ายของจริงทว่ามิใช่ เขาขยะแขยงจนแทบอาเจียน
พริบตาต่อมาของสิ่งนั้นสูญสลายจากฝ่ามือเขาโดยพลัน กงอิ้นหันกายไปข้างหลัง มองเห็นของสิ่งนั้นกำลังลอยไปทางฝ่ามือของจิ่งเหิงปัว
แย่แล้ว!
ของสิ่งนี้จะให้นางคว้าไว้ได้อย่างไร!
ถูกผู้อื่นมองเห็นฉากหนึ่งนี้จะยิ่งย่ำแย่!
ยามนี้ตามเข้าไปขัดขวางไม่ทันการณ์ กงอิ้นหันกายฉับพลัน มือข้างหนึ่งคว้าเพียงครั้งมีมีดบางเล่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมาในมือแล้ว เขายกมีดสองมือ หันกายฟาดฟันอย่างรุนแรง!
“ครืน!” เวทีสูงพังทลาย!
หมอกธุลีตลบอบอวล ไม้กระดานปลิวว่อน ไม้กระดานแผ่นใหญ่แต่ละแผ่นทั้งกระเด้งขึ้นมาทั้งจมลึกลงไป ผู้คนเบื้องหน้าเวทีทยอยกุมหน้าร่นถอยเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้บาดเจ็บ ได้ยินคล้ายมีเสียงเหินผ่านเหนือศีรษะเลือนราง มีผู้ตะโกนลั่นว่า “ราชินีต่ำทรามไร้ศีลธรรม ต้าฮวงของเราจะยอมรับสตรีผู้มีคุณธรรมจริยธรรมต่ำทรามเช่นนี้ได้อย่างไร รับมีดของข้าไปเสีย!”
ทั้งมีผู้ร้องอย่างตกใจขึ้นมาว่า “มีดนางแอ่นเหิน! ใต้บัญชาตระกูลเหยียลี่ว์!”
ทุกคนได้ยินเสียงเลือนราง ทั้งเห็นเงามีดเปล่งประกายในหมอกธุลี แลไม่ทันได้ห่วงสิ่งใดได้แต่ทยอยถอยหลัง รอให้ร่นถอยถึงบริเวณปลอดภัยแล้วลืมตาขึ้นมา มองเห็นเพียงเวทีสูงทรุดทลาย มีแสงมีดเปล่งประกายรำไร สิ่งของที่กลิ้งมั่วซั่วอยู่บนเวทีหายไปด้วยกันกับราชินีแล้ว
[1] ดอกฉยงฮวา ชื่อวิทยาศาสตร์ Viburnum macrocephalum Fort. f. keteleeri (Carr.) Rehd. ดอกสีขาวห้ากลีบทรงกลม ฐานรวมกันเป็นพุ่ม