กับดักรักในรอยแค้น - ตอนที่ 258 ฉันไม่ได้ทำ / ตอนที่ 259 ใส่ร้ายป้ายสี
ตอนที่ 258 ฉันไม่ได้ทำ
ฉู่เจียเสวียน ฉันจะดูว่าเธอจะซ่อนยังไง ภายใต้การวางแผนที่รอบคอบของฉัน ฉันไม่เชื่อว่าคราวนี้
เผยหนานเจวี๋ยจะไม่เกลียดเธอ
“มีอะไรคะ รีบถามเถอะ ดึกมากแล้ว” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยถามตรงๆ สีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เรียกเธอกลับมาเอาแต่มองเธอไม่พูดไม่จา ยังอืดอาดยืดยาดอยู่ได้
“สร้อยคอเส้นนึงของฉู่อีอีหายไป” เสียงที่เปี่ยมด้วยพลังดึงดูดดังขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาของ
เผยหนานเจวี๋ยเผยความรู้สึกคลุมเครือ
ในที่สุดก็ได้ยินเผยหนานเจวี๋ยพูดสักที ฉู่อีอีปกปิดความรู้สึกแท้จริงในใจ ใบหน้านั้นไร้เดียงสา
ชำเลืองมองกระเป๋าของเธอ จากนั้นก็ละสายตา เม้มริมฝีปากแดง กุมมือเผยหนานเจวี๋ย
สร้อยคอหายไปแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ คำพูดของเขาหมายความว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับสร้อยคอของฉู่อีอีที่หายไปงั้นเหรอ
“คุณหมายความว่าอะไร” ปากแดงๆ อ้าเอ่ย ใบหน้าเปื้อนด้วยความโกรธ และหัวใจของฉู่เจียเสวียนก็สั่นเทาเล็กน้อย
“ผมแค่อยากถามคุณว่าเห็นสร้อยคอของเธอหรือเปล่า สร้อยคอเส้นนั้นแม่ผมมอบให้ลูกสะใภ้บ้านเผย” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างมีความหมายแอบแฝง
ความคลุมเครือบนใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดวงตามองฉู่เจียเสวียนไม่กระพริบ
คำพูดของเผยหนานเจวี๋ยทำให้ฉู่อีอีไม่พอใจ ไม่พอใจที่ทำไมเผยหนานเจวี๋ยถึงถามอย่างมีนัยยะเช่นนั้น แม้จะไม่พอใจ แต่กลับไม่กล้าแสดงอาการ
ที่แท้ก็เป็นสร้อยคอของลูกสะใภ้บ้านเผย ไม่น่าล่ะถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้ แต่ว่ามันเกี่ยวอะไรกับเธอล่ะ
“คุณคิดว่าฉันขโมยเหรอ” ริมฝีปากแดงอ้าเอ่ย ความเยือกเย็นในดวงตายิ่งล้ำลึก แม้แต่คำพูดของ
ฉู่เจียเสวียนก็เยือกเย็นลงเล็กน้อย
นึกถึงเมื่อสามปีก่อน ฉู่อีอีมักจะหาเรื่องเธอเสมอ ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย และที่น่าขำที่สุดก็คือ
เผยหนานเจวี๋ยเชื่อว่าเธอเป็นคนทำอย่างไม่มีเงื่อนไข
เขายังคงไม่เปลี่ยนเลยสักนิด ขอเพียงเกิดเรื่องขึ้นกับฉู่อีอี ก็จะนึกโทษเธอเสมอ
เธอไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับบ้านเผยมานานแล้ว เธอจะเอาสร้อยคอเส้นนั้นไปทำไม ไว้กิน? ไว้ใช้? คุ้มค่าเงินเหรอ
“พี่คะ วันนี้ฉันเจอแต่พี่” ฉู่อีอีเอ่ยปาก สีหน้าคับข้องใจ
“ฉะนั้น เธอเจอหน้าฉัน ฉันก็ขโมยสร้อยเธอไปงั้นสิ?”
“เปล่านะ ฉันไม่ได้บอกว่าพี่ขโมย เพียงแต่วันนี้ฉันเจอแต่พี่”
ฉู่อีอีกล่าว แววตาเผยความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ความหมายในคำพูดของเธอไม่ได้บอกว่าฉู่เจียเสวียนเป็นคนเอาไป แต่ว่าความหมายแฝงก็คือฉู่เจียเสวียนมีส่วนเกี่ยวข้องกับสร้อยคอเส้นนั้น
มือกำแน่นอยู่ข้างกาย ความอัปยศอดสูก่อตัวขึ้นภายในใจ ต่อให้เธอฉู่เจียเสวียนเลวอีกแค่ไหนก็ไม่มีทางขโมยของของคนอื่น นับประสาอะไรของของของบ้านเผย เธอไม่มีความสนใจเลยสักนิด ทำไมเธอจะต้องขโมยสร้อยคอของเธอด้วย
เผยหนานเจวี๋ยเห็นสีหน้าของฉู่เจียเสวียนเปลี่ยนไป ก็รู้สึกไม่มีความสุขตามไปด้วย
“ฉันไม่ได้ขโมยสร้อยคอของเธอ” เสียงปฏิเสธดังขึ้น พูดจบ กัดริมฝีปากเบาๆ แววตาของฉู่เจียเสวียนจับจ้องอยู่ที่ฉู่อีอี จากนั้นก็มองเผยหนานเจวี๋ยไม่กระพริบ แววตานั้นราวกับว่ากำลังถามเขาว่าเขาเชื่อหรือเปล่า
สบสายตากับฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยตื่นตกใจ แววตาที่ดื้อรั้นเช่นนี้ เขาเคยเห็นเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นฉู่อีอีมีเรื่องขัดแย้งกับฉู่เจียเสวียน ขณะที่เขากำลังถกเถียงกับเธอนั้น เธอก็มีสายตาแบบนี้ พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้ “ฉันไม่ได้ทำ”
ความคิดหลุดลอยไปไกล เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่เจียเสวียนอยู่แบบนั้น ไม่พูดไม่จา
ฉู่อีอีเฝ้าสังเกตสถานการณ์ของทั้งสองคนอยู่ข้างๆ ในเวลานั้นเธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีบรรยากาศที่คลุมเครือกำลังแพร่กระจายอยู่ในอากาศ
ตอนที่ 259 ใส่ร้ายป้ายสี
“ผมไม่ได้บอกว่าเป็นคุณ ผมก็แค่ถาม”
“แค่ถาม? คุณยังไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ ยังคงอวดดีเหมือนสามปีก่อนไม่มีผิด” ริมฝีปากแดงอ้าเอ่ย
ฉู่เจียเสวียนมองเผยหนานเจวี๋ยพร้อมกล่าวเย็นชา
ดังสำนวนที่ว่าการเปลี่ยนธรรมชาติของคนนั้นยากยิ่งกว่าการเคลื่อนภูเขาเสียอีก ที่แท้คนบางคน เรื่องบางเรื่อง ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
ไม่รู้ว่าทำไม ฉู่อีอีรู้สึกว่าบทสนทนาของเผยหนานเจวี๋ยกับฉู่เจียเสวียนเหมือนกำลังพลอดรักกันอย่างไรอย่างนั้น
รู้สึกขุ่นเคืองในใจ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน คลายมือที่กุมเผยหนานเจวี๋ย ลุกขึ้นยืน หยิบแก้วน้ำขึ้นมา ต้องการที่จะช่วยเผยหนานเจวี๋ยรินน้ำ
ขณะที่เดินผ่านฉู่เจียเสวียนนั้น ไม่รู้ว่าเจตนาหรือเปล่า จู่ๆ เธอก็ชนฉู่เจียเสวียนเข้า
ระหว่างที่กำลังเหม่อลอย กระเป๋าในมือร่วงหล่นเสียงดัง ‘ตึ่ง’ ข้าวของในกระเป๋ากระจัดกระจาย
“พี่คะ ฉันไม่ได้ตั้ง…” ยังไม่ทันพูดจบ เสียงของฉู่อีอีหยุดลงกะทันหัน สายตาจ้องเขม็งไปที่ข้าวของบนพื้น
“นี่มันสร้อยคอของฉันไม่ใช่เหรอ”
เพียงประโยคเดียวทำให้สีหน้าของเผยหนานเจวี๋ยและฉู่เจียเสวียนเปลี่ยนไป
เผยหนานเจวี๋ยเงยหน้ามองฉู่เจียเสวียนด้วยสายตาตื่นตระหนก จากนั้นก็ปรากฏประกายแห่งความเข้าใจ เขาเกือบจะเชื่อเธอแล้ว เมื่อครู่เขาคิดว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสร้อยคอจริงๆ
ใบหน้าซีดขาว ฉู่เจียเสวียนมองสร้อยคอที่ร่วงอยู่บนพื้น เธอไม่เข้าใจว่าสร้อยคอเส้นนี้ทำไมถึงมาโผล่มาในกระเป๋าของเธอ
“คุณมีอะไรจะพูดอีกไหม” เสียงที่เยือกเย็นดังขึ้น แววตาที่เผยหนานเจวี๋ยมองเธอมีประกายคลุมเครือ เผยให้เห็นความไม่ชัดเจน
ริมฝีปากแดงยิ้มขมขื่น ฉู่เจียเสวียนพูดไม่ออกเลยสักคำ ตอนนี้มี ‘หลักฐานเป็นข้อสรุป’ แล้ว ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็แก้ตัวไม่พ้นข้อกล่าวหา
ยืนอยู่ที่เดิม เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านอยู่ในใจ ทั้งร่างกายเย็นเฉียบโดยพลัน
“พี่คะ ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้” ฉู่อีอีราวกับว่าอดไม่ไหวที่จะเอ่ยปาก หลังจากชำเลืองมองฉู่เจียเสวียนแล้วก็หลบสายตา น้ำเสียงเหมือนกับโกรธแค้นและผิดหวังสุดขีด
ความคิดผุดขึ้นมาในหัว เธอใช่ไหม เธอตั้งใจใช่ไหม อาศัยช่วงที่เธอไม่ระวังตัว แอบเอาสร้อยคอใส่ไว้ในกระเป๋าของเธอ
เธอประมาทเกินไปแล้ว เธอติดกับเธอเข้าซะแล้ว ฉู่เจียเสวียนเอ๋ยฉู่เจียเสวียน เธอช่างไร้เดียงสาเสียจริง หึหึ ความรู้สึกไร้อำนาจเมื่อสามปีก่อนหลั่งไหลเข้าสู่หัวใจของเธอ ตอนนี้จิตใจเธอว้าวุ่น เรื่องในอดีตผุดขึ้นมาในหัว
เม้มปากแน่น มองฉู่อีอีด้วยแววตาเย็นชา
“ฉู่เจียเสวียน ทำไมคุณถึงทำแบบนี้”
เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมฉู่เจียเสวียนจะต้องขโมยสร้อยคอด้วย ตีเขาให้ตายเขาก็ไม่อยากเชื่อ แต่ว่าสร้อยคออยู่ในกระเป๋าของเธอจริงๆ นี่นา?
เธอขโมยสร้อยเส้นนี้ไปเธอจะได้ประโยชน์อะไร ตอนนี้เธอไม่ใช่สะใภ้ของบ้านเผยแล้ว สร้อยเส้นนั้นไม่มีประโยชน์อะไรกับเธอเลย
“ฉันเปล่า” กัดฟันเอ่ยปาก มือที่อยู่ข้างลำตัวสั่นเทาเล็กน้อย
“เจียเสวียน เป็นอะไรไป” ด้านนอก เสียงที่ทั้งน่าหลงใหลและอบุอ่นดังขึ้น
ทั้งสามคนได้ยินก็หันไปมอง พบว่ากงจวิ้นฉือกำลังยืนอยู่ด้านนอก กวาดตามองสองคนที่อยู่ในห้องผู้ป่วย เมื่อเห็นเผยหนานเจวี๋ย เขาอึ้งไป จากนั้นก็เดินไปหาฉู่เจียเสวียนอย่างสงบ แววตาเผยความเป็นกังวล
เขาตามหาฉู่เจียเสวียนเนิ่นนานก็หาไม่เจอ คิดไม่ถึงว่าเธอจะอยู่ที่นี่ เห็นผ้าก๊อซที่พันตัวเผยหนานเจวี๋ยแล้วก็นึกสงสัยในใจ
“คุณกง คุณมาก็ดีแล้ว ฉู่เจียเสวียนเขาขโมยสร้อยคอของตระกูลเผยเรา คุณว่าควรทำยังไงดี” เสียงที่ทุ้มต่ำระคนความเย็นชาดังออกมาจากปากของเผยหนานเจวี๋ย เห็นการปรากฏตัวของกงจวิ้นฉือ ในใจของเขารู้สึกโกรธอย่างอธิบายไม่ได้
ได้ยินคำพูดใส่ร้ายของเผยหนานเจวี๋ย บนใบหน้าของฉู่เจียเสวียนนิ่งเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ สายตายิ่งเย็นชาลงเรื่อยๆ “ฉันบอกแล้ว ฉันไม่ได้ขโมยสร้อยคอของคุณ”