กับดักรักในรอยแค้น - ตอนที่ 264 สมัครคอร์สเรียนให้แม่ / ตอนที่ 265 สองคนไม่ติดค้างกัน
ตอนที่ 264 สมัครคอร์สเรียนให้แม่
ในห้องน้ำ มองดูเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจกและรอยคล้ำใต้ดวงตาที่เห็นได้อย่างชัดเจน ถอนหายใจเบาๆ หยิบรองพื้นขึ้นมาโปะไปหลายรอบจึงจะสามารถปกปิดดวงตาแพนด้านั้นได้
หลังจากแต่งหน้าบางๆ แล้ว สีหน้าของฉู่เจียเสวียนก็ดูดีขึ้นทันตา เธอเองก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้น
พอแต่งหน้าเสร็จแล้ว ก็เปลี่ยนชุดสูทแฮนเมดสีสดใส เธอดูเปล่งปลั่งอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเผยรูปร่างที่เพรียวบางของเธอและเสริมบุคลิกให้โดดเด่น
ผมหยิกยาวปล่อยสยายอยู่ด้านหลัง ดูแล้วทั้งสง่างามและชวนน่าหลงใหล
หลังจากตรวจดูเครื่องแต่งกายจนมั่นใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว ฉู่เจียเสวียนจึงออกจากห้องและหันหลังลงบันไดไป
ที่ชั้นล่าง ตอนนี้ซูซานซานทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว ขณะที่กำลังคิดว่าจะขึ้นไปเรียกฉู่เจียเสวียนลงมาทานอาหารเช้าอยู่นั้น ฉู่เจียเสวียนก็ลงมาจากชั้นบนแล้ว
“แม่คะ อรุญสวัสดิ์” เสียงที่สดใสดังขึ้น ฉู่เจียเสวียนนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว ลงมือทานอาหารเช้าที่ซูซานซานเตรียมไว้ให้เธอ
“แม่ยังคิดจะไปเรียกเธออยู่เลย ไม่คิดว่าเธอจะลงมาเองแล้ว” หลังจากนั่งลง ซูซานซานเอ่ยปาก ใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ฉันน่ะตื่นนอนตรงเวลานะโอเครึเปล่า แม่คะ ถ้าแม่มีเวลาก็ออกไปเดินเล่นหน่อย อย่ามัวแต่อยู่ในบ้านทั้งวันเลย”
เงยหน้าขึ้นมองซูซานซานพร้อมเอ่ยปาก
ตั้งแต่ซูซานซานกลับมาก็ออกไปข้างนอกน้อยมาก เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการอยู่บ้านทำกับข้าว เธอกลัวจริงๆ ว่าหากแม่เธออยู่ในบ้านทั้งวันแบบนี้จะเบื่อหน่ายจนป่วย
“งั้นฉันสมัครคอร์สเรียนให้แม่ดีหรือเปล่า มีเวลาก็ไปเรียนเต้นรำหรืออะไรก็ได้” ฉู่เจียเสวียนที่จู่ๆ นึกอะไรออกพูดขึ้น
เธอชอบพวกละครเพลงอะไรพวกนี้ไม่ใช่เหรอ งั้นก็สมัครคอร์สที่สนใจให้เธอเลยแล้วกัน แบบนี้เธอจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะเบื่อแล้ว
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวนี้ถ้าแม่มีเวลาก็จะออกไปเดินเล่น มีเวลาก็จะฝึกร้องเพลง จะสมัครคอร์สเรียนอะไรกัน” ซูซานซานเอ่ยปฏิเสธ รู้ว่าฉู่เจียเสวียนหวังว่ากับเธอ แต่ว่าตอนนี้เธอก็ใช้ชีวิตอย่างเติมเต็มทุกวันอยู่แล้ว
มีเวลาก็ดูแลต้นไม้นิดหน่อยไม่ก็ซ้อมร้องเพลงอะไรเทือกนั้น ไม่ก็คิดค้นสูตรอาหาร ยุ่งจะแย่อยู่แล้ว จะมีเวลาไปลงเรียนคอร์สที่ไหนกัน อายุก็ไม่น้อยแล้วด้วย
ปากแดงๆ อ้าเอ่ย ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น บทเพลงที่คุ้นเคยบทนั้นดังขึ้น ฉู่เจียเสวียนยิ้มให้ซูซานซาน จากนั้นก็รับสาย “ฮัลโหล จวิ้นฉือ คุณถึงแล้วยัง ได้ เดี๋ยวฉันจะออกไปเจอคุณ”
พูดจบ ฉู่เจียเสวียนวางหู เงยหน้าขึ้นพบว่าซูซานซานกำลังจ้องเธอ ในใจอดสงสัยไม่ได้
“แม่ แม่มองอะไรคะ หน้าฉันมีอะไรเหรอ” พูดพลางยื่นมือขึ้นมาเช็ด ฉู่เจียเสวียนเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของซูซานซานนึกสงสัยเล็กน้อย
“เปล่า แค่จู่ๆ นึกถึงคราวก่อนที่ลูกไปเยี่ยมคุณย่าของจวิ้นฉือ เขาเป็นยังไงบ้าง” ซูซานซานเอ่ยถาม แววตาเปื้อนรอยยิ้ม
ทันใดนั้นก็ตื่นตระหนกในใจ เรื่องที่ไปเจอคุณย่ากงจวิ้นฉือคราวก่อนแล้วเธอโมโหจนโรคหัวกำเริบ เธอไม่ได้เล่าให้ซูซานซานฟัง เพราะเธอกลัวว่าเธอจะเป็นกังวล
ดังนั้นซูซานซานจึงไม่รู้เรื่องเรื่องที่คุณย่าของกงจวิ้นฉือเข้าโรงพยาบาล วันนี้เธอถามขึ้นกะทันหัน ทำให้ทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง
“ไม่มีอะไรค่ะ ไม่รู้ว่าคุณย่าเขาชอบฉันหรือเปล่า แม่คะ ฉันนัดกับจวิ้นฉือไว้ ฉันขอตัวก่อนนะ แม่ค่อยๆ กินเถอะ”
ฉู่เจียเสวียนพูดจบ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังประตู แอบถอนหายใจอยู่ในใจ
“เธอไม่กินข้าวเช้าแล้วเหรอ” ซูซานซานลุกขึ้นตามฉู่เจียเสวียนไป มองดูเธอเปลี่ยนรองเท้า
“ฉันกินอิ่มแล้ว แม่ แม่รีบกินเถอะ บายๆ” หลังจากเปลี่ยนรองเท้าแล้ว ฉู่เจียเสวียนเอื้อมมือไปกอดซูซานซาน จากนั้นก็ปล่อยมือแล้วออกจากบ้านไป
ที่หน้าประตู ซูซานซานมองดูเงาที่เพรียวบางของฉู่เจียเสวียน ใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากมองรถของฉู่เจียเสวียนลับสายตาไปแล้ว เธอจึงละสายตา ปิดประตูเดินไปยังโต๊ะกินข้าว แล้วกินข้าวเช้าต่อ
ตอนที่ 265 สองคนไม่ติดค้างกัน
ภายในรถ หลังจากฉู่เจียเสวียนขับรถออกมาแล้ว หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดโทรหากงจวิ้นฉือ
หลังจากความเงียบครู่หนึ่ง โทรศัพท์ก็ถูกรับสาย ที่ปลายสาย ตอนนี้รถของกงจวิ้นฉือมาถึงโรงแรมซื่อเหาแล้ว
โทรศัพท์มือถือดังขึ้น เมื่อเห็นคำว่า “ฉู่เจียเสวียน” สามคำนี้อยู่บนหน้าจอ รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งอ่อนโยนลง
“จวิ้นฉือ คุณถึงแล้วยัง” เสียงที่สดใสและอ่อนหวานดังขึ้น ใบหน้าของฉู่เจียเสวียนมีรอยยิ้ม
“ผมถึงแล้ว เมื่อไรคุณจะถึงเหรอ ทางนี้ผมทักทายกับผู้จัดการแล้ว รอคุณมาถึง พวกเราก็ไปดูกล้องด้วยกัน” เสียงอบอุ่นเสนาะหูดังขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาของกงจวิ้นฉือเปื้อนยิ้ม
ดูเหมือนว่าไม่ว่าเวลาไหน เพียงแค่เขาได้ยินเสียงของฉู่เจียเสวียนหรือเวลาที่เห็นฉู่เจียเสวียน ใบหน้าของเขาก็มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ
“ฉันเกือบถึงแล้ว เดี๋ยวเจอกัน” พูดจบ ฉู่เจียเสวียนหมุนพวงมาลัย ทันทีที่เลี้ยวตัวอักษรขนาดใหญ่สีทองระยิบระยับของโรงแรมซื่อเหาก็ปรากฏขึ้นสู่สายตา ริมฝีปากแดงยกยิ้ม รอยยิ้มเย็นชาผุดอยู่บนใบหน้าของฉู่เจียเสวียน
ประเดี๋ยวก็จะได้หลักฐานแล้ว จะมีคนหน้าแตกเพราะคำพูดแล้ว เธอดึงความคิดกลับมาแล้วจอดรถ พอลงจากรถก็เห็นเงาสูงใหญ่และเด่นเป็นสง่าของกงจวิ้นฉือจากที่ไกลๆ ก้าวเท้าเดินไปหาเขา
“จวิ้นฉือ รอนานแล้วยัง” หยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา บนใบหน้าของฉู่เจียเสวียนมีรอยยิ้มเชิงขอโทษ
ทำให้เขาต้องเป็นห่วงเรื่องของเธอ ในใจของเธอรู้สึกผิดจริงๆ
“ผมก็เพิ่งมาถึง พวกเราเข้าไปก่อนเถอะ” พูดจบ กงจวิ้นฉือนำเข้าโรงแรมไปก่อน ฉู่เจียเสวียนตามไปข้างๆ
ในห้องควบคุม หลังจากฉู่เจียเสวียนบอกวันเวลาและเจาะจงตำแหน่งที่นั่งให้แก่ผู้จัดการโรงแรมแล้ว ผู้จัดการโรงแรมสั่งให้พนักงานควบคุมดึงคลิปให้ฉู่เจียเสวียนและกงจวิ้นฉือดูทันที
สายตาจ้องไปที่กล้องไม่กระพริบ มองดูในกล้อง ฉู่อีอีคุกเข่าลงกับพื้น อาศัยจังหวะที่ฉู่เจียเสวียนไม่ระวังตัว แอบยื่นมือไปที่กระเป๋าของฉู่เจียเสวียนแล้วเอาสร้อยคอใส่ลงไปในกระเป๋าของเธอ
เป็นไปตามคาด ฉู่อีอี ครั้งนี้ฉันจะดูว่าเธอยังมีอะไรจะพูดอีก เชื่อว่าเมื่อมีหลักฐานที่แน่นหนาขนาดนี้ ความไร้มนทินของเธอไม่ต้องล้างด้วยน้ำก็สะอาดแล้ว
หลังจากขอผู้จัดการให้ทำการคัดลอกภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว ฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือรีบไปยังโรงพยาบาลทันที
เดิมทีเธอรู้สึกผิดต่อเผยหนานเจวี๋ยเล็กน้อย แต่ว่าตอนนี้ ความรู้สึกผิดนั้นได้หายไปจากหัวใจของเธออย่างไร้ร่องรอยแล้ว
โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินน้ำเสียงในคำถามของเผยหนานเจวี๋ย ความอัปยศในใจของเธอทำให้เธอจมดิ่ง ตอนนี้หลักฐานอยู่ในมือของเธอแล้ว พิสูจน์ได้แล้วว่าเรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวกับเธอ เธออยากจะดูว่าครั้งนี้เผยหนานเจวี๋ยยังจะพูดอะไรอีก
จอดรถเรียบร้อยแล้ว ฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือลงมาจากรถ และตรงไปยังห้องผู้ป่วยของเผยหนานเจวี๋นทันที
ในห้องผู้ป่วย เผยหนานเจวี๋ยกึ่งนั่งอยู่บนเตียง ในห้องผู้ป่วยมีเขาเพียงคนเดียว ฉู่อีอีออกไปซื้อข้าวให้เขา
จู่ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ดึงความคิดกลับมา มองดูทั้งสองคนที่เดินเข้ามาจากข้างนอก ทันใดนั้นก็รู้สึกโกรธในใจ สองคนนี้ตัวติดกันจริงๆ ไม่ว่าเวลาไหนก็อยู่ด้วยกันตลอด
“คุณเผย รบกวนแล้ว ที่ฉันมาวันนี้เพราะอยากให้คุณดูอะไรบางอย่าง” ทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว ฉู่เจียเสวียนพูดจบ เอื้อมมือหยิบคลิปภาพที่เพิ่งคัดลอกออกมาจากกระเป๋า ยื่นโทรศัพท์มือถือไปให้เผยหนานเจวี๋ย
รับมาด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเนื้อหาข้างในแล้ว สีหน้าของเผยหนานเจวี๋ยก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้
“คุณเผย เชื่อว่าตอนนี้คุณคงเข้าใจแล้ว ต่อจากนี้ไปพวกเราสองคนไม่ติดค้างกันอีก” พูดจบ ไม่รอให้เผยหนานเจวี๋ยตอบกลับ ลากกงจวิ้นฉือออกจากห้องผู้ป่วยของเขาไปแล้ว