กับดักรักในรอยแค้น - ตอนที่ 460 เธอกลัวที่จะเจอผม / ตอนที่ 461 การจีบของเผยหนานเจวี๋ย
ตอนที่ 460 เธอกลัวที่จะเจอผม
ก้าวขาพร้อมยื่นมือรั้งมือของฉู่เจียเสวียนไว้
ยังไม่ทันพูด ก็ได้ยินเสียงที่ทุ้มต่ำและมีเสน่ห์ของเผยหนานเจวี๋ยดังขึ้น “เสวียนเสวียน คุณกลัวที่จะเห็นหน้าผมเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว แม้แต่การเรียกชื่อก็สนิทสนมขึ้นมากโดยไม่ตั้งใจแล้ว
เมื่อได้ยินเผยหนานเจวี๋ยเรียกแบบนั้น เธอก็รู้สึกว่าหัวใจถูกโจมตีจนอ่อนแอ แววตาที่มองเขาราวกับกำลังมองคนโรคจิต
เขากินยาผิดมาหรือเปล่า เขากลายเป็นคนสนิทขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร
ยื่นมือปัดมือของเผยหนานเจวี๋ยที่คว้ามือของเธอไว้อย่างไม่เกรงใจ แล้วพูดขึ้น “คุณเผย ฉันไม่สนิทกับคุณ อย่าเรียกซะสนิทแบบนั้น”
“ไป พวกเราไปกินข้าว” เผยหนานเจวี๋ยไม่ถือสาอารมณ์ของเธอเลยสักนิด ไม่พูดพร่ำทำเพลงจูงมือของเธออีกครั้ง เดินพาเธอไปยังที่รถของเขา
ฉู่เจียเสวียนถูกเขาลาก คิ้วก็ขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจแล้ว “ฉันไม่อยากกินข้าวกับคุณ!” น้ำเสียงที่แข็งกร้าวดังออกมาจากปากของฉู่เจียเสวียน แววตาเปี่ยมไปด้วยความเยือกเย็นและดื้อรั้น
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว น้ำเสียงเชิงบังคับยิ่งทำให้ฉู่เจียเสวียนไมพอใจ
“ฉันบอกว่าไม่ไปก็ไม่ไปสิ!” เอ่ยปากเย็นชา แววตามีความโมโห
“คุณต้องใจร้ายกับผมแบบนี่ด้วยเหรอ ตอนนี้แม้แต่กินข้าวก็ไม่อยากเหรอ คุณกลัวผมขนาดนั้นเลยเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด แววตาเผยความผิดหวัง
เธอเกลียดเขาจริงๆ เหรอ ไม่อยากแม้แต่กินข้าวด้วยกันกับเขา?
เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอที่เป็นแบบนี้โหดร้ายแค่ไหน
“กลัวคุณ?” รู้ว่าเผยหนานเจวี๋ยตั้งใจพูดแบบนั้น แต่ว่าอารมณ์ของฉู่เจียเสวียนก็ยังได้รับผลกระทบ
เธอมีอะไรต้องกลัวเขา เธอไม่ใช่ฉู่เจียเสวียนเหมือนตอนนั้นนานแล้ว เธอไม่อยากกินข้าวกับเขาตามลำพังเพียงเพราะไม่ต้องการให้คนอื่นคิดว่าเธอมีอะไรกับเขาก็เท่านั้น
“งั้นทำไมคุณไม่ยอมกินข้าวกับผมล่ะ ผมก็แค่มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณเท่านั้น” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยอย่างสบายๆ มองฉู่เจียเสวียนด้วยความจริงจัง
ครุ่นคิดแล้ว ในที่สุดฉู่เจียเสวียนก็พยักหน้าเห็นด้วย ก็แค่กินข้าวเท่านั้น เธอมีอะไรต้องกลัว
เมื่อเห็นว่าฉู่เจียเสวียนตกลง เผยหนานเจวี๋ยก็ดีใจ ยื่นมือเปิดประตูรถให้ฉู่เจียเสวียนขึ้นไปนั่ง
หลังจากขึ้นรถแล้ว รถก็แล่นไปอย่างรวดเร็ว มาถึงร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมือง A เผยหนานเจวี๋ยจองที่ไว้นานแล้ว ดังนั้นเมื่อพวกเขามาถึง พนักงานก็รีบพาพวกเขาไปยังห้องส่วนตัว
หลังจากนั่งลงแล้ว เผยหนานเจวี๋ยดีดนิ้ว พนักงานก็เริ่มเสิร์ฟกับข้าว
ฉู่เจียเสวียนมองดูเผยหนานเจวี๋ย เธอไม่รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไรกับความผิดปกติของเขาระยะหลังมานี้
เธอมองเผยหนานเจวี๋ยเงียบๆ มองดูเสื้อสูทสีน้ำเงินที่เขาสวมใส่ บุคลิกที่สูงส่งเย็นชาแผ่ซ่านออกมาจากตัว เผยหนานเจวี๋ยเป็นคนที่มีเสน่ห์มากโดยไม่ต้องสงสัย
แม้แต่ฉู่เจียเสวียนยังละสายตาไม่ได้ แค่หน้าตาเผยหนานเจวี๋ยก็ชนะใจผู้หญิงมากมายแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเงื่อนไขด้านฐานะที่มั่งคั่งของเขา
“น่าดูเหรอ” สังเกตเห็นว่าฉู่เจียเสวียนจ้องมองเขาตลอดเวลา เผยหนานเจวี๋ยหัวเราะเสียงต่ำ จ้องมองเธอตาเป็นประกาย ถามด้วยความจริงจัง
ฉู่เจียเสวียนได้ยินแล้วรีบหลบสายตาทันที สีหน้าอึดอัดเล็กน้อย
“ว่ามาเถอะ คุณอยากคุยอะไรกับฉัน” ฉู่เจียเสวียนกระแอมไอแล้วพูดขึ้น ดวงตาจ้องเขาไม่กระพริบ
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องส่วนตัว ในห้องนี้ก็มีเพียงพวกเขาสองคน ฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าคำพูดของพวกเขาจะถูกคนข้างๆ ได้ยิน
แต่ว่าเห็นได้ชัดมากว่านี่เป็นเพียงสิ่งที่ฉู่เจียเสวียนคิดเท่านั้น เผยหนานเจวี๋ยเพียงแค่ไม่ต้องการให้คนอื่นรบกวนเขากับฉู่เจียเสวียนกินข้าว ดังนั้นจึงตั้งใจให้คนเตรียมห้องส่วนตัว
ตอนที่ 461 การจีบของเผยหนานเจวี๋ย
สายตาของเผยหนานเจวี๋ยอยู่บนใบหน้าของฉู่เจียเสวียนตลอดเวลา จับทุกลมหายใจและแสดงออกบนใบหน้าของเธอ เมื่อเงยหน้าขึ้น ฉู่เจียเสวียนก็สบสายตากับเขาพอดี
เผยหนานเจวี๋ยหัวเราะ รอยยิ้มทำให้คนรู้สึกเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ ดูดีจนน่าแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าฉู่เจียเสวียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเผยหนานเจวี๋ยจะหัวเราะได้อย่างนี้
ยังไม่ทันตื่นจากภวังค์ ก็ได้ยินเสียงของเผยหนานเจวี๋ยดังขึ้น “ผมจะคุยอะไรกับคุณไม่สำคัญ ที่สำคัญคือผมอยากกินข้าวกับคุณ”
กินข้าว? ได้ยินคำนี้แล้ว ฉู่เจียเสวียนรู้สึกเหมือนถูกเขาแกล้ง
“คุณพูดแบบนี้ฉันแปลกใจจริงๆ คุณเผยพยายามตั้งมากมายแค่เพราะอยากจะกินข้าวกับฉัน” ฉู่เจียเสวียนหัวเราะ เอื้อมมือหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมา จิบไวน์เบาๆ
เผยหนานเจวี๋ยหัวเราะ “ต่อไปพวกเราก็จะมีโอกาสกินข้าวด้วยกันอีกเยอะ” พูดจาเล่นสำนวน แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน
มองดูเผยหนานเจวี๋ยที่อยู่ตรงหน้า ฉู่เจียเสวียนอึ้งไปเล็กน้อย เมื่อเผชิญหน้ากับความอ่อนโยนในสายตาของเขา ทำให้เธอรู้สึกเศร้าอย่างประหลาด เธอเคยใฝ่หาที่จะได้รับสายตาอ่อนโยนเช่นนั้นจากเขา แต่ว่าตอนนี้เมื่อได้เห็นมันจริงๆ เธอกลับรู้สึกขำขับไม่รู้จบ
เมื่อเห็นสีหน้าเย้ยหยันบนใบหน้าของฉู่เจียเสวียน แววตาของเผยหนานเจวี๋ยเผยความเจ็บปวด
“คุณยิ้มอะไร” เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่เจียเสวียนพบว่าเธอยิ่งไม่เข้าใจเข้ามากขึ้นทุกที เขาแปลกมากจริงๆ
“เอามือถือของคุณมาให้ผม” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวกับเธอพร้อมยื่นมือ
ความสงสัยวูบผ่านดวงตาของฉู่เจียเสวียน แต่ก็ยังยื่นโทรศัพท์มือถือให้เขา
ภายใต้สายตางุนงงของฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยปิดโทรศัพท์มือถือของฉู่เจียเสวียน
“คุณทำอะไรน่ะ” ฉู่เจียเสวียนโมโห ไม่พอใจกับพฤติกรรมของเผยหนานเจวี๋ยมาก ยื่นมือต้องการจะแย่งโทรศัพท์มือถือ แต่ว่ากลับถูกมือของเผยหนานเจวี๋ยปัดหลบมือที่ยื่นมือของเธอ
“วันนี้เรากินข้าวกันดีๆ ได้ไหม” เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ ก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วปิดเช่นกัน
ฉู่เจียเสวียนดูการกระทำทั้งหมดของเผยหนานเจวี๋ยเงียบๆ อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าคิดผิดหรือเปล่าที่รับปากว่าจะทานข้าวเย็นกับเขา ตอนนี้เผยหนานเจวี๋ยทำให้เธองงงวยยิ่งขึ้นจริงๆ
อาหารมาครบแล้ว เผยหนานเจวี๋ยวางโทรศัพท์ไกลที่สุดจากฉู่เจียเสียน เอ่ยเบาๆ “กินข้าวเถอะ”
ฉู่เจียเสวียนเหลือบมองเผยหนานเจวี๋ย สุดท้ายก็ถอนหายใจเบาๆ เก็บงำทุกข้อสงสัยแล้วกินข้าวอย่างเชื่อฟัง
ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไร เช่นนั้นเธอก็รอดูอย่างเงียบๆ เถอะ
เผยหนานเจวี๋ยถือมีดและส้อม เงยหน้าขึ้นมองเห็นใบหน้าเย็นชาของฉู่เจียเสวียน หัวใจรู้สึกเจ็บปวด ดูแล้วเขาคงต้องปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปแล้วจริงๆ
เอื้อมมือออกไปแล้วผลักของขวัญที่เตรียมไว้ในตอนเช้าให้ฉู่เจียเสวียน
“ผมให้คุณ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว รอยยิ้มวูบผ่านแววตา
“อะไรนะ” ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้ว มองเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
เขาต้องการทำอะไรกันแน่ ทั้งส่งดอกไม้ ทั้งชวนเธอกินข้าว ตอนนี้ยังส่งของขวัญให้เธออีก เขาตั้งใจจะทำอะไรกันแน่
“ผมตั้งใจเลือกนี่ให้คุณเลยนะ คุณดูสิว่าชอบหรือเปล่า” เสียงที่ทุ้มต่ำมีเสน่ห์ของเผยหนานเจวี๋ยดังก้องในห้องส่วนตัว น้ำเสียงฟังแล้วอ่อนโยนเป็นพิเศษ
ฉู่เจียเสวียนได้ยินแล้วก็วางมีดกับส้อมลง มองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา ริมฝีปากแดงอ้าเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ “เผยหนานเจวี๋ย คุณคิดจะเล่นอะไร คุณอยากจะทำอะไรกันแน่”
เมื่อก่อนแต่งงานกับเขามาสามปี เขาไม่เคยมอบของขวัญให้เธอเลย ตอนนี้กลับดีกับเธอเหลือเกิน เพราะตอนนี้เขารู้สึกว่าเธอจากเขาไปแล้ว ไม่ชอบเขาแล้ว ก็เลยไม่พอใจเลยจึงต้องการเข้ามาสนิทสนมด้วยงั้นเหรอ