กับดักรักในรอยแค้น - ตอนที่ 484 คุณปล่อยฉันลงนะ / ตอนที่ 485 คุณอึดอัดมากเหรอ
ตอนที่ 484 คุณปล่อยฉันลงนะ
ฉู่เจียเสวียนเกือบจะถูกเผยหนานเจวี๋ยอุ้มไปยังรถอีกคันหนึ่ง เธอพยายามผลักเผยหนานเจวี๋ยออกไป แต่ว่าทรวงอกของเผยหนานเจวี๋ยนั้นแข็งแรงมาก มือของเธอไม่สามารถต่อสู้ได้
“คุณปล่อยฉันลงนะ” ฉู่เจียเสวียนทนไม่ไหวแทบอยากจะมุดดินหนี คนที่ลานจอดรถใต้ดินนั้นมีไม่มากแต่ก็ใช่ว่าไม่มีคน เธอไม่อยากให้คนอื่นเห็นเธอในสภาพนี้
“วันนี้คุณเป็นของผม จำข้อตกลงระหว่างพวกเราได้ไหม” เผยหนานเจวี๋ยคิดว่าเขาแค่อยากได้กำไรเล็กน้อยเท่านั้น คงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง
“ฉันหายใจไม่ออกแล้ว คุณเผย” ฉู่เจียเสวียนที่ถูกเผยหนานเจวี๋ยกอดแน่น รู้สึกว่าอากาศเบาบางจนแทบขาดใจ
“เรียกผมใหม่ซิ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากอย่างไม่พอใจกับการเรียกของฉู่เจียเสวียน เขาเกลียดมากเวลาที่เธอเรียกเขาเหมือนคนนอกแบบนี้
“เผยหนานเจวี๋ย” ฉู่เจียเสวียนเรียกอย่างไม่เต็มใจ และยังไม่ลืมที่จะจ้องเขาเขม็ง
เผยหนานเจวี๋ยหันหน้ามามองใบหน้าด้านข้างที่สวยงามของฉู่เจียเสวียน แววตาอ่อนโยนลงเล็กน้อย
“คุณหนูฉู่ ต่อไปคุณอยากได้ข้อตกลงแบบไหนเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว กลับไปที่หัวข้อเดิม
“แล้วแต่เลย” ฉู่เจียเสวียนสีหน้าเย็นชา เสียงที่เยือกเย็นหลุดออกมาจากปากของเธอ
ในเมื่อเผยหนานเจวี๋ยต้องการอยู่กับเธอมากขนาดนั้น เธอก็ไม่สามารถขัดใจเขาได้ไม่ใช่เหรอ
เผยหนานเจวี๋ยเหลือบมองฉู่เจียเสวียนเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรอีก ฉู่เจียเสวียนกระพริบตากลมโตที่สดใส ราวกับว่าไม่เข้าใจความหมายในแววตาของเผยหนานเจวี๋ยอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากความเงียบงันสักพักใหญ่ ฉู่เจียเสวียนรู้สึกว่าตัวเองยิ่งหายใจลำบากขึ้นทุกที เมื่อมีเผยหนานเจวี๋ยอยู่ข้างกาย แม้แต่การหายใจเธอก็หายใจได้อย่างไม่ราบรื่น
ฉู่เจียเสวียนยื่นมือออกมาพัดวี ภายในรถ เธอรู้สึกอึดอัดจนบิดตัวไปมา ผลักเผยหนานเจวี๋ยให้ห่างออกไป
“อบอ้าวเหรอ” ระหว่างที่พูด เผยหนานเจวี๋ยก็เปิดหน้าต่างรถฝั่งฉู่เจียเสวียน
“แค่ไม่ค่อยชินเท่าไร” ฉู่เจียเสวียนไม่ชินอย่างยิ่งกับการที่มีเผยหนานเจวี๋ยข้างกาย ฮอร์โมนบนตัวของเขาเปี่ยมด้วยกลิ่นไอแห่งความกระหืดกระหาย
“เดี๋ยวคุณก็ค่อยๆ ชินเอง” เผยหนานเจวี๋ยพูดอย่างมีนัยยะแอบแฝง แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
รถมาจอดที่หน้าห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมือง H ฉู่เจียเสวียนเปิดประตูรถแล้วลงจากรถด้วยความรวดเร็ว หากต้องอยู่กับเผยหนานเจวี๋ยต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว เธอเกรงว่าคงต้องขาดอากาศตายแน่ๆ
เมื่อเงยหน้าขึ้น เธอจึงสังเกตเห็นว่ารถที่เผยหนานเจวี๋ยขับคือโรลส์รอยซ์ สุดยอดรถยนต์หรูระดับโลก บางครั้งเผยหนานเจวี๋ยก็ช่างโอ้อวดเหลือเกิน ไม่ซ่อนรัศมีอันเปล่งปลั่งของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
เผยหนานเจวี๋ยเห็นฉู่เจียเสวียนจ้องรถของเขาตลอดเวลา ดูเหมือนว่าผู้หญิงต่างไร้แรงต้านทานต่อรถหรูทั้งสิ้น
“พวกเราเข้าไปกันเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยพูดพลางเดินเข้ามาหาฉู่เจียเสวียน จูงมือของเธอแล้วเดินเข้าไปข้างใน
“เจ็บ” ฉู่เจียเสวียนเจ็บมือ ขมวดคิ้ว นี่เขาเรียกว่าจูงมือเหรอ นี่มันเป็นกิริยาที่มีต่อนักโทษชัดๆ
“ฉู่เจียเสวียน ผมต้องการความคุ้มค่า ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รังเกียจที่จะยกเลิกสัญญา” คำพูดของเผยหนานเจวี๋ยแฝงไปด้วยการข่มขู่ เผยหนานเจวี๋ยเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเธอกำลังคิดอะไร
“ค่ะๆๆ ฉันรู้แล้ว” ฉู่เจียเสวียนรู้จักนิสัยของเผยหนานเจวี๋ยดี และเข้าใจอารมณ์ที่ไม่มั่นคงของเขา มันเป็นการดีกว่าที่จะไม่ทำให้เขาโมโห ถ้าหากเขาไม่พอใจแล้วไปต่อต้านบริษัทกงล่ะก็ เช่นนั้นการเสียสละของเธอก็เปล่าประโยชน์สิ?
“ไปเปลี่ยนเสื้อซะ” ระหว่างที่กำลังเหม่อลอย เผยหนานเจวี๋ยพาฉู่เจียเสวียนไปที่แผนกเสื้อผ้าสตรี
“เสื้อผ้าผู้หญิง?” ฉู่เจียเสวียนมองไปที่แผนกเสื้อผ้าสตรีเบื้องหน้า เขาพาเธอมาซื้อเสื้องั้นเหรอ
“อืม เลือกตัวที่คุณชอบ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ย เขารู้ดีว่าฉู่เจียเสวียนในฐานะที่เป็นดีไซเนอร์คนหนึ่งมีเสื้อผ้าไม่น้อย แต่ว่าเขาอยากซื้อเสื้อผ้าให้เธอและทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำกับเธอในอดีต
“ฉันมีเสื้อ…อ่อ” ฉู่เจียเสวียนเชื่อฟังอย่างจนปัญญา เดิมทีเธออยากบอกว่าเธอมีเสื้อผ้าเยอะแล้ว แต่ว่าเมื่อเผยหนานเจวี๋ยก้าวเข้ามาใกล้เป็นเชิงข่มขู่ เธอก็ได้แต่พยักหน้ารับปาก
เชื่อฟังคำพูดของเขาเถอะ ตราบใดที่ทนสามวันนี้ได้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว เมื่อสามวันผ่านไป ทุกอย่างก็จะแจ่มใสเหมือนฟ้าหลังฝน
ฉู่เจียเสวียนช้อปปิ้งอย่างไร้ความสนใจ มองดูเสื้อผ้าผู้หญิงระดับไฮเอนด์ที่อยู่ตรงหน้า เธอในฐานะดีไซเนอร์ไม่มีความสนใจในเสื้อผ้าเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่เจียเสวียนที่ไร้ความสนใจ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เธอไม่ยอมร่วมมือกับเขาเลย พฤติกรรมแบบนี้มีแต่จะทำให้เสียเวลา
แววตาเป็นประกาย เขาเดินเข้าไปด้วยความโมโหเล็กน้อย กวาดตามองเสื้อผ้าบนชั้นวาง แล้วสายตาก็หยุดอยู่ที่ชุดสีม่วงอ่อนตัวหนึ่ง
ตอนที่ 485 คุณอึดอัดมากเหรอ
หลังจากผ่านไปสักพัก เผยหนานเจวี๋ยก็ชี้ไปที่ชุดสีม่วงอ่อนตัวนั้นที่อยู่บนชั้นวาง พร้อมพูด “ตัวนี้แหละ” เธอใส่ชุดนี้แล้วต้องสวยแน่
เขาไม่ค่อยเห็นเธอใส่ชุดสีม่วงอ่อนแบบนี้ ดูเหมือนว่าเสื้อผ้าของเธอจะมีแต่ชุดสูทแฟชั่น มีทุกสี แต่เหมือนว่าไม่เคยเห็นเธอใส่สีม่วงเลย
“ไม่ชอบ” ฉู่เจียเสวียนไม่ทันมองก็ปฏิเสธทันที เธอไม่เคยลองใส่เสื้อสีม่วงเลย เธอไม่ได้รู้สึกตัวเองใส่แล้วจะไม่สวย
“หุบปาก!” เผยหนานเจวี๋ยใกล้จะหมดความอดทนแล้ว เขารู้สึกว่าในเมื่อเขาอยากซื้อเสื้อให้เธอ อย่างนั้นให้เขาตัดสินใจเองดีกว่า เวลาที่ผู้หญิงเลือกชุดนี่มันยุ่งยากจริงๆ
ตั้งแต่ที่เผยหนานเจวี๋ยบอกให้ฉู่เจียเสวียนหุบปากแล้ว เธอก็เงียบตลอดเวลา ปล่อยให้เขาอยู่ไม่สุขอยู่ตรงนั้น
ตลอดทางจนกระทั่งกลับไปที่รถ ถุงใบน้อยใหญ่กองพะเนินเต็มเบาะหลัง ทั้งหมดคือของที่เผยหนานเจวี๋ยซื้อให้ฉู่เจียเสวียน ฉู่เจียเสวียนเพียงแค่กวาดตามองแล้วเบือนสายตา เพราะว่าเธอไม่ได้มีความสนใจเลย
จากนั้น เผยหนานเจวี๋ยพาฉู่เจียเสวียนไปเสริมสวย เผยหนานเจวี๋ยต้องการมีความทรงจำที่สวยงามกับเธอ ไม่อยากให้มีเพียงความเจ็บปวดในความทรงจำของพวกเขา แม้ว่าฉู่เจียเสวียนจะหงุดหงิดไปตลอดทาง แต่เขาก็มีความสุข ตราบใดที่เขาได้อยู่กับเธอเขาก็มีความสุข
หลังจากเสริมสวยเสร็จแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็เดินออกมาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ ในเวลานี้พระอาทิตย์กำลังตกดินแล้ว
เผยหนานเจวี๋ยเปิดประตูรถเป็นสัญญาณให้ฉู่เจียเสวียนเข้าไป เมื่อเห็นท่าทางที่เป็นสุภาพบุรุษของเผยหนานเจวี๋ยเช่นนี้ แล้วนึกถึงใบหน้าที่เย็นชาดุจน้ำแข็งของเขาในอดีต แอบส่ายหัวอยู่ในใจ ช่างเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงง่ายจริงๆ
“อยู่กับผม คุณอึดอัดมากเลยเหรอ” เขาเห็นฉู่เจียเสวียนมองออกไปนอกหน้าต่างตลอดเวลาตั้งแต่ขึ้นรถ จึงเอ่ยถามอย่างเยือกเย็น
“เปล่า” ฉู่เจียเสวียนจะยอมรับได้อย่างไร แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับเขามากเหลือเกิน นับประสาไรกับพื้นที่ที่มีเพียงพวกเขาสองคน
น่าขยะแขยง เธอไม่สามารถทำอะไรกับสถานการณ์ในปัจจุบันได้เลย เธอนึกว่าเธอในสามปีหลังนี้ อย่างน้อยก็ยังสามารถตะโกนใส่เขาได้ แต่ผลสุดท้ายมันเป็นเพียงสิ่งที่เธอคิดไปเอง
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเผยหนานเจวี๋ยจะต่อสู้กับบริษัทกงในครั้งนี้ เธอก็ไม่รู้เลยว่าช่องว่างระหว่างพวกเขาต่างกันถึงเพียงนี้
คิดๆ ดูแล้วถึงอย่างไรเธอก็เป็นดีไซเนอร์มือหนึ่งแล้ว แม้ว่าความสามารถของเธอจะไม่เทียบเท่าเผยหนานเจวี๋ยก็ตาม เฮ้อ
แม้ว่าบริษัทกงทำงานร่วมกับเขา เขาก็ยังสามารถพลิกมาต่อสู้กับบริษัทกงอย่างไร้ความเมตตาได้ไม่ใช่เหรอ
“มองผม” ระหว่างที่กำลังเหม่อลอย เสียงของเผยหนานเจวี๋ยก็ดังขึ้น ดึงเธอกลับมาสู่ความเป็นจริง
“อ่อ” ฉู่เจียเสวียนมองเขาอย่างเชื่อฟัง ไม่สิ อย่าพูดว่ามองเลย พูดว่าจ้องเขาดีกว่า
“ไม่ใช่จ้องผม มองผม” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยอย่างไร้ความอดทนเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้เธอจงใจ เธอไม่ชอบการอยู่ด้วยกันกับเขาเพียงนี้เชียวเหรอ
ทั้งๆ ที่เธอเคยรักเขาเข้ากระดูก ทำไมตอนนี้ถึงได้เย็นชาเพียงนี้ ไม่สิ เขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าในใจของฉู่เจียเสวียนไม่มีเขาอยู่เลย ต่อให้ในใจไม่มีเขาจริงๆ เขาก็ไม่รังเกียจ เขาจะต้องทำให้เธอรักเขาอีกครั้งให้ได้
“พวกเราจะไปไหน?” ถอนหายใจแผ่วเบา ไม่อยากคุยอะไรกับเขาเท่าไร ฉู่เจียเสวียนละสายตาไปยังนอกหน้าต่างรถอีกครั้ง เมื่อเธอเห็นว่ารถค่อยๆ ออกไปจากใจกลางเมืองจึงเอ่ยถาม
“บ้านของผม”
“หา?”
“ไม่อยากไปเหรอ?” เสียงของเผยหนานเจวี๋ยเย็นชา แม้แต่ลมหายใจก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นด้วย
“เปล่า แม่ฉันกำลังรอฉันอยู่ที่บ้าน” ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า แม่ของเธอไม่รู้เรื่องระหว่างเธอกับเขา
“งั้นคุณก็บอกแม่คุณ” เผยหนานเจวี๋ยรู้นานแล้วว่าเธอมีแม่ด้วย ฉะนั้นเพียงแค่เธอโทรไปบอกเธอสักคำก็เพียงพอ เขาไม่กังวลว่าซูซานจะดูแลตัวเองไม่ได้