กับดักรักในรอยแค้น - ตอนที่ 542 หนอนบ่อนไส้
“ท่านประธานสงสัยว่ามีหนอนใบบริษัทเหรอครับ” ประธานหยางลองถาม มองฉู่เจียเสวียนด้วยคิ้วที่ขมวดกันเล็กน้อย
“ค่ะ ที่จริงเขาก็ไม่มั่นใจมาก บริษัทที่เมืองนอกกำลังสืบเรื่องนี้อยู่ เขาหวังว่าบริษัทในประเทศจะไม่ได้รับผลกระทบตามไปด้วย” เรื่องที่กงจวิ้นฉือไหว้วานเธอนั้น ทำให้ฉู่เจียเสวียนรู้สึกหัวหมุนอยู่เหมือนกัน
เธอมีการติดต่อกับบริษัทกงไม่น้อย แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะเจอคนทรยศภายในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้
แม้ว่าบริษัทกงในต่างประเทศจะเป็นบริษัทหลัก แต่ตอนนี้รากฐานของบริษัทในประเทศอยู่ในระดับที่ลึกกว่า
ยิ่งไปกว่านั้นบริษัททั้งในและต่างประเทศยิ่งมีความสัมพันธ์ชนิดที่แยกกันไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของบริษัททั้งในหรือต่างประเทศ สำหรับบริษัทกงแล้ว ล้วนเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
แม้ว่ากงจวิ้นฉือจะอยู่ต่างประเทศ แต่ว่าเขาก็ไม่เคยตัดขาดความสัมพันธ์กับบริษัทในประเทศเลย และในประเทศก็ได้จัดตั้งแผนกต่างประเทศขึ้นเพื่อประสานงานกับสาขาต่างประเทศโดยเฉพาะ
กงจวิ้นฉือกำชับฉู่เจียเสวียนเป็นพิเศษว่าจะต้องใส่ใจกับสถานการณ์ของแผนกต่างประเทศ ต้องเข้าใจถึงการทำงานของพนักงานแต่ละคน หากแผนกต่างประเทศมีหนอนบ่อนไส้จริง ก็จะเกิดภัยคุกคามต่อสาขาต่างประเทศโดยตรงที่สุด
กงจวิ้นฉือไม่เคยสงสัยภายในบริษัทเลย คิดมาโดยตลอดว่ามันคือการแข่งขันอันโหดร้ายจากบริษัทอื่น แต่ว่าปัญหามักจะเกิดกับบริษัทหลักที่ต่างประเทศทุกครั้ง มันจึงช่วยไม่ได้ที่จะทำให้เขาคิดไปในทิศทางนี้
หลังจากการสืบสวนในต่างประเทศในครั้งนี้ กงจวิ้นฉือพบว่าอีกฝ่ายเข้าใจถึงรูปแบบพฤติกรรมของเขาเป็นอย่างดี นี่จึงทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย
เดิมทีกงจวิ้นฉือที่ยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ต้องการจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ว่าบริษัทต่างประเทศทำให้เขายุ่งจนหัวหมุน ดังนั้นเขาจึงฝากเรื่องนี้ไว้กับฉู่เจียเสวียน
อีกอย่าง ตอนนี้เขาที่เขาไว้ใจได้มีเพียงฉู่เจียเสวียน ในความเห็นของเขาคนในประเทศไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไรนัก อย่างไรก็ตามความไว้วางใจที่สำคัญของเขาก็อยู่ต่างประเทศ
“งั้นผมเข้าใจแล้ว ผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อร่วมมือกับดีไซเนอร์ฉู่ครับ” ประธานหยางกล่าว พร้อมมองฉู่เจียเสวียนด้วยสีหน้าจริงจัง
“กงจวิ้นฉือกำชับว่าต้องระวังแผนกต่างประเทศให้ดี แผนกต่างประเทศดูเหมือนจะอยู่ในชั้นที่แยกต่างหากใช่ไหมคะ” ฉู่เจียเสวียนพูดกับประธานหยางพลางครุ่นคิด
ปกติเวลาที่ฉู่เจียเสวียนอยู่ในบริษัท ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คืองานออกแบบ เธอไม่ค่อยได้ติดต่อกับแผนกอื่นเท่าไรนัก ฉะนั้นจึงไม่ได้เข้าใจมาก
“ใช่ครับ แผนกต่างประเทศอยู่ที่ชั้นยี่สิบห้า”
“อืม โอเค ฉันเข้าใจแล้ว งั้นต่อไปต้องรบกวนขอความร่วมมือจากคุณแล้ว อย่าปล่อยให้เรื่องนี้รั่วไหลออกไปเด็ดขาดนะคะ” ฉู่เจียเสวียนมองกับประธานหยางพร้อมกับพูด
“แน่อยู่แล้วครับ” ประธานหยางได้ยินแล้วก็พยักหน้าหงึกหงัก
“ส่วนเรื่องแผนกต่างประเทศ ถ้าฉันมีเวลาก็จะไปทำความรู้จักสักหน่อย ถ้าหากคุณพอจะรู้จักล่ะก็ เล่าให้ฉันฟังก่อนก็ได้นะคะ” ฉู่เจียเสวียนมองประธานหยางพร้อมขมวดคิ้ว เอ่ยถามเบาๆ
ประธานหยางคิดครูหนึ่งแล้วพูดขึ้น “แผนกต่างประเทศเป็นแผนกที่หยิ่งที่สุดในบริษัท ข้างในมีแต่พนักงานเก่าแก่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“ในกรณีที่มีหนอนบ่อนไส้จริงๆ เขาก็ต้องซ่อนไว้อย่างมิดชิดแน่นอน เป็นไปได้มากว่าจะเป็นพนักงานที่เก่าแก่ที่สุดของบริษัท” ตอนนี้เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องสู้กันสักตั้ง
ฉู่เจียเสวียนได้ยินวิธีพูดของประธานหยางแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าหนอนบ่อนไส้จะต้องอยู่ในแผนกต่างประเทศอย่างแน่นอน เธอจะต้องสืบสวนด้วยตัวเองถึงจะถูก
“โอเคครับ งั้นผมทางนี้จะให้ความร่วมมือคุณอย่างเต็มที่”
ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า “งั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้ว คุณไปพักผ่อนเถอะ” พูดจบก็ออกไปจากออฟฟิศแล้ว
ฉู่เจียเสวียนกลับไปนั่งในออฟฟิศ เธอเอามือเท้าคาง มองทิวทัศน์นอกหน้าต่างแล้วจมอยู่ในความคิด
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าบริษัทกงจะมีหนอนบ่อนไส้จริงๆ เธอเชื่อว่ากงจวิ้นฉือคงไม่บอกเรื่องนี้กับเธออย่างเลื่อนลอยแน่นอน เมื่อคิดเช่นนี้ก็เงยหน้ามองดูเวลา บ่ายสองแล้ว
ตอนนี้พนักงานกลุ่มบริษัทกงต่างเข้างานกันแล้ว
หลังจากฉู่เจียเสวียนครุ่นคิดแล้วก็ลุกขึ้นยืน ออกไปจากออฟฟิศ มุ่งหน้าไปยังแผนกต่างประเทศชั้นยี่สิบห้า
ฉู่เจียเสวียนก้าวเข้าไปในแผนกต่างประเทศ มองดูพนักงานที่ยุ่งกับงานอย่างต่อเนื่อง เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุดยั้ง เธอยืนอยู่หน้าประตูเนิ่นนาน ก็ไม่มีใครสักคนสังเกตเห็นเธอ
แผนกต่างประเทศสมกับเป็นแผนกของบริษัทที่ยุ่งมากจริงๆ ฉู่เจียเสวียนกัดริมฝีปากแล้วหันหลังจากไป
ตอนนี้เธอผลีผลามเข้าไปแบบนี้ หาหลักฐานอะไรไม่ได้อยู่แล้ว อย่างไรซะก็ออกไปก่อนจะดีกว่า เธอคิดเช่นนี้แล้วก็ออกไปจากแผนกต่างประเทศ
นอกหน้าต่างอากาศแจ่มใส แสงอาทิตย์สาดส่องอยู่บนพื้น สายลมพัดเอื่อย ทุกสรรพสิ่งฟื้นคืนชีพ อากาศค่อยๆ ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ตอนนี้ใบไม้ร่วงหล่นจากต้นแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงคือฤดูแห่งความแห้งเ**่ยว
ฉู่เจียเสวียนขับรถออกไปจากลุ่มบริษัทกง จนมาถึงร้านชุดแต่งงาน
“พี่เจียเสวียน…”
“พี่เจียเสวียน…”
เมื่อพนักงานในร้านชุดแต่งงานเห็นฉู่เจียเสวียน แต่ละคนก็พยักหน้าทักทายเธอ
“ถังถังอยู่ออฟฟิศหรือเปล่า” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยถามผู้จัดการร้านเสี่ยวลี่ที่เดินเข้ามา
“อยู่ค่ะ”
“โอเค” ได้ยินแล้วก็ก้าวเข้าไปในออฟฟิศ
เธอไม่ได้มาที่ร้านชุดแต่งงานมาพักหนึ่งแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าถังถังดำเนินกิจการร้านไปถึงไหนบ้าง
ระยะหลังนี้เนื่องด้วยเรื่องที่กลุ่มบริษัทกงรบกวนจิตใจเธอเล็กน้อย บวกกับเผยหนานเจวี๋ยก็ปรากฏตัวข้างกายเธอและทำให้รำคาญใจเป็นครั้งคราว คิดแล้วเธอก็รู้สึกหงุดหงิดสุดขีด
“ถังถัง” ทันทีที่ฉู่เจียเสวียนเข้าออฟฟิศ ก็เห็นถังถังกำลังออกแบบชุดแต่งงาน
ถังถังเงยหน้า เมื่อเห็นฉู่เจียเสวียนดวงตาก็เป็นประกาย ยกมุมปากยิ้ม “ไง คุณหนูใหญ่ฉู่ ในที่สุดก็มีเวลาเยี่ยมชมร้านตัวเองแล้วเหรอ”
“ชิ พูดให้มันน้อยหน่อย” ได้ยินคำพูดของถังถังแล้ว ฉู่เจียเสวียนเดินไปนั่งที่ของตัวเอง
ถังถังเดินตามฉู่เจียเสวียน เอ่ยปากเย้าแหย่เธอ “ตอนแรกก็ใช่อยู่ พอเธอไปบริษัทกงทีก็ไปเป็นครึ่งเดือน เธอยังจำได้เหรอว่านี่คือร้านของเธอ”
วางกระเป๋าลง ฉู่เจียเสวียนยิ้ม “คุณหนูใหญ่ของฉัน เธอรู้หรือเปล่าว่าครึ่งเดือนนี้ฉันยุ่งแค่ไหน”
“เชอะ เธอจะยุ่งอะไร” ถังถังลากเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วนั่งลงตรงหน้าเธอ พลางพูดอย่างไม่พอใจ
ไม่เคยเห็นเจ้านายที่ไม่รับผิดชอบอย่างเธอมาก่อนเลย ครึ่งเดือนมานี้ไม่กลับมาที่บริษัทเลยสักครั้ง พอเธอโทรศัพท์ไปนัดก็ยังบอกว่าไม่มีเวลา
“ที่บริษัทกงมีเรื่องวุ่น” ยกมือขึ้นนวดคลึงคิ้ว ทันทีที่ฉู่เจียเสวียนนึกถึงบริษัทกงก็รู้สึกปวดหัว
ตอนนี้บริษัทกงราวกับว่าถูกดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองจากที่มืด ฉู่เจียเสวียนรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
“เรื่องวุ่นอะไร” ถังถังขมวดคิ้ว มองฉู่เจียเสวียนพร้อมเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
ฉู่เจียเสวียนส่ายหัว เธอไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้กับถังถังอย่างไร ที่เธอมาหาเธอไม่ใช่เพราะเรื่องพวกนี้
“อย่าเพิ่งคุยกันเรื่องนี้เลย พูดแล้วฉันปวดหัว ที่ฉันมาเพราะอยากจะดูว่าเธอแอบอู้ในร้านหรือเปล่า”
“ฉันอู้เหรอ เธอดูสิ มือฉันพันกันเป็นรังไหมแล้ว ทุกวันถือปากกาไม่ได้หยุดเลย” ถังถังได้ยินแล้วก็ไม่พอใจ
ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาฉู่เจียเสวียนไม่ได้กลับมาที่ร้านชุดแต่งงานเลย ถังถังต้องการรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดในร้านคนเดียว
ทันทีที่กลับมาไม่มีน้ำใจปลอบโยนเธอสักคำก็แล้วไป แต่ยังมาสงสัยว่าเธออู้อีก