กับดักรักในรอยแค้น - ตอนที่ 572 ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต / ตอนที่ 573 พวกเรายังมีโอกาสไหม
- Home
- กับดักรักในรอยแค้น
- ตอนที่ 572 ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต / ตอนที่ 573 พวกเรายังมีโอกาสไหม
ตอนที่ 572 ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต
หลังจากเปลี่ยนเสื้อ เผยหนานเจวี๋ยก็ลงมาชั้นล่างทันที เขาย้ายออกจากวิลล่าซีเจียวกลับไปยังวิลล่าก่อนหน้านี้โดยไม่หันมามองหลี่เซียนเซียนเลย
มันเป็นวิลล่าที่เคยอาศัยอยู่ตอนที่แต่งงานกับฉู่เจียเสวียนเมื่อสามปีก่อน
ผู้ช่วยส่งเอกสารไปที่วิลล่าเผยตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนนี้ร่างกายของเผยหนานเจวี๋ยไม่สามารถทนทรมานได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทำงานที่บ้านและรักษาตัวสักพักหนึ่งก่อน
ทางนี้ดูเหมือนว่าเรื่องของเผยหนานเจวี๋ยจะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่อารมณ์ของฉู่เจียเสวียนยังคงมีความเศร้าโศก
ฉู่เจียเสวียนมองกระดาษเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะ สมองของเธอว่างเปล่า ไม่สามารถออกแบบอะไรได้เลย
เธออยู่ในสถานะนี้มาหลายวันแล้ว เธอไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองเป็นอะไรไป
ถังถังออกไปคุยงานกับแขกแล้ว ในออฟฟิศมีเธอเพียงคนเดียว และเธอก็รู้สึกหงุดหงิดจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว
ระหว่างที่กำลังรำคาญใจอยู่นั้น เสียงเคาะประตูของออฟฟิศดังขึ้น เงยหน้าขึ้นก็เห็นผู้จัดการร้านเสี่ยวลี่ ยืนอยู่ที่ประตู “พี่เจียเสวียน มีลูกค้ามาหาพี่ค่ะ ตอนนี้รออยู่ในห้องรับแขก”
“ได้” ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า หลังจากจัดการกับอารมณ์แล้ว ก็เดินไปที่ห้องรับแขก
เผยหนานเจวี๋ยรอฉู่เจียเสวียนอยู่ในห้องรับแขก หลังจากฉันตัดสินใจที่จะกลับไปคืนดีกับฉู่เจียเสวียนแล้ว เขาจึงกำจัดอารมณ์หดหู่ก่อนหน้านี้ออกไป และเขาก็ดูหล่อเหลายิ่งขึ้น
ในเวลานี้เขากำลังหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง มองไปที่ทิวทัศน์ด้านนอก
วันนี้เขาสวมสูทสีดำ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน ดูหล่อในแบบของเขา เสื้อคลุมด้านนอกเพิ่มความรู้สึกแห่งความโหดเ**้ยมเล็กน้อย
“ขอโทษค่ะ ทำให้คุณ…” ฉู่เจียเสวียนเพิ่งเข้ามาที่ห้องรับรอง และต้องหยุดกะทันหันก่อนที่จะพูดจบ
ชั่วชีวิตนี้เธอไม่มีวันลืมแผ่นหลังนั้นเลย
เขามาได้อย่างไร
เมื่อได้ยินเสียง เผยหนานเจวี๋ยหันกลับมา มองฉู่เจียเสวียนแล้วยิ้ม
“เจียเสวียน” เขามองเธอด้วยไฟที่ลุกโชนในดวงตา แววตาเผยความรักลึกซึ้ง
สีหน้าของฉู่เจียเสวียนเย็นชา เมื่อคิดถึงข่าวที่เห็นก่อนหน้านี้ เธอก็สึกเบื่อหน่าย
“ไม่ทราบว่าประธานเผยมาหาฉันมีอะไรเหรอคะ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากเย็นชา ยืนอยู่ที่ประตูไม่มีท่าทีจะขยับอีก
พวกเขาอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร มองหน้ากัน
เผยหนานเจวี๋ยยกมือขึ้นแล้วกวาดตามองนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย เสียงมีเสน่ห์และทุ้มต่ำดังขึ้น “ให้เวลาผมห้านาที”
ฉู่เจียเสวียนหัวเราะเยาะ เดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลง “ไม่ทราบว่าคุณเผยต้องการจะคุยอะไรกับฉัน”
เผยหนานเจวี๋ยนั่งลงตรงข้ามฉู่เจียเสวียน ก้มหน้ามองดูใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของฉู่เจียเสวียนที่สะท้อนบนโต๊ะกระจก จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น “ผมอยากอธิบายกับคุณเรื่องข่าวลือของหลี่เซียนเซียน”
ใบหน้าของเผยหนานเจวี๋ยแสดงความลังเล เขาไม่เคยอธิบายให้คนอื่นฟังเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เลย
ริมฝีปากสีแดงของฉู่เจียเสวียนทำมุมโค้งเยาะเย้ย “ประธานเผยคะ ฉันไม่สนใจเรื่องซุบซิบของคุณเลยแม้แต่น้อย แล้วฉันก็ไม่สนใจคำอธิบายของคุณด้วย”
“’งั้นคุณก็คิดว่าผมพูดคนเดียวแล้วกัน พูดกับตัวเอง คุณไม่ต้องออกความเห็นอะไร” ด้วยความเคยชินเผยหนานเจวี๋ยคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าต้องรับมือกับความเย็นชาของฉู่เจียเสวียนอย่างไร
ฉู่เจียเสวียนได้ยินแล้วไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เพียงเหลือบมองเขาเล็กน้อย เธอจะไม่ยอมรับว่าเธอกำลังรอคำอธิบายของเขาอยู่
“ผมเกิดเรื่องที่ต่างประเทศนิดหน่อย หลี่เซียนเซียนมีบุญคุณกับผม ผมพาเธอกลับมาก็เพื่อตอบแทนบุญคุณ ผมกับเธอมีแค่ความสัมพันธ์เพื่อตอบแทนบุญคุณเท่านั้น ไม่มีความคิดอื่น”
“อ่อ” ฉู่เจียเสวียนตอบรับเสียงเบา จู่ๆ ก็รู้สึกดีใจ ราวกับว่าความทุกข์ทั้งหมดได้หายไปแล้ว
แต่ในใจรู้สึกประหลาดใจที่เผยหนานเจวี๋ยรู้จักขอบคุณบุญคุณผู้อื่น
ตอนที่ 573 พวกเรายังมีโอกาสไหม
“พูดจบแล้ว?” ฉู่เจียเสวียนถามกลับ
“เอ่อ เมื่อก่อนผมไม่สนใจข่าวลือเกี่ยวกับตัวผม แต่ตอนนี้ผมจะไม่อนุญาตให้มันเกิดขึ้นอีก ผมไม่สนใจสิ่งที่คนอื่นคิด แต่ผมแคร์คุณ ผมไม่ต้องการให้คุณเข้าใจผิด สามปีที่คุณจากไปผมไม่เคยมีอะไรกับฉู่อีอีเลย” ไหนๆ ก็พูดแล้วก็พูดให้กระจ่างภายในคราวเดียว เขาก็ไม่รู้สึกว่ามันน่าอับอายและพูดไม่ได้ตรงไหน
เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ เงยหน้าขึ้นมองฉู่เจียเสวียน แววตาที่มองเธอตื่นตระหนก
“ผมรู้ว่าเมื่อก่อนผมมันไม่ดี ผมอารมณ์ร้อนมาตลอด แต่ว่าเพื่อคุณแล้ว ผมเต็มใจที่จะเปลี่ยน ผมแค่หวังว่าคุณจะให้โอกาสผม” ดวงตาของเผยหนานเจวี๋ยมีความจริงใจ
เห็นได้ชัดว่าฉู่เจียเสวียนไม่ได้คาดหวังว่าเผยหนานเจวี๋ยไม่เคยมีอะไรกับฉู่อีอีเลยตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันสามปี
เธอเก็บงำสีหน้าและซ่อนความรู้สึกในดวงตาเอาไว้ เธอจะหวั่นไหวเพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำของเผยได้อย่างไรกัน ผู้ชายเอ่ยคำหวานเก่งที่สุดแล้ว
“ประธานเผย ฉันมีแฟนแล้ว โอกาส? ฉันจะให้โอกาสอะไรคุณ?” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเย็นชา ต่อให้สิ่งเหล่านี้ที่เขาพูดเป็นความจริงแล้วยังไงเหรอ
ตอนนี้เธอมีแฟนแล้ว
“พวกคุณยังไม่แต่งงานผมยังมีโอกาส” ต่อให้คุณแต่งงานแล้ว ผมก็จะไม่ยอมแพ้
เผยหนานเจวี๋ยไม่ได้พูดประโยคสุดท้ายนี้ออกไป เขามองเธอด้วยแววตาที่ลุกเป็นไฟ มันลึกซึ้งเสียจนแทบจะละลายฉู่เจียเสวียน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะไปทำงาน” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากอย่างสงบ ขณะที่เธอลุกขึ้น สัมผัสของความอ่อนโยนผุดขึ้นในสายตาของเธอ
เหลือบมองศีรษะของเผยหนานเจวี๋ยที่ขณะนี้มีผมหงอกแล้ว
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงอาการอ่อนแอของเผยหนานเจวี๋ยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในเวลานั้นใบหน้าของเขาซีดขาวมาก
“เผยหนานเจวี๋ย คุณต้องใส่ใจกับร่างกายของคุณด้วย” เธอมองต่ำลงมาที่เขา น้ำเสียงเป็นห่วง
เผยหนานเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นมองฉู่เจียเสวียน ริมฝีปากบางๆ ของเขาดึงเส้นโค้งที่สวยงามออกมา
“คุณเป็นห่วงผม?”
“ใช่” ฉู่เจียเสวียนตอบโดยไม่ลังเล
เผยหนานเจวี๋ยดีใจ ใบหน้ามีความสุขอย่างเห็นได้ชัด “ระหว่างพวกเราสองคนยังเป็นไปได้ไหม”
“ฉันเป็นแฟนของกงจวิ้นฉือ” ฉู่เจียเสวียนกล่าว รักษาระยะห่างระหว่างเขากับเธอ ในขณะนี้เธอยังคงเป็นแฟนของกงจวิ้นฉือ
ไม่ว่าในกรณีใด เธอก็ไม่ควรทำสิ่งอื่นที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดก่อนเลิกกับกงจวิ้นฉือ
“ผมรู้ แต่ผมจะรอคุณ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวเรียบๆ
ฉู่เจียเสวียนเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรอีก หันหลังแล้วเดินออกจากห้องรับแขก
ที่จริงเธอเองก็ไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไร เธอรู้อย่างชัดเจนว่าเผยหนานเจวี๋ยคือยาพิษ แต่เธอก็ยังได้รับพิษเสียแล้ว ทำอย่างไรดี
เธอควรให้อภัยเผยหนานเจวี๋ยหรือเปล่า แล้วกงจวิ้นฉือล่ะจะทำอย่างไร
ตอนนี้หัวใจของฉู่เจียเสวียนยุ่งเหยิงมาก เธอเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้
ดูเหมือนว่าดวงอาทิตย์ฤดูหนาวจะตกเร็วเป็นพิเศษ เพียงห้าโมงครึ่ง ท้องฟ้าก็เป็นสีเทาแล้ว
ถนนในเมือง A ก็ดูเยือกเย็นมากเช่นกัน ฉู่เจียเสวียนไปเดินเล่นที่เซ็นจูรี่เซ็นเตอร์ มองผู้คนไปเดินไปมาบนถนน หัวใจของเธอหงุดหงิดอย่างประหลาด
ลมหนาวพัดโชยมา ฉู่เจียเสวียนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ยกมือขึ้นกอดตัวเอง
“พวกเรายังมีโอกาสไหม”
“คุณเป็นห่วงผมเหรอ”
คำพูดของเผยหนานเจวี๋ย เงาของเขายังอยู่ปรากฏอยู่ในสมองของเธอไม่จางหาย อารมณ์ในดวงตาของเธอซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้เธอเป็นแฟนของกงจวิ้นฉือ แต่ว่าเธอก็รู้ดี เหตุผลที่เธอรับปากเป็นแฟนของกงจวิ้นฉือ เพียงเพราะเธอละอายใจต่อเขาเท่านั้น