พันธกานต์ปราณอัคคี - ตอนที่ 220 ความตกตะลึงของชิงเฉิน
“ดูเร็ว อาจารย์อามั่ว!” ศิษย์ระดับหลอมลมปราณบนพื้นแหงนหน้ามองเห็นมั่วชิงเฉินนั่งเรือบินทะยานมาจากบนฟ้า จึงเอ่ยอย่างตื่นเต้น
“เอ๊ะ ข้างหลังอาจารย์อามั่วมีคน คงไม่ใช่ผู้ตามขอความรักหรอกกระมัง?” ศิษย์อีกคนหนึ่งตะโกนอย่างตื่นเต้นเหมือนพบเรื่องแปลกใหม่
บรรดาศิษย์ค้อนตาคว่ำพร้อมกัน “เชอะ จะเป็นไปได้อย่างไร!”
“ลางเนื้อชอบลางยาไงล่ะ พูดกันว่าปีนั้นมีอาจารย์อาจ้าวท่านหนึ่งก็เคยตามขอความรักอาจารย์อามั่วบนถนนใหญ่เขาโฮ่วเต๋อเรามิใช่หรือ…” ศิษย์คนนั้นเอ่ยอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร
มีคนรับคำทันทีว่า “มีเรื่องเช่นนี้จริงๆ เพียงแต่หลังจากที่อาจารย์อาจ้าวถูกอาจารย์อามั่วใช้ก้อนอิฐตบสลบแล้ว คนที่ชอบแนวนั้นคาดว่าคงไม่มีแล้วกระมัง…”
บรรดาศิษย์พยักหน้าเหมือนโขลกกระเทียม
ไม่ไกลออกไปมีศิษย์ระดับสร้างรากฐานคนหนึ่งเอ่ยอย่างสงสัยว่า “นั่น นั่นมิใช่คุณชายเถียนหรอกหรือ? เขาไล่ตามศิษย์น้องมั่วไปไย?”
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานข้างๆ หัวเราะว่า “ดูเหมือน ท่าทาง คุณชายเถียนยังไม่รู้เรื่องล่าสุดของศิษย์พี่มั่วกระมัง?”
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานอีกคนหนึ่งยิ้มเยาะว่า “ฮึ ไม่ว่าอย่างไร ครั้งนี้ข้าว่าคุณชายเถียนคนนั้นกำลังจะซวยแล้ว เอาเป็นว่า ข้าไม่มีทางบอกความน่ากลัวของศิษย์พี่มั่วกับเขาก็แล้วกัน”
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานอีกสองคนหัวเราะอย่างชั่วร้ายขึ้นพร้อมกันว่า “ข้าก็เช่นกัน…”
มั่วชิงเฉินร่อนลงหน้าโถงปฏิบัติงานเขาโฮ่วเต๋อโดยตรง จากนั้นก้าวเท้าเดินไปที่โถงปฏิบัติงาน
เห็นมั่วชิงเฉินเข้าไปในโถงปฏิบัติงานแล้ว เถียนหยวนถึงหยุด แล้วหลบรออยู่ที่มุมหนึ่งที่คิดเอาเองว่าไม่มีใครเห็น โดยที่ไม่รู้ว่าเขาโฮ่วเต๋อมีตาแห่งการซุบซิบตั้งกี่คู่กำลังเหล่เขาอยู่
มีศิษย์ชุดเขียวสองคนท่าทางล้วนอยู่ระดับหลอมลมปราณ ขั้นสิบเอ็ดสิบสอง เป็นลูกสมุนของเถียนหยวนมาตลอด ตั้งแต่เขาถูกทำโทษให้กักตนสำนึกผิดตามด้วยออกจากสำนักไปฝึกตน ถึงไม่ได้ไปมาหาสู่กัน บัดนี้เห็นเถียนหยวนหลบอยู่ที่หัวมุมรอมั่วชิงเฉินอย่างลำบาก จึงอดพึมพำไม่ได้ว่า
“หลี่ซื่อ เจ้าว่าคุณชายเถียนรออาจารย์อามั่วไปไยน่ะ?”
“จางซันเอ๋ยตามคุณชายเถียนมานานถึงเพียงนี้เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ เจ้าดูสีหน้าของคุณชายเถียนก็รู้แล้ว เขาต้องถูกตาต้องใจอาจารย์อามั่วแล้วแน่ๆ ดูเร็ว น้ำลายจะไหลออกมาอยู่แล้ว จะทนรอไม่ไหวแล้ว” หลี่ซื่อเอ่ย
จางซันเบิกตากว้าง “ไม่หรอกกระมัง เหตุใดปุบปับคุณชายเถียนถึงเปลี่ยนรสนิยมแล้วล่ะ หรือว่า หรือว่าถูกกักตนจนโง่แล้ว?”
หลี่ซื่อต่อว่าว่า “เจ้าบ้าแล้วหรือ กล้าว่าคุณชายเถียนเช่นนี้ ทว่า…เรื่องราวก็ไม่ค่อยปกติจริงๆ คุณชายเถียนคงไม่ใช่ถูกของสกปกรเข้าหรอกกระมัง ไม่ได้ ข้าต้องไปเตือนสักหน่อย”
“เฮ่ยๆ หลี่ซื่อ เจ้าลืมนิสัยของคุณชายเถียนแล้วหรือ เขากำลังนึกสนุก เกลียดคนรบกวนที่สุดเลย” จางซันลากแขนของหลี่ซื่อไว้
หลี่ซื่อจำใจว่า “เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้นี่นา จะมองดูคุณชายเถียนกระโดดเข้ากองไฟตาปริบๆ คงไม่ได้กระมัง”
กองไฟ…หากมั่วชิงเฉินรู้ว่าการตามของความรักตนสำหรับศิษย์เหยากวงนับพันนับหมื่นแล้วละก็คือการกระโดดกองไฟ คิดว่าคงต้องน้ำตานองหน้าแล้ว
“พวกเจ้าสองคนมาทำอะไร?” เถียนหยวนเห็นจางซันและหลี่ซื่อแถกเข้ามาอย่างสุภาพ หน้าบึ้งแล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
จางซันผลักหลี่ซื่อทีหนึ่ง
“คุณชายเถียน ไม่เจอท่านมานานเลย พวกเราพี่น้องเลี้ยง ไปดื่มเป็นเพื่อนท่านสักจอกหนึ่ง?”
เถียนหยวนโบกมือ “ไว้วันหลังไว้วันหลัง ไม่เห็นข้ากำลังยุ่งอยู่หรือไร?”
“คุณชายเถียน ท่านอยู่นี่…รอคนหรือ?” หลี่ซื่อยิ้มถาม
เถียนหยวนถลึงตา “ข้าว่าเจ้าสองคนไม่เจอข้านานเกินไป คันใช่หรือไม่ คุณชายข้าทำอะไรยังต้องรายงานพวกเจ้าหรืออย่างไร?”
“ไม่ใช่ คุณชายเถียน ท่านรออาจารย์อามั่วอยู่ใช่หรือไม่ ไอยา ข้าบอกท่านก็แล้วกัน อาจารย์อามั่วรอไม่ได้หรอกนะ…” จางซันเอ่ยขึ้นตาม
ในยามนี้เองก็เห็นมั่วชิงเฉินเดินออกมาจากโถงปฏิบัติงาน เถียนหยวนที่หลงมัวเมาความงามยังได้ยินคำพูดของคนอื่นที่ไหนกัน เห็นสาวงามออกมาจึงโบกมืออย่างรำคาญว่า “ไปข้างๆ ไปข้างๆ อย่ามากวนเรื่องดีของข้า อะไรรอได้รอไม่ได้ สาวๆ ของพรรคเหยากวง มีสักกี่คนที่ข้ารอไม่ได้บ้าง?”
เห็นเถียนหยวนตรงเข้าโถงปฏิบัติงานไป จางซันเอ่ยเบาๆ ว่า “หลี่ซื่อ นี่จะทำเช่นไรดีล่ะ?”
หลี่ซื่อก็โมโหแล้วเช่นกัน ฮึว่า “อะไรทำเช่นไรดี ไป ดื่มสุรากัน”
“เฮ้ย เช่นนั้นไม่สนใจคุณชายเถียนแล้วหรือ?” จางซันร้อนใจว่า
“รีบเข้าไปให้โดนอัด รั้งก็รั้งไม่อยู่ ไป” หลี่ซื่อหัวเราะเย้ยว่า
เถียนหยวนเข้าไปในโถงปฏิบัติงาน คนที่อยู่เวรสนิทกับเขาพอดี ขึ้นชื่อเรื่องขอเพียงให้หินวิญญาณก็พูดกันง่าย
เถียนหยวนก็ไม่พูดมาก ยัดหินวิญญาณแวววับสิบกว่าก้อนเข้าไปตรงๆ เอ่ยเบาๆ ว่า “ศิษย์น้องคนเมื่อครู่รับภารกิจอะไร?”
“อ้าว ศิษย์พี่เถียนหรือนี่ ท่านถามถึงศิษย์พี่คนเมื่อครู่หรือ?” สีหน้าของศิษย์ที่อยู่เวรประหลาดเล็กน้อย
เถียนหยวนเอ่ยอย่างรำคาญว่า “รีบบอกมา”
“เอ่อ…”
‘ผลัวะ’ เสียงหนึ่ง หินวิญญาณอีกหลายก้อนตบลงบนโต๊ะอีก
ศิษย์ที่อยู่เวรใจดวงน้อยๆ สั่นระริก คุณชายเสเพล ช่างสมกับเป็นคุณชายเสเพลจริงๆ เลย ที่ตนลังเลมิใช่เพราะจะเอาหินวิญญาณ หากแต่กำลังครุ่นคิดว่าจะเตือนเขาดีหรือไม่
“เป็นอันใด ยังเกี่ยงว่าไม่พอ?” ในที่สุดเถียนหยวนก็ขมวดคิ้วขึ้น
ศิษย์ที่อยู่เวรรีบยิ้มหน้าบานทันทีว่า “ที่ไหนกัน ท่านดู นี่คือข้อมูลภารกิจของศิษย์พี่มั่ว”
เถียนหยวนกวาดมองเพียงปราดเดียว ก็ยิ้มอย่างเข้าใจ เบือนหน้าทะยานสู่ข้างนอกแล้ว
“เฮ้อ ศิษย์พี่เถียน ศิษย์พี่เถียน ศิษย์น้องยังมีอะไรจะพูด…” ศิษย์ที่อยู่เวรตะโกนเรียก แต่กลับไม่เห็นเงาของเถียนหยวนนานแล้ว
มั่วชิงเฉินเดินสวบๆ บนถนนใหญ่เขาโฮ่วเต๋อที่ไปสู่ประตูสำนัก ศิษย์ที่อยู่ข้างนอกต่างหลบออกข้างๆ พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย สายตากลับไล่ตามอย่างไม่ลดละ
เถียนหยวนที่ตามอยู่ข้างหลังแอบได้ใจ นึกว่าความองอาจของตนสะกดคนเหล่านี้ไว้ ทีนี้ยิ่งฮึกเหิมขึ้นมาอีก
เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เคยถูกสั่งสอนมาก่อน ไม่กล้าทำอะไรโจ๋งครึ่มอีก เพียงแต่แอบดีใจอยู่ในใจแล้วตามหลังมั่วชิงเฉินเดินสู่ประตูสำนัก
แหะๆ นางหนูนี่แม้จะอยู่ระดับสร้างรากฐานระยะกลางเหมือนตน ทว่าอย่างไรเสียก็เป็นสตรี อีกทั้งตนได้รับมอบของดีไม่น้อยจากท่านเทียดอีก คิดจะจับนางยังไม่ใช่แค่ยื่นมือก็คว้ามาได้ จิ๊ๆ ถึงเวลากลางป่าเขาพงไพร ยังมิใช่ต้องปล่อยให้ตนทำตามใจหรอกหรือ
มั่วชิงเฉินออกจากประตูสำนัก นั่งเรือบินตรงไปเขาลั่วเยี่ยน กวาดจิตตระหนักไปพบว่าเถียนหยวนไม่ได้ตามมา ตรงกันข้ามกลับโล่งอก
บัดนี้นางมีชื่อเสียงไม่น้อยในสำนัก ใครๆ ก็รู้ว่าในบรรดาผู้บำเพ็ญเพียรระดับเดียวกันพลังการต่อสู้ของนางแกร่งมาก หากเจ้าโง่นั่นตามติดตนมา ตนกลับไม่สังเกตตลอดทาง สืบสาวราวเรื่องลงมากลับจะทำให้คนสงสัยได้
ภารกิจที่นางรับครั้งนี้คือส่งมอบขนมรกตส่วนหางของไก่หงอนแดงขาเดียวสิบเส้น ไก่หงอนแดงขาเดียวเป็นอสูรปีศาจชั้นสี่ที่เห็นได้ทั่วไป เทียบเท่ากับระดับสร้างรากฐานระยะปลายในมนุษย์ พบเห็นได้บ่อยๆ ที่เขาลั่วเยี่ยน
ผลตอบแทนของภารกิจอุดมสมบูรณ์มาก ศิษย์ที่รับภารกิจนี้กลับมีไม่กี่คน สาเหตุก็เพราะไก่หงอนแดงขาเดียวใจเสาะมาก นิสัยรอบคอบ หากผู้บำเพ็ญเพียรที่มาเกินกว่าสองคนหรือตบะสูง ก็จะหลบขึ้นมาโดยตรง ไม่โผล่หน้าให้เห็นสักที ทำให้คนทำอะไรไม่ได้
มั่วชิงเฉินเลือกภารกิจนี้ ก็หวังจุดนี้แหละ คนรับภารกิจน้อย ก็จะไม่พบเจอคนอื่นที่เขาลั่วเยี่ยน เจ้าสารเลวนั่นก็กล้าทำอะไรโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด ส่วนที่นางต้องการก็คือให้เขาทำอะไรโดยไม่กลัวสิ่งใดนี่แหละ
ยังมีอีกจุดหนึ่งก็คือ…ยังมีอีกคนหนึ่งรับภารกิจนี้ หากรุดไปได้จังหวะ เขาจะเป็นพยานบุคคลที่ดีที่สุด
ไก่หงอนแดงขาเดียวตัวหนึ่งมีขนมรกตเพียงห้าเส้น มั่วชิงเฉินเสียพลังไปสักหน่อย ในที่สุดก็ฆ่าได้สองตัว ลุล่วงตามภารกิจ และยามนี้พลังวิญญาณในกายนางแม้ยังเหลือครึ่งใหญ่ ภายนอกกลับแสดงให้เห็นว่าหอบแฮ่กๆ พลังวิญญาณไม่พอแล้ว
ส่วนนี่ ก็อยู่ในแผนการของนางแต่แรก
เถียนหยวนที่หลบอยู่ในที่ลับดีใจ แม้เขามักมากในกาม กลับไม่ใช่คนโง่จริงๆ มิเช่นนั้นต่อให้มีท่านเทียดคอยปกปัก ก็ไม่อาจมีชีวิตรอดโดยสวัสดิภาพจนถึงบัดนี้
นางหนูนั่นตบะเทียบเท่ากับตน ต่อให้มีความมั่นใจว่าจะชนะนาง สุดท้ายก็ต้องเปลืองแรงสักครั้ง จะสะดวกสบายคอยเก็บผลประโยชน์เหมือนตาอยู่เช่นนี้ได้อย่างไร
มั่วชิงเฉินล้วงโอสถเติมวิญญาณกลืนลงไป โบกมือเริ่มตั้งค่ายป้องกัน
เถียนหยวนตาทอประกายแวบหนึ่ง
มั่วชิงเฉินที่กำลังตั้งค่ายกลอยู่จู่ๆ ก็รู้สึกถึงคลื่นพลังวิญญาณระลอกหนึ่งส่งผ่านมา ระหว่างที่รีบถอยออกก็เห็นเชือกขาวเส้นหนึ่ง
เชือกมัดเซียน!
มั่วชิงเฉินหน้าเปลี่ยนสีทันที ในใจแอบคิดว่าเจ้าสารเลวนี่มีของดีจริงๆ กลับทำสีหน้าหวาดกลัวปางตายว่า “ใคร!”
เสียงหัวเราะที่ตั้งใจทำเป็นสง่าลอยมา ตามด้วยเถียนหยวนปรากฏตัว ตาจ้องหน้ามั่วชิงเฉินเขม็งว่า “ศิษย์น้อง ไม่คิดว่าเจ้าจะระแวงถึงเพียงนี้ ไม่คิดเลยว่ายามที่พลังวิญญาณผลาญสิ้นตั้งใจตั้งค่ายยังสามารถหลบเชือดมัดเซียนของข้าพ้น”
“เจ้าเอง!” มั่วชิงเฉินสีหน้าเย็นดังน้ำแข็ง “เจ้าคิดจะเอาอย่างไร?”
เถียนหยวนส่ายศีรษะ ทำเสียงจิ๊ๆ ว่า “ศิษย์น้องเอ๋ยไม่คิดว่าสาวงามหยดย้อยเช่นเจ้ากลับเหมือนไข่มุกเปื้อนฝุ่นอยู่ในเหยากวง ช่างทำให้ศิษย์พี่ละอายใจจริงๆ วันนี้ก็ให้ศิษย์พี่ทะนุถนอมเจ้าดีๆ ให้เจ้าได้ลิ้มลองรสชาติขึ้นสวรรค์เป็นเซียนจริงๆ…”
พูดถึงข้างหลัง ยิ่งพูดยิ่งไม่เข้าหู
มั่วชิงเฉินกัดริมฝีปากแน่น อัญเชิญก้อนอิฐออกมาไว้ในมือ ตบไปที่เถียนหยวนอย่างดุดัน
ไม่เห็นเถียนหยวนขยับเขยื้อนแต่อย่างใด ก็เห็นเขาพุ่งออกไปไกลในทันใด เร็วกว่าเคลื่อนเงาเลือนรางของตนอย่างคาดไม่ถึง
มั่วชิงเฉินหรี่ตา หรือว่าตนประมาทคู่ต่อสู้เกินไปแล้ว? จากนั้นกวาดสายตาไปบนเท้าเถียนหยวน ก็เห็นเขาใส่รองเท้าเขียวแสงวิญญาณระยิบระยับ
ไม่คิดว่าจะมีอาวุธเวทประเภทรองเท้า คุณชายเสเพลคนนี้ ช่างอาวุธครบครันตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าจริงๆ เลย!
“ศิษย์น้อง ดูไม่ออกว่าอารมณ์เจ้าร้ายไม่เบาเลยนะ ท่าทางจะไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติความรัก ไม่เข้าใจเหตุผลที่ว่าเป็นหญิงสาวก็ต้องอ่อนโยนดุจน้ำ…” เถียนหยวนพูดอย่างใจเย็น
“ไร้ยางอาย!” มั่วชิงเฉินสีหน้าบึ้งตึง กลับอัญเชิญเถาวัลย์ในมือออก แหฟ้าตาข่ายดินคลุมไปที่ศีรษะเถียนหยวน
แม้ยามนี้เขาพูดยิ่งน่าเกลียดก็ยิ่งมีประโยชน์กับตน ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้จริงๆ ไม่ต้องแสร้งทำก็สามารถทำให้นางโมโหจนควันออกเจ็ดทวารได้
เถียนหยวนหัวเราะ โบกพัดในมือ ทันใดนั้นมังกรไฟหลายสายก็ทะยานออกมา ที่พิเศษคือมังกรไฟพวกนั้นกลับไม่ใช่สีเหลืองที่เห็นได้บ่อยๆ หากแต่เป็นสีเทาขาว
มังกรไฟสีเทาขาวพุ่งทะยานไป แตะถูกแหฟ้าตาข่ายดินตาข่ายยักษ์นั่นก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
ครั้งนี้มั่วชิงเฉินตกใจจริงๆ แล้ว กระบี่ชิงมู่ปรากฏขึ้นในมือ ตวัดกระบี่ร่ายเคล็ดวิชาพันบุปผาแปลงไม้ บุปผาวิญญาณเป็นดอกๆ บินไปที่เถียนหยวน
เถียนหยวนโบกพัดในมืออีก ลมเย็นสายหนึ่งพุ่งเข้าหน้ามา บุปผาวิญญาณถูกพัดจนกระจายไปรอบๆ มั่วชิงเฉินรู้สึกเพียงว่าร่างกายเย็นวูบ ร่ายรำกระบี่ชิงมู่อีกอย่างไม่ลังเล โซ่ดอกไม้เส้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ร่ายรำหมุนวนบินไปที่เถียนหยวน
ครั้งนี้ลมเย็นนั่นไม่ได้พัดโซ่ดอกไม้กระจายอีก ทว่าก็ในยามที่โซ่ดอกไม้จะถึงหน้าเถียนหยวนนั้น จู่ๆ มั่วชิงเฉินก็สีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน ดอกไม้วิญญาณนับไม่ถ้วนที่ทอเป็นโซ่ดอกไม้กระจายออกรอบด้านแล้วหายไป
“ฮ่าๆ ศิษย์น้องเอ๋ยไม่มีพลังวิญญาณแล้วสินะ เจ้ายอมศิษย์พี่เสียดีๆ เถอะ ที่จริงศิษย์พี่ก็ทำใจทำร้ายเจ้าไม่ลง” เถียนหยวนหัวเราะอย่างได้ใจ
มั่วชิงเฉินสีหน้าเย็นชา มองเถียนหยวนอย่างเคียดแค้น โยนมุกสีแดงนับไม่ถ้วนออกจากมือ ดอกไม้สดดอกใหญ่ๆ สะพรั่งออกกลางอากาศ คือดอกไม้ตะกละที่มีในสวนสมุนไพรพกพาของนางเพียงที่เดียว!
ในที่สุดเถียนหยวนก็หมดความอดทน โบกพัดในมืออย่างแรงทีหนึ่ง ทันได้นั้นควันดำนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา กลายเป็นใบหน้าสีหน้าต่างๆ กันกลางอากาศ ไอภูตผีวังเวงร่ำไห้ระงม คาดไม่ถึงว่าจะเป็นวิญญาณแค้นนับไม่ถ้วน
มั่วชิงเฉินสีหน้าซีดเซียวเหมือนกระดาษในบัดดล ตาจ้องวิญญาณแค้นกลางอากาศอย่างตะลึง
ใบหน้าวิญญาณแค้นนับไม่ถ้วน เพียงปราดเดียวนางกลับเห็นคนที่คุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นเคยอย่างไรคนนั้น
ท่านปู่ของนาง มั่วต้าเหนียน!