พันธกานต์ปราณอัคคี - ตอนที่ 272 พบกันอีกครั้ง
เท้าที่ยกขึ้นของมั่วชิงเฉินสะดุดกึก หมุนตัวไปแสยะมุมปากยิ้มว่า “ท่านผู้อาวุโสยังมีสิ่งใดจะสั่งเช่นนั้นหรือ?”
ผู้เฒ่ายื่นนิ้วมือชี้ขวดน้ำเต้าสุราในอก แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “น้อยเกินไป!”
มั่วชิงเฉินแอบสูดลมเข้าอึดหนึ่ง แบมือออกขวดหยกประณีตมีน้ำมีนวลใบหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ นี่เป็นขวดที่นักพรตจื่อซีมอบให้นางในปีนั้น อย่าเห็นว่าขวดหยกนี้เล็กกะทัดรัดเพียงเท่านี้ ความจุข้างในกลับจุได้มาก ที่ยิ่งหายากคือข้างในแบ่งเป็นสิบช่อง ขวดหยกใบหนึ่งสามารถใส่สุราเลิศรสสิบชนิดในเวลาเดียวกัน ยามรินสุราเพียงเขี่ยเบาๆ ก็สามารถรินสุราเลิศรสที่ชอบออกมาได้แล้ว
ผู้เฒ่าตาเป็นประกาย พวกเขาเผ่าปีศาจหลังจากจำแลงกาย ภายในร่างกายจะกลายเป็นช่องว่างเก็บวัตถุตามธรรมชาติ ทว่าภาชนะเก็บวัตถุเหมือนของมนุษย์ประเภทนี้กลับหาไม่ได้ บัดนี้เห็นขวดหยกที่ประณีตถึงเพียงนี้ ใจย่อมหวั่นไหวเป็นธรรมดา
เห็นผู้เฒ่าตาเป็นประกายแวววาว มั่วชิงเฉินเข้าใจสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจทันที รีบเอ่ยว่า “ท่านผู้อาวุโส ขวดหยกใบนี้ใส่สุราเลิศรสไว้มากมาย ที่ท่านนั่นหากมีภาชนะ ผู้น้อยก็จะเทสุราให้ เสียดายที่ขวดหยกใบนี้ผู้อาวุโสเป็นผู้ให้มา ผู้น้อยมอบให้ผู้อื่นตามใจไม่ได้”
ล้อเล่นน่ะ เพื่อผลไม้สีแดงที่ยังไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไรแล้วต้องแลกด้วยสุราเลิศรสในขวดน้ำเต้าเซียนมากมายเพียงนี้ก็ขาดทุนพอแล้ว หากยังต้องเสียขวดหยกไป เช่นนั้นก็ขาดทุนย่อยยับแล้ว
ผู้เฒ่าหน้าย่นขึ้นมาทั้งหน้า เหล่ขวดหยกในมือมั่วชิงเฉินอย่างปวดใจ ถึงเดินโซซัดโซเซนำนางไปข้างหน้า ทุกคนของเหยากวงคิดจะตามขึ้นไป กลับถูกเหล่าวานรวิญญาณรั้งไว้
“ขึ้นไปเถอะ” ผู้เฒ่าชี้ต้นไม้ยักษ์สูงเสียดฟ้า จากนั้นยื่นมือ ไม่กี่ทีก็ปีนขึ้นไปอย่างคล่องแคล่วแล้ว
มั่วชิงเฉินเม้มปาก แตะปลายเท้าบินขึ้นไป
ผู้เฒ่ากระโดดไปมาระหว่างกิ่งไม้ที่หนาทึบ วกเวียนปีนขึ้นข้างบน หยุดนิ่งเมื่อถึงที่ที่หนึ่ง แล้วกวักมือเรียกนางว่า “มานี่ มานี่”
เดิมทีมั่วชิงเฉินก็เหินฟ้าได้อยู่แล้ว ยามนี้เพียงแค่แสร้งทำไปเช่นนั้นเอง ปลายเท้าแตะกิ่งไม้เบาๆ แล้วก็ตามขึ้นไป กิ่งไม้พวกนั้นไม่แม้แต่จะสั่นสักที
ถึงที่ที่ผู้เฒ่ายืนอยู่ มั่วชิงเฉินอดเบิกตาโพลงไม่ได้
นี่คือจุดตัดของง่ามไม้ใหญ่สองสามง่าม เพราะง่ามไม้ใหญ่เหลือเกิน ที่ตรงนี้จึงมีพื้นที่หนึ่งจั้งเต็มๆ ถูกวานรวิญญาณพวกนี้ขุดจนเป็นหลุมลึกหลุมหนึ่ง ข้างในโล่งโจ้งไม่มีอะไร
ผู้เฒ่ายื่นนิ้วมือชี้ไปที่หลุมว่า “เจ้าเติมสุราเลิศรสให้เต็มหลุมนี้ก็พอแล้ว”
มั่วชิงเฉินสูดลมเย็นเข้าอึดหนึ่งว่า “ท่านผู้อาวุโส นี่ หลุมนี่จะใหญ่เกินไปแล้ว ต้องเติมสุราเท่าไรถึงเต็มล่ะ!”
ในใจแอบแค้นเจ้าวานรบ้าพวกนี้ นี่เป็นหลุมสุราที่ใช้เก็บสะสมสุราวานรชัดๆ สุดท้ายให้นางมาเติมหลุมเสียแล้ว
“ฮึ” ผู้เฒ่าฮึออกมาทางรูจมูกเสียงหนึ่ง
มั่วชิงเฉินกัดฟัน ถือขวดหยกเริ่มเทสุราใส่ข้างใน
รอบๆ หลุมต้นไม้นี่ก็ไม่รู้ว่าถูกวานรวิญญาณพวกนี้ทาอะไรไว้ ลื่นและมิดชิด เทสุราลงไปแล้วไม่ซึมลงไปแม้แต่หยดเดียว มั่วชิงเฉินพลางเทสุราพลางแอบทอดถอนใจถึงจิตวิญญาณของสรรพสิ่งในทั่วหล้า
เติมหลุมได้ครึ่งหลุม ในที่สุดสุราเลิศรสในขวดหยกก็แห้งเหือดแล้ว แน่นอนมั่วชิงเฉินไม่มีทางหยิบขวดน้ำเต้าของตนออกมา หากแต่กะพริบตาปริบๆ อย่างน่าสงสาร เอ่ยอย่างน้อยใจว่า “ท่านผู้อาวุโส ไม่มีแล้วจริงๆ สุราเลิศรสนี่ผู้น้อยสะสมมาตั้งหลายสิบปีเชียวนะ”
ผู้เฒ่าเดินวนรอบสระสุรา ยื่นมือแตะสุราในสระเป็นระยะๆ ต่อจากนั้นวางไว้ในปากแล้วเดาะปากอย่างมีรสมีชาติทีหนึ่ง ผ่านไปเนิ่นนานถึงโบกมือว่า “ช่างเถอะ”
มั่วชิงเฉินดีใจ รีบเอ่ยว่า “ขอบคุณท่านผู้อาวุโส”
มองไปเห็นกิ่งไม้ตัดกันนับไม่ถ้วน จึงยิ้มหวานว่า “ท่านผู้อาวุโส สุราเลิศรสที่ท่านหมักพวกนั้น ให้ผู้น้อยสักหน่อยได้หรือไม่?”
ผู้เฒ่ากวาดสายตามา “นางหนูน้อย อย่าได้คืบจะเอาศอก”
มั่วชิงเฉินก้มหน้าลงครึ่งหนึ่งว่า “ท่านผู้อาวุโส ผู้น้อยชอบสุราเลิศรสมาตั้งแต่เด็ก ถึงได้หมักเองดื่มเอง บัดนี้ยากจะได้พบสุราเลิศรสชั้นเลิศเช่นนี้ กลับได้ดื่มเพียงจอกเดียว ไม่อาจดื่มให้สะใจได้ในใจช่างคันคะเยอยิ่งนัก”
“ไม่ได้ ไม่ได้ เจ้าใช้ขวดหยกนี่ใส่สุรา จะไม่ใส่สุราเลิศรสของข้าจนหมดหรือ” ผู้เฒ่าส่ายหน้าติดๆ กัน
มั่วชิงเฉินรีบเงยหน้าขึ้นมา ยกขวดน้ำเต้าสุราขึ้นใบหนึ่งว่า “ท่านผู้อาวุโส ผู้น้อยไม่ใช้ขวดหยกนั่น ใช้ขวดน้ำเต้านี่ได้หรือไม่?”
“ค่อยยังชั่วหน่อย” ผู้เฒ่าพยักหน้าว่า “เจ้าตามข้ามา”
ผู้เฒ่าเริ่มกระโดดขึ้นกระโดดลงระหว่างกิ่งไม้อีกแล้ว
ต้นไม้ใหญ่ทั้งต้นก็เปรียบเหมือนเขาวงกต มั่วชิงเฉินตามติดๆ ถึงไม่ถึงกับหลงทาง
วนอีกพักหนึ่ง ผู้เฒ่าถึงหยุดลงมา
“อยู่ที่นี่หรือ?” มั่วชิงเฉินกะพริบตาอย่างสงสัย ข้างหน้ามีเพียงกิ่งใบแน่นขนัดเท่านั้น เอาสระสุรามาจากไหนกัน
ผู้เฒ่ายิ้มอย่างได้ใจ ยื่นมือปัดกิ่งใบตรงหน้าออก เผยให้เห็นสระสุราที่อยู่ข้างใน
ในสระสุราใส่สุราทิพย์ข้นหนืดสีเหลืองทองจนเต็ม แสงตะวันถักทอมุดเข้ามาตามใบไม้หนาทึบส่องเข้ามาถึงในสระสุรา ยิ่งทำให้สุราทิพย์สีดุจอำพัน เข้มข้นน่าหลงใหล
ลมแผ่วๆ พัดผ่าน คลื่นสีทองกระเพื่อมขึ้นในสระสุรา
มั่วชิงเฉินแอบทอดถอนใจ วานรพวกนี้ช่างรู้จักเสพสุขเหลือเกิน ต่อจากนั้นหยิบขวดน้ำเต้าสุราขึ้นมากรอกสุราวานร
กรอกขวดน้ำเต้าสุราเต็มใบหนึ่ง นางหยิบออกมาอีกใบหนึ่งอย่างใจเย็นแล้วเริ่มกรอก ผู้เฒ่ารีบยื่นมือห้ามว่า “ไยถึงกรอกอีก?”
มั่วชิงเฉินกะพริบตาดอกท้ออย่างไร้เดียงสาว่า “ท่านผู้อาวุโส ท่านรับปากว่าจะให้ผู้น้อยดื่มให้สะใจ สุราเลิศรสเช่นนี้ ขวดน้ำเต้าใบเดียวจะสะใจได้เช่นไรกัน?”
เห็นผู้เฒ่าหดมือกลับอย่างไม่เต็มใจ มั่วชิงเฉินรีบกรอกใส่ขวดน้ำเต้าสุราอีกสามสี่ใบ เห็นเขาสีหน้าดำขึ้นเรื่อยๆ ถึงลุกขึ้นมาอย่างรู้ตัว
“ไปเถอะ ไปเถอะ” ผู้เฒ่าเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ มือดึงกิ่งไม้ไว้แล้วร่อนลงไปอย่างรวดเร็ว
มั่วชิงเฉินแอบตลก เจ้าวานรเฒ่านี่เป็นอสูรปีศาจขั้นแปดแล้ว สามารถเหินฟ้าได้นานแล้ว มันกลับยังชินกับการเคลื่อนไหวเช่นนี้ สัญชาตญาณยากจะสลัดหลุดได้จริงๆ
กลับมาถึงที่เดิม ผู้บำเพ็ญเพียรเหยากวงรีบถามว่า “หน้าหน้าทีม ไม่เป็นไรนะ?”
มั่วชิงเฉินส่ายหน้าว่า “ไม่เป็นไร ข้าไปเด็ดผลไม้ พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่”
พูดจบหันหน้าไปพูดกับผู้เฒ่าว่า “ท่านผู้อาวุโส เช่นนั้นผู้น้อยไปเด็ดแล้วนะ”
ผู้เฒ่าโบกมือบอกให้นางตามสบายอย่างหมดความอดทน กวักมือทีหนึ่งพาลูกหลานวานรฝูงนั้นกลับขึ้นต้นไม้ไปแล้ว
ไม่รู้เพราะเหตุใด มั่วชิงเฉินกลับเห็นผู้เฒ่าเผยรอยยิ้มประหลาดออกมาก่อนไป ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที
มองดูพุ่มไม้หนามสีสนิม มั่วชิงเฉินเข้าใกล้ก้าวหนึ่งอย่างหยั่งเชิง ระแวดระวังเต็มที่พลางก้มตัวเก็บผลไม้สีแดงที่อยู่ใกล้ตนที่สุดผลหนึ่ง
ไม่มีเหตุการณ์ประหลาดใดๆ เกิดขึ้น
นางไม่กล้าประมาท ยื่นมือไปที่ผลไม้ผลต่อไป
ในยามนี้เอง หนามแหลมนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากไม้หนามพวกนั้นแทงไปที่นางโดยพลัน บนปลายหนามยังแผ่กลิ่นอายประหลาดที่ทำให้นางเกิดหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ
มั่วชิงเฉินรีบบินถอยออกห่างจากพุ่มไม้หนามไปหลายจั้ง แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักสายหนึ่งลอยมา เมื่อยกตามองไป ก็โมโหจนเกือบหงายหลัง
เห็นวานรพวกนั้นนั่งอยู่บนง่ามไม้แกว่งหางอย่างสบายอารมณ์ แต่ละตัวมือกอบขวดน้ำเต้าดื่มอย่างเอร็ดอร่อย แล้วยังยื่นกรงเล็บชี้มาที่นางและหัวเราะเยาะเป็นระยะๆ
ผู้เฒ่านั่นไม่ได้ลืมตา นั่งขัดสมาธิอยู่บนง่ามไม้อย่างเงียบๆ นิ่งเหมือนต้นสน ทว่าในสายตามั่วชิงเฉินแล้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนวานรเฒ่าที่ห่มหนังมนุษย์ตัวหนึ่ง
เอาสิ ที่แท้วานรฝูงนี้คิดจะเห็นข้าขายหน้าหรอกหรือ?
มั่วชิงเฉินกัดฟัน จู่ๆ ร่างกายก็บินขึ้นมา
ผู้เฒ่าลืมตาขึ้นทันที ประกายพาดผ่านแวบหนึ่ง
มั่วชิงเฉินก็ไม่กลัวว่าผู้เฒ่านี่จะเกิดอยากได้หรอกนะ อย่างไรเสียผลไม้เซียนกินเข้าไปแล้วนางคายออกมาอีกไม่ได้เสียหน่อย คนอื่นจะคิดอุบายอยากได้ก็คิดไม่ได้อยู่ดี
และแล้วท่ามกลางสายตาประหลาดใจของคนและวานรทั้งหลาย มั่วชิงเฉินชุดเขียวพลิ้วไหวบินทะยานขึ้นลง ทุกครั้งล้วนเด็ดผลไม้ได้พอดิบพอดีก่อนที่หนามของไม้หนามจะยื่นออกมาแล้วบินออกไปไกล ต่อจากนั้นก็ตัวเบาดุจนกนางนวลวกกลับมาเด็ดผลไม้ต่อ
ผู้บำเพ็ญเพียรเหยากวงคนหนึ่งกลืนน้ำลาย ทนไม่ไหวจริงๆ ว่า “หัวหน้ากลุ่มนาง…นางทำเช่นไรถึงเหินฟ้าได้?”
“ไม่รู้สิ เหินฟ้าเป็นอภินิหารของผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดชัดๆ หัวหน้ากลุ่มนาง… น่าจะมีอาวุธเวทมหัศจรรย์อะไรติดตัวกระมัง” ผู้บำเพ็ญเพียรอีกคนหนึ่งเอ่ยอย่างสงสัย
“ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีอาวุธเวทอะไรที่ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรเหินฟ้าได้นะ” ผู้บำเพ็ญเพียรอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
ผู้คนต่างคาดเดาไปต่างๆ นานา ต้วนชิงเกอรูปร่างผอมเพรียว มองมั่วชิงเฉินที่โบยบินอยู่บนพุ่มไม้หนามเงียบๆ แอบว่าชิงเฉินเอ๊ยชิงเฉิน เจ้ายังมีความสามารถอีกเท่าไรที่ชิงเกอไม่รู้นะ?
ตั้งแต่เด็กที่รู้ว่าตนมีร่างหยินบริสุทธิ์ที่หายากในรอบพันปี นอกจากความรอบคอบหวาดหวั่นแล้วลึกลงไปในใจไม่ใช่ว่าจะไม่ภูมิใจ ทว่าเมื่อมาถึงพรรคเหยากวงที่อัจฉริยะมากมาย ถึงพบว่าตนเองไม่ได้มีอะไรเลย อาจารย์อาเหอกวง อาจารย์อาลั่วหยาง ชิงเฉิน ยังมีอาจารย์อาอาจารย์ลุงศิษย์พี่น้องอีกมากมาย สามารถเห็นสหายร่วมทางที่พรสวรรค์มากล้นพากเพียรบากบั่นอย่างไม่ย่อท้อช่างเป็นเรื่องโชคดีจริงๆ นี่ทำให้ร่างหยินบริสุทธิ์ของตนไม่สะดุดตาอีกต่อไป ขณะเดียวกันสภาพจิตใจก็สงบมั่นคงขึ้นมา
บนหนทางแห่งการบำเพ็ญเพียร ร่วมเดินไปพร้อมเจ้า ช่างเป็นเรื่องโชคดีในชีวิตของชิงเกอ
ต้วนชิงเกอไม่ขยับเขยื้อน รอบตัวรายล้อมด้วยแสงวิญญาณ ดูเหตุการณ์แล้วคือเข้าสู่เขตแดนมหัศจรรย์ของการตรัสรู้แล้ว
ครึ่งชั่วยามเต็มๆ ในที่สุดมั่วชิงเฉินก็เด็ดผลไม้สีแดงผลสุดท้ายไว้ในมือ ถึงถอนใจออกยาวๆ แล้ววกกลับมา
ผู้เฒ่าพยุงคางกลับไป แอบว่านางหนูนี่ช่างโหดจริงๆ บอกอยากได้ผลไม้พวกนี้แต่ไม่คิดว่าจะเด็ดไม่เหลือไว้สักอัน ช่างเอาเปรียบจริงๆ เลย
“ท่านผู้อาวุโส แล้วพบกันใหม่ พวกเราไปก่อนแล้ว” มั่วชิงเฉินโบกมือ แล้วนำทุกคนจากไป
ผู้เฒ่าเกือบลื่นตกลงมาจากง่ามไม้ แอบว่าท่านย่าน้อย เจ้าอย่ามาอีกเด็ดขาดเชียว
“หัวหน้ากลุ่ม เจ้าเอาผลไม้สีแดงพวกนั้นมีประโยชน์อะไร?” ผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งอดถามขึ้นไม่ได้
ทุกคนอยู่ด้วยกันมานานถึงเพียงนี้แล้ว ก็นับว่าสนิทสนมกันแล้ว มั่วชิงเฉินหัวเราะว่า “ข้าก็ไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไรกันแน่ เพียงแต่รู้สึกว่าผลไม้พวกนั้นค่อนข้างประหลาด กลับไปศึกษาดีๆ สักหน่อย”
ทุกคนพยักหน้า มีคนหนึ่งลังเลครู่หนึ่งยังคงทนไม่ไหวว่า “หัวหน้ากลุ่ม เจ้า เมื่อครู่เจ้าเหินฟ้าใช่หรือไม่?”
มั่วชิงเฉินมองคนนั้นปราดหนึ่ง คนนั้นเอ่ยอย่างเจี๋ยมเจี้ยมว่า “ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ไม่ควรถาม เพียงแต่…”
“รู้ว่าไม่ควรถามยังถามอีก?” มั่วชิงเฉินยิ้มร่าแล้วถามกลับ จากนั้นเดินหน้าไปแม้แต่หน้าก็ไม่หันกลับมา
ผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งตบไหล่ของผู้บำเพ็ญเพียรที่ถาม แล้วส่งเสียงทางจิตล้อเล่นว่า “ศิษย์น้องหลิว ใจกล้าน่าชื่นชม”
ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่หลิวตอบอย่างอารมณ์เสียว่า “นี่ข้าถามแทนทุกคนไม่ใช่หรือไร อย่าบอกว่าพวกเจ้าไม่แปลกใจนะ!”
มั่วชิงเฉินได้ผลไม้พวกนี้มา เห็นเวลาไม่เช้าแล้วจึงไม่มีใจค้นหาต่อไป หากแต่ปล่อยจิตตระหนักออกสายหนึ่งสำรวจสถานการณ์แล้ววกกลับทางเดิน
ทุกคนตามอยู่ข้างหลัง ทันใดนั้นนางยกมือขึ้น รีบหยุดฝีเท้า เสียงของมั่วชิงเฉินดังขึ้นในสมองของทุกคน “ข้างหน้ามีคนมาแล้ว!”
ทุกคนทำตัวนิ่งใต้การคลุมกลิ่นอายของสมบัติวิเศษกระดานหมากรุก กลั้นหายใจตั้งสมาธิซุ่มอยู่ แล้วก็เห็นผู้บำเพ็ญเพียรทีมเล็กๆ เดินมาทางนี้อย่างช้าๆ ในนั้นคนที่สะดุดตาที่สุดก็คือผู้บำเพ็ญเพียรหญิงโฉมงามที่ใส่ชุดสีแดงสด