พันธกานต์ปราณอัคคี - ตอนที่ 466 มั่วชิงเฉินผู้หนักใจ
ดักแด้ใหญ่สามารถแบ่งกั้นจิตสัมผัส ทันทีที่เหล่าเด็กหนุ่มออกไป มั่วชิงเฉินก็ไม่ได้ยินอะไรอีก ผ่านไปครึ่งวันเต็มๆ เสียงฝีเท้าก็แว่วเข้ามาอีกครั้ง
“ตู้รั่ว ฝังไว้ตรงนี้ดีไหม”
“ได้” เสียงของตู้รั่วสงบนิ่งกว่าปกติ
“ตู้รั่ว จะระเบิดที่นี่จริงๆ เจ้าก็จะไม่มีที่อยู่แล้วนะ” เด็กหนุ่มผู้หนึ่งพูดขึ้นอย่างลังเล
ตู้รั่วหัวเราะ “ฟ้าเป็นผ้าห่มดินเป็นเตียงนอน มีที่ไหนไม่ใช่บ้านอีกเล่า เอ้อร์โก่วจื่อ ลงมือมันเร็วหน่อย อย่ามัวแต่ใจเย็น”
เด็กหนุ่มรีบร้อนแทบไฟลุก
มั่วชิงเฉินได้ฟัง พวกเขาดูเหมือนคิดจะล่อให้ผู้บำเพ็ญระดับสร้างรากฐานมา แล้วระเบิดให้ตายในห้องนี้ ชั่วขณะหนึ่งรู้สึกว่าความคิดของเด็กหนุ่มเหล่านี้ผิดแปลกอยู่บ้าง หากวางของอย่างยันต์ระเบิดหรือระเบิดวิญญาณไว้ เพียงแค่พลังวิญญาณขยับเคลื่อนเบาๆ ก็ไม่มีทางปิดบังผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานได้เด็ดขาด ถึงตอนนั้นพวกเขาจะเอาตัวรอดอย่างไร
ในระหว่างที่นางกำลังสงสัย ก็มีเด็กหนุ่มพูดอีกครั้ง “ตู้รั่ว ของในบ้านเจ้าจะย้ายออกไปไหม หากระเบิดจริงๆ ก็จะไม่เหลืออะไรแล้วนะ”
“ไม่จำเป็น ถ้าย้ายของไป กลัวว่าเจ้านั่นจะไม่รู้หรืออย่างไร” ตู้รั่วพูดพลางโน้มตัวลง อุ้มดักแด้ใหญ่ขึ้น
“เอ๊ะ ตู้รั่ว นี่มันของอะไรกัน” เด็กหนุ่มผู้หนึ่งถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ไข่อสูรวิญญาณ”
มั่วชิงเฉินรู้สึกได้ถึงความสั่นไหวเบาๆ น่าจะเป็นเพราะถูกอุ้มขึ้นแล้วเดินออกไป
สักครู่หนึ่งก็หยุดลง ตู้รั่วพูดว่า “เอ้อร์โก่วจื่อ อันนี้ฝากเก็บไว้ที่บ้านเจ้าก่อนแล้วกัน”
“ได้ ตู้รั่วเจ้าวางใจเถอะ ข้ารับรองว่าจะไม่แตะต้องมันแน่นอน”
ดักแด้ใหญ่ถูกวางไว้ที่มุมหนึ่งในห้องเก็บของ ตู้รั่วยังคงมาทุกวัน ปากยังคงท่องสัญญานายทาส แล้วใช้เลือดสดจากกายตัวเองเทรดลงไป
“ตู้รั่ว ตู้รั่ว เขามาแล้ว!” เด็กหนุ่มผู้หนึ่งวิ่งพรวดเข้ามา
ตู้รั่วเขย่ามือหนึ่งที มีดบาดนิ้วกลางเป็นแผล เลือดสองสามหยดร่วงลงกลางถ้วย เขาเอาเลือดในถ้วยนั้นเทลงไปยังดักแด้ใหญ่ แล้วหันหน้ากลับวิ่งออกไป พูดทิ้งท้ายว่า “เจ้าอย่าตามมานะ!”
เขาไม่ทันสังเกต ว่าครั้งนี้เลือดซึมลงในดักแด้ใหญ่ ทั้งตัวของดักแด้ใหญ่ส่องแสงวิญญาณระยิบระยับออกมาทันที ทำให้เด็กหนุ่มที่อยู่ในห้องนั้นตกตะลึงจนอึ้ง
“ตู้รั่ว…” เด็กหนุ่มกำลังคิดที่จะวิ่งออกไป เพื่อจะรายงานความผิดปกตินี้กับเขา แต่เมื่อนึกถึงผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานก็หยุดลงทันที ไม่กล้าที่จะตามไปอย่างเด็ดขาด ดวงตาคู่นั้นจ้องนิ่งไปยังดักแด้ใหญ่
แสงจากดักแด้ใหญ่ส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ ไอวิญญาณอันน่าประหลาดไม่ได้แผ่ออกไปด้านนอก ประหนึ่งว่ามีขอบข่ายชั้นหนึ่งหุ้มมันเอาไว้ ป้องกันไม่ให้คนอื่นแอบมอง
ทันใดนั้นก็เห็นดักแด้ใหญ่แยกร่างออกเป็นสอง จากนั้นก็รวมเข้าด้วยกันอีกครั้ง ท่ามกลางแสงสีขาว ร่างของหญิงสาวในชุดสีขาวผู้หนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น
“นาง…นางฟ้า…” เด็กหนุ่มอึ้งตาค้าง มองเหม่อไปยังใบหน้าหญิงสาวในชุดสีคราม น้ำลายย้อยออกจากมุมปากของเขา
มั่วชิงเฉินเองก็รู้สึกแปลกประหลาด ทันทีที่เด็กหนุ่มชื่อว่าตู้รั่วผู้นั้นเทเลือดลงบนดักแด้ ในพื้นที่ว่างก็เกิดแรงบางอย่างขึ้นทันที ผ่าแยกพื้นที่ออกแล้วดีดนางออกมา เด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าผู้นี้ น่าจะชื่อว่าเอ้อร์โก่วจื่อสินะ
มั่วชิงเฉินยิ้มบาง แล้วถามว่า “เจ้าชื่อเอ้อร์โก่วจื่อใช่หรือไม่”
เด็กหนุ่มงงงัน ทันใดนั้นก็ร้อง “อ๊าก” ด้วยความตกใจ หันตัววิ่งออกไปด้านนอก “ตู้รั่ว ตู้รั่ว เจ้าฟักนางฟ้าออกมา และยังพูดเป็นอีกด้วย…”
เด็กหนุ่มผู้ตกตื่น ลืมว่าที่บ้านตู้รวบมีการวางกับดักเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด อยากจะเทียบฝีมือโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐาน แต่บุ่มบ่ามออกไปเสียเฉยๆ เช่นนี้
ผู้บำเพ็ญระดับสร้างรากฐานที่เพิ่งจะเดินเข้าไปในลานบ้านของตู้รั่วหันหน้ากลับ สายตาเย็นชาดั่งอสรพิษ จับจ้องอยู่บนตัวเอ้อร์โก่วจื่อ
เอ้อร์โก่วจื่อตกใจจนตัวสั่น ในที่สุดก็นึกถึงเรื่องคอขาดบาดตายนี้ขึ้นมาได้ แล้วหันกายวิ่งออกไปด้านนอก
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานสะบัดแขนเสื้อ อาวุธอาคมทรงรีอันหนึ่งลอยตามเอ้อร์โก่วจื่อไป
เจ้าคนเขลา!
ตู้รั่วขบฟัน มือดึงเชือกอย่างแรงหนึ่งที จากนั้นทั้งตัวก็เต็มไปด้วยแสงวิญญาณ แล้วหายวับไปกับที่
เสียงระเบิดดังแว่วมา แรงระเบิดทะลุหลังคา ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานที่อยู่ในลานเหยียบลงวัตถุอาคมบินลอยขึ้นไปบนฟ้า ก็เห็นตัวอักษรขนาดใหญ่จากด้านบนเขียนว่า ‘ปิดผนึก’ กดทับลงมา
เขาหน้าถอดสี เคลื่อนย้ายพลังวิญญาณจากทั่วร่างกายลงไปในกระบี่ยาว ครั้นแล้วก็แกว่งกระบี่ยาวขึ้นไปด้านบน
ท่ามกลางเสียงระเบิด เสียงแรงสะเทือนไอวิญญาณแผ่ออกมา ด้านบนของผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานมีรอยแยกเล็กๆ ปรากฏขึ้น แล้วเขาก็พุ่งออกมาจากตรงนั้น
เท้าเหยียบบนวัตถุอาคมบินลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานสำรวจด้านล่างอย่างใจเย็น
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าลูกหมานั่นจะฝังระเบิดพสุธากัมปนาทเอาไว้ คิดจะระเบิดเขาให้ตาย ซ้ำยังใช้ยันต์ ‘ปิดผนึก’ ประหลาดนั่นอีกด้วย จำกัดอานุภาพแรงระเบิดไว้แต่ในที่แห่งนี้
โชคดีที่ตำแหน่งที่ระเบิดพสุธากัมปนาทมีมากที่สุด น่าจะเป็นห้องของเจ้าลูกหมานั่น ยันต์ ‘ปิดผนึก’ ก็คงเน้นเพียงที่แห่งนั้นเป็นหลัก มิเช่นนั้นแล้วหากเขาคิดจะเอาตัวรอด เกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น!
เมื่อนึกถึงสภาพหากตนเข้าไปในห้องแห่งนั้น ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานก็ใจหวิว มุมปากปรากฏรอยยิ้มกระหายเลือด
เดิมทีตั้งใจจะมาสังหารเจ้าลูกหมานั่นทันทีเป็นการแก้แค้นให้น้อง ตอนนี้ เขาเปลี่ยนความคิดแล้ว เขาต้องการทรมานให้ตายทั้งเป็น ต้องถามให้แน่ใจว่ายันต์ ‘ปิดผนึก’ นั่นได้มาจากไหนกัน แล้วหายตัวได้เป็นเพราะใช้สิ่งล้ำค่าอะไรกัน
ต้องรู้เรื่องพวกนี้ให้ได้ เพราะแม้แต่เขาก็ไม่มี
แววตาผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานเป็นประกาย ฉายแววละโมบและปรารถนาเข่นฆ่า เขาค่อยๆ ร่อนลงไป
คว้าเด็กหนุ่มเอาไว้หมับ แล้วตะโกนเสียงลั่นไปทั้งหมู่บ้าน “เรียกเจ้าลูกหมาตู้รั่วมา เจ้ารีบโผล่หัวมาเดี๋ยวนี้ หาไม่แล้ว…”
พูดเสร็จ มือก็ตบไปบนกะโหลกของเด็กหนุ่ม
เด็กผู้นั้นเป็นเพียงเด็กธรรมดาคนหนึ่ง จู่ๆ ถูกจับไปก็ตกใจจนลืมแม้แต่ร้องไห้ ดวงตาโตๆ มองตรงออกไป
“หยุดนะ!” ท่ามกลางฝูงชนที่ออกมามุงดูเพราะเสียงระเบิด มีเด็กหนุ่มในชุดสีดำผู้หนึ่งเดินออกมา
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานยกมุมปาก พูดด้วยเสียงหัวเราะว่า “ถือว่าเจ้ามีความกล้า!” พูดแล้วก็ยกมือขึ้น แล้วโยนเด็กในมือออกไป
ตู้รั่วสีหน้าเคร่งเครียด แล้วตีลังกาม้วนกลิ้งไปกับพื้นทันที กลิ้งไปยังบริเวณที่เด็กผู้นั้นตกลงมา ยื่นมือออกไปรับเด็กคนนั้นไว้ แล้วกระโดดขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว
“เสี่ยวโต้ว!” หญิงสาวผู้หนึ่งกรีดร้องวิ่งถลาเข้ามา รับเด็กคนนั้นไป
“เจ้าเข้ามา” ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานกระดิกมือไปยังตู้รั่วประหนึ่งว่าล้อเล่นกับลูกสุนัข
ตู้รั่วเม้มริมฝีปากแน่น แววตาเผยให้เห็นความโกรธเกรี้ยว แต่กลับยังคงเดินเข้าไปตามที่พูด
“บอกมาเสีย ยันต์ ‘ปิดผนึก’ นั่น เจ้าได้มาแต่ที่ใด” ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานบีบคางตู้รั่วเอาไว้ แล้วถาม
ตู้รั่วมุมปากโค้งขึ้น ดวงตาหงส์เลิกขึ้นน้อยๆ ฉายแววขี้เล่น
“ไม่บอกใช่ไหม” ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานหัวเราะออกมาทันที เขาแกว่งมือแล้วตวัดแสงวิญญาณดวงหนึ่งออก ยิงพุ่งไปยังฝูงชน
เสียงผู้คนกรีดร้องดังขึ้น แต่หลังจากนั้นก็เงียบสงบ ราวกับบรรยากาศหยุดนิ่งลง
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานรู้สึกผิดปกติ จึงได้หันกลับ
กลางดวงตากลมโตคู่นั้น ปรากฏภาพก้อนอิฐสีทองเป็นประกายก้อนหนึ่งลอยมา เท้าของเขาหนักอึ้งราวกับเทตะกั่ว ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีก
เสียงดังขึ้นโครมหนึ่ง อิฐกระแทกกับหน้าเขาอย่างจัง จนพาตัวเขากระเด็นลอยถอยหลังไป กระเด็นไกลกว่าสิบจั้งถึงหยุดแล้วร่วงลงกับพื้นแน่นิ่ง
ตู้รั่วหันหน้ากลับ เห็นหญิงสาวในชุดสีครามปรากฏตัวอยู่กลางอากาศ แล้วโผล่ออกมาสามคำโดยไม่รู้ตัวว่า “คนในรูป…”
เสียงแม้จะเบา แต่ลอยเข้าหูมั่วชิงเฉินเข้าหูอย่างชัดเจนทุกคำ นางสะบัดแขนเสื้อ พลังหอบหนึ่งยกตัวตู้รั่วขึ้นมา แล้วทิ้งลงบนไหมเกล็ดน้ำแข็ง น้ำเสียงนางสดใสอ่อนโยน “เจ้าตามข้ามา”
ในขณะที่ลอยผ่านอากาศ ตู้รั่วได้ยินเสียงเอ้อร์โก่วจื่อตะโกนขึ้นท่ามกลางผู้คน “อ๊ะ นางก็คือนางฟ้าผู้นั้น นางฟ้าที่ถูกตู้รั่วฟักออกมา!”
เท้าพลันไถล มั่วชิงเฉินเกือบหกล้ม หันไปมองตู้รั่วผู้มีสีหน้ากำลังงุนงงปราดหนึ่งแล้วหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
ต้นหมู่บ้านคือป่าสาลี่ เมื่อถึงเดือนสาม ดอกสาลี่นับหมื่นนับพันก็บานสะพรั่ง ขาวสะอาดดั่งหิมะ งามสะอาดไม่มีสอง
มั่วชิงเฉินพาตู้รั่วลงไป มองสีหน้าตื่นตระหนกของเด็กหนุ่มก็พูดขึ้นด้วยหน่อย “ในมือเจ้าคืออะไร”
ตู้รั่วแบมือออกโดยไม่ทันรู้ กลางฝ่ามือคือยันต์ระเบิดวิญญาณอันหนึ่ง
มั่วชิงเฉินมองไปยังเด็กหนุ่มด้วยสายตาชื่นชม สภาพเช่นนั้นยังกล้าคิดจะต่อสู้ นับว่าเป็นคนที่มีจิตใจหนักแน่นทีเดียว
“หากเจ้าติดชนวนระเบิดวิญญาณนี้แล้ว ตัวเองก็ยากจะหนีพ้นไม่ใช่หรือ”
หญิงสาวทั้งที่ไม่ได้แสดงพลังออกมาสักนิด น้ำเสียงเองก็นุ่มนวลอ่อนโยน แต่ตู้รั่วกลับรู้สึกว่าไม่อาจขัดขืน ได้แต่พูดออกมาตามตรง “มนุษย์วางแผนฟ้าดินกำหนดผล หากฟ้าดินกำหนดเช่นนี้ ตู้รั่วก็ยอมรับ”
มั่วชิงเฉินหัวเราะเบาๆ “มนุษย์วางแผนฟ้าดินกำหนดผลอะไรกัน คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มหมู่บ้านชาวประมงตัวน้อยๆ จะเจ้าบทเจ้ากลอนกับเขาด้วย ไม่รู้ว่าคนที่เจ้าเรียกว่า ‘อาจารย์’ คือผู้ใดกัน”
ครั้งนี้ เด็กหนุ่มในที่สุดก็ระมัดระวังตัว เม้มริมฝีปากแน่น มองไปยังมั่วชิงเฉินไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
มั่วชิงเฉินหัวเราะเบาๆ ไม่ได้บังคับขอ แต่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตู้รั่ว”
ตู้รั่วทิ้งมือลง มองไปยังมั่วชิงเฉินเงียบๆ
เสียงของนางชัดเจนกังวาน ไม่ได้ฟังอ่อนหวานเหมือนหญิงสาวทั่วไป แต่กลับชวนให้ใจหลงใหลราวกับสุราชั้นเลิศอันบริสุทธิ์ “ตู้รั่ว”
เด็กหนุ่มไม่ทันตั้งตัว เงยหน้าขึ้นฉับพลัน มองตรงไปในดวงตารูปดอกท้อของนาง
มั่วชิงเฉินรู้สึกถึงรอยยิ้มที่บูดเบี้ยวเหยเกบนมุมปากของตน หากด้านหน้าไม่มีผู้ใด คงจะยกมือขึ้นขยุ้มหน้าตนโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์ไปนานแล้ว
เมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มผู้ซึ่งสีหน้าตกตะลึง ใบหน้านางนั้นสงบนิ่ง แสร้งทำตัวเป็นเซียน แต่ที่จริงแล้วในใจนางกับตื่นเต้นเต็มประดาราวกับอูฐนับหมื่นทะยานวิ่ง
ใครพอบอกนางได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมหลังจากออกจากดักแด้แล้ว นางถึงได้เกิดความรู้สึกเกี่ยวพันกับเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าอย่างน่าประหลาดใจ
หรือว่า เพราะปัจจัยที่ยังไม่รู้บางอย่าง นางที่อยู่ในดักแด้นั้นบังเอิญสอดคล้องกับเงื่อนไขความเป็นไข่สัตว์อสูร จึงถูกเด็กหนุ่มผู้นี้กำหนดให้ทำสัญญานายทาสจริงหรือ
แน่นอน เป็นเพราะว่าระดับการบำเพ็ญเพียรของนางเหนือกว่าเด็กหนุ่ม สัญญานั้นเริ่มเป็นรูปร่างแล้ว เด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าถึงแม้จะอยู่ในฐานะนาย แต่ก็ไม่สามารถตัดสินใจออกคำสั่งนางได้
ผู้บําเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณขั้นปลาย ถูกผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมลมปราณให้ทำสัญญานายทาส ซ้ำยังเป็นฐานะมนุษย์และสัตว์อสูร มั่วชิงเฉินนึกถึงเรื่องนี้ก็แทบน้ำตาไหล ตัดสินใจจะเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวในใจจนกว่าจะลืม แม้แต่ศิษย์พี่เองก็ให้ดูไม่ได้
มีเหตุย่อมมีผล มีเกิดย่อมมีดับ ทำให้สมตามคำขอของเด็กหนุ่มสักเรื่อง จากนั้นค่อยตัดขาดความสัมพันธ์อธิบายยากนี้ นี่คือเรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้
ในขณะที่มั่วชิงเฉินรอจนแทบอยากเอาหัวโขกกำแพง หนุ่มก็เอ่ยขึ้น “ขอร้องอะไรก็ได้หรือ”
“เอ่อ เท่าที่อยู่ในขอบเขตความสามารถของข้านะ” มั่วชิงเฉินเน้นย้ำอีกครั้ง
เด็กหนุ่มคนนี้ทำให้นางรู้สึกว่า เหมือนจะมีวุฒิภาวะและสงบนิ่งเกินกว่าอายุของเขา ต่อให้เผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ระดับเหนือกว่า แต่สามารถพูดตอบโต้กลับอย่างเป็นตัวของเป็นตัวเอง
หรือว่า เป็นเพราะความสัมพันธ์แบบนั้น จึงได้ทลายความยำเกรงที่เกิดจากความแตกต่างของระดับการบำเพ็ญลง
เด็กหนุ่มเบิกตาหงส์คู่งาม มองไปยังมั่วชิงเฉินท่าทีอมยิ้ม “ออกเรือนกับข้าก็ได้ใช่หรือไม่”