พันธกานต์ปราณอัคคี - ตอนที่ 626 หร่านอีและอาชิง
เมื่อคุยกันเรื่องการร่วมมือเสร็จแล้ว เจ้าปีศาจลั่วเฟิงก็หยิบขลุ่ยสั้นออกมาจรดริมฝีปากและเริ่มเป่า
ทำนองแปลกประหลาดดังขึ้นจากจุดที่ไกลออกไป
เขากวาดสายตามองทุกคนอย่างลำพองใจ แต่กลับพบว่าสายตาของทุกคนเหมือนกับกำลังมองคนเสียสติอย่างไรอย่างนั้น
เจ้าปีศาจลั่วเฟิงพลันโกรธเกรี้ยว จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้ง “แมลงหน้าร้อนไม่รู้จักน้ำแข็ง[1]!”
ขบคิดในใจว่าถ้าไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์บีบบังคับ เจ้าพวกชนรุ่นหลังที่มีตาแต่หามีแววไม่พวกนี้ คงถูกเขาตีให้ตายไปตั้งนานแล้ว
สิบปีหลังจากนี้…ใช่ ขอแค่ผ่านไปสิบปี ก็จะตีพวกนี้ให้ตายทันที
เจ้าปีศาจลั่วเฟิงตัดสินใจอยู่ในใจ ก็ได้ยินมั่วชิงเฉินเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสเป่าขลุ่ย เพื่อดึงดูดให้อาชิงมาสินะ”
“ใช่แล้ว!” เจ้าปีศาจลั่วเฟิงเอ่ยอย่างหยิ่งทะนง ในใจกลับรู้สึกได้ว่าเบ้าตาร้อนผ่าว ในที่สุดก็มีคนที่ฉลาดแล้ว
“เสียงขลุ่ยไม่ได้มีพลังปีศาจแฝงอยู่ หรือว่าสามารถอาศัยเสียงขลุ่ยส่งกลิ่นอายบนร่างของผู้อาวุโสไป” หลัวอวี้เฉิงเอ่ยถามต่อ
เจ้าปีศาจลั่วเฟิงอ้าปากค้าง “ถูกต้อง”
คาดไม่ถึงว่าแม้แต่เรื่องนี้ก็ยังทายถูก มิน่าเล่า เจ้าเด็กนี่เจ้าเล่ห์เพทุบายนัก เหตุใดครั้งที่แล้วถึงไม่ดับสูญในน้ำมือของเขากันนะ!
“ที่นี่กว้างใหญ่มาก ไม่ทราบว่าเสียงขลุ่ยของผู้อาวุโสดังไปได้ไกลเท่าไร” เยี่ยเทียนหยวนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
เจ้าปีศาจลั่วเฟิงเหลือบมองเยี่ยเทียนหยวนแวบหนึ่ง “อย่างน้อยก็เป็นระยะเวลาเดินเท้าหนึ่งเดือน”
คราวนี้คงจะรู้ถึงความร้ายกาจของข้าแล้วสินะ
เหลือบมองทุกคนแวบหนึ่งก็เห็นมั่วเฟยเยียนเปลือกตากระตุก เอ่ยอย่างราบเรียบว่า “เช่นนั้นผู้อาวุโสก็เป่าต่อสิ จะหยุดทำไม”
สายตาสังหารคนของเจ้าปีศาจลั่วเฟิงจ้องเขม็งไปที่ลั่วเฟยเยียน พลางขบคิดในใจว่า หากไม่ใช่เพราะสายตาของพวกเจ้า ข้าจะหยุดหรือ
มั่วเฟยเยียนถูกเขาจ้องเขม็งก็ขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยว่า “หรือว่าผู้อาวุโสรอให้พวกเราปรบมือ”
เอ่ยจบ ก็แสร้งปรบมือ แล้วหลับตาทั้งสองข้างลงพลางฝึกฝนจิตวิญญาณดั้งเดิมทันที
บุรุษผู้บำเพ็ญเพียรและปีศาจอสูรเพศผู้เป็นสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดดังคาด
มือที่ถือขลุ่ยของเจ้าปีศาจลั่วเฟิงแข็งค้าง ครานี้ เป่าก็ไม่ได้ ไม่เป่าก็ไม่ได้แล้ว
มั่วชิงเฉินเห็นเจ้าปีศาจลั่วเฟิงเสียหน้าก็รู้สึกสบายใจ กอดน้ำเต้าสุราแล้วยกขึ้นดื่ม
เพื่อจะได้ออกไปให้ไวที่สุด เจ้าปีศาจยังคงเป่าขลุ่ยต่อไป ทันใดนั้นเขาได้กลิ่นสุราโชยมา ก็ลืมตาขึ้นมอง ชั่วขณะนั้นพลันโกรธเกรี้ยว
นางเด็กบ้าที่ฆ่าไม่ตายนั่นกำลังหลับตาพริ้มพร้อมทั้งดื่มสุราและโยกตามจังหวะไปพลาง
กวาดตามองมั่วเฟยเยียนที่กำลังหลับตาฝึกบำเพ็ญเพียร กวาดตามองมั่วชิงเฉินที่กำลังดื่มสุราอย่างสำราญ เจ้าปีศาจพลันรู้สึกหวาดผวา สวรรค์ตั้งใจส่งสองพี่น้องนี้มากำจัดมารปีศาจสยบปีศาจสินะ!
เขาแพ้แล้วใช่หรือไม่
พริบตาเดียวก็ผ่านไปสามเดือน มีเสียงขลุ่ยของเจ้าปีศาจคอยดึงดูดปีศาจ ในที่สุดก็ประสบผลสำเร็จตามหามั่วหร่านอีและอาชิงพบ
เพียงแต่เมื่ออาชิงอุ้มมั่วหร่านอีมาอยู่ต่อหน้าทุกคน ทุกคนก็ยังไม่ทันจะดีใจ สายตาก็ถูกหน้าท้องของมั่วหร่านอีดึงดูดไป
จากนั้น…จากนั้นก็ไม่มีอะไรให้ดีใจแล้ว เหลือไว้เพียงความตกตะลึง
เจ้าปีศาจลั่วเฟิงหน้าดำคล้ำจดสามารถหยดออกมาเป็นน้ำหมึกได้ “บังอาจ เจ้าพยัคฆ์คราม คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าฝ่าฝืนกฎเผ่าปีศาจ ไปแต่งงานกับสตรีผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์จนมีบุตร!”
กฎเบื้องบนของเผ่าปีศาจเป็นกฎที่เข้มงวดมาก อาชิงกลัวจนหัวหด สายตาตกอยู่ที่คนในอ้อมกอด ให้กำลังใจตัวเองเล็กน้อย แล้วอธิบายอย่างกล้าหาญ “ใต้เท้าเจ้าปีศาจ ข้าน้อย ข้าน้อยไม่ได้แต่งงาน จึงผิดกฎแค่ข้อเดียว…”
เจ้าปีศาจโกรธจนเป็นบ้า “เจ้าบ้า เจ้าโง่ ให้กำเนิดบุตร ร้ายแรงกว่าอยู่ร่วมกับมนุษย์ผู้หญิงเสียอีก เจ้าเข้าใจหรือไม่ ข้าจะจัดการพวกเจ้าเอง!”
เพิ่งจะก้าวไปข้างหน้า ก็ถูกสองมือลากไปด้านข้าง
มั่วชิงเฉินและมั่วเฟยเยียนเข้ามาล้อมอาชิงไว้ มองมั่วหร่านอีในอ้อมกอดของเขาด้วยแววตาซับซ้อน
เจ้าปีศาจหมายจะลงมือ แต่กลับอดทนเอาไว้ แล้วทำหน้าทำตาเหมือนกับกำลังสนุกอยู่กับละคร
จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้ผู้ที่เสียเปรียบที่สุดคงเป็นนางหนูชุดแดง เขาอยากรู้ว่านางหนูสองคนนี้จะจัดการอย่างไร
“มั่วหร่านอี เด็กในท้องเจ้าผู้นี้ ของผู้ใดกัน” มั่วเฟยเยียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
มั่วหร่านอีก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก น้ำเสียงเผยความเหนื่อยล้าออกมา แต่กลับยังคงไม่เผยความอ่อนแอ “ของอาชิง ทำไมหรือ”
“น้องสิบหก เด็กเป็นลูกของอาชิง” มั่วเฟยเยียนหันไปพยักหน้าให้กับมั่วชิงเฉิน
ที่นางเกลียดที่สุดก็คือความสัมพันธ์ของหญิงชายที่จัดการไม่ได้ บิดาของเด็กยังอยู่ก็พอแล้ว
นอกจากมั่วชิงเฉิน ทุกคนรวมถึงมั่วหร่านอีต่างก็ตกตะลึง เหตุใดพวกเขาถึงรู้สึกว่ามั่วเฟยเยียนผ่อนคลายลงเล่า
คงคิดผิด จะต้องคิดไปเองแน่ๆ
มั่วชิงเฉินผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ เช่นกัน เอ่ยกับมั่วเฟยเยียนอย่างยิ้มๆว่า “เป็นของอาชิงก็ดีแล้ว หากเป็นของอสูรลวงตาที่พวกเราสังหารไปก่อนหน้านี้ คงเป็นปัญหา!”
มั่วเฟยเยียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ทุกคนพลันตัวแข็งทื่อเป็นหิน
มั่วชิงเฉินหันกลับมา สายตาตกอยู่ที่ท้องของมั่วหร่านอี เอ่ยถามอย่างกังวลเล็กน้อยว่า “ดูท่าทางแล้ว คงจะใกล้คลอดแล้วกระมัง นี่ยุ่งยากแล้ว…”
เจ้าปีศาจลั่วเฟิงได้สติกลับคืนมาจากการตกตะลึง ก็หัวเราะลั่นออกมา
ฮ่าๆ ในที่สุดก็รู้ถึงปัญหาแล้วสินะ ให้กำเนิดสัตว์ประหลาดครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจออกมาผู้หนึ่ง กลับไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในโลกนี้ มาคอยดูกันว่าพวกเจ้าจะทำอย่างไร!
เยี่ยเทียนหยวนและหลัวอวี้เฉิงล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึม
มั่วเฟยเยียนแค่นเสียงอย่างเย็นชา พลางกวาดตามองมั่วหร่านอีแวบหนึ่ง “นางไม่ใช่ว่ารนหาที่เองหรอกหรือ ที่นี่วุ่นวายอย่างมาก!”
ช้าก่อน อะไรที่เรียกว่าที่นี่วุ่นวายอย่างมาก หากเปลี่ยนเป็นที่อื่นก็สามารถให้กำเนิดบุตรของปีศาจกับผู้บำเพ็ญเพียรได้หรือ
คำพูดของมั่วเฟยเยียนทำให้เหล่าบุรุษเกิดความเข้าใจผิดขึ้นมาพร้อมกัน
มั่วหร่านอีเป็นคนกระตือรือร้น นิสัยหัวรั้น ได้ยินแล้วก็รู้สึกโมโหทันที จึงคำรามว่า “ข้ารนหาที่เอง! มั่วเฟยเยียน มั่วชิงเฉิน พวกเจ้าคิดจะจัดการตัวปัญหาอย่างข้าหรือไม่ บอกมาตามตรง!”
ดวงตาหงส์คู่นั้นของนางมีแววเศร้าโศก โมโห โดนเหยียดหยาม และไม่ยินยอม ทั้งยังมีความปรารถถนาที่ยากจะสัมผัสได้แอบซ่อนอยู่ด้วย ดวงตาเปล่งประกาย แปลกประหลาด แต่กลับเหมือนเชือกที่ขึงตึง
เมื่อเห็นราวกับว่าพวกมั่วชิงเฉินพยักหน้าน้อยๆ ดวงตาหงส์คู่นั้นก็ฉายแววสิ้นหวัง
มั่วเฟยเยียนมีสีหน้าเย็นชายิ่งกว่าเดิม สีหน้าแปลกประหลาด “ยังจะหยิ่งผยองพองขนอันใดอีก มั่วหร่านอี เจ้าไม่ต้องมาหาเรื่องอย่างไร้เหตุผล!”
มั่วชิงเฉินถอนหายใจอย่างกังวล “ใช่แล้ว พี่สิบ ปัญหาของท่าน ข้าและพี่เก้าแก้ให้ไม่ได้ พวกเราไม่ว่าใครก็ล้วนทำคลอดไม่เป็นนะสิ…”
นางจำได้ดี ยามที่จื่อซีเจินจวินคลอดบุตร ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดกลุ่มหนึ่งต่างอับจนหนทาง จนต้องตามหาหมู่บ้านแห่งหนึ่งและบังคับให้ทำคลอดให้
นั่นเป็นเรื่องที่ไม่น่านึกถึงเลย!
ครืน ตรรกะและเหตุผลในจิตใจของเหล่าบุรุษล้วนพังทลายลง พลันตกอยู่ในความเงียบงัน
มั่วหร่านอีมีสีหน้าตกตะลึง ผ่านไปชั่วครู่ ก็มีหยาดน้ำตาหยดลงมา แต่กลับหันหน้าหนีทันที
อาชิงตกใจจนรีบร้อนเข้าไปจับบ่าของมั่วหร่านอี “แม่เสือ อย่าร้องเลย ร้องไห้ไม่ดีต่อลูกนะ เจ้าอย่ากังวลไปเลย ข้าจะทำคลอดให้เจ้าเอง ข้าเคยเห็นแม่ข้าคลอดลูก”
“พอได้แล้ว!” เจ้าปีศาจลั่วเฟิงสาวเท้าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว เห็นมั่วชิงเฉินและมั่วเฟยเยียนเข้ามาขวางด้านหน้ามั่วหร่านอีอย่างไม่ลังเล ก็เอ่ยอย่างโกรธแค้น “พวกเจ้ามันเด็กโง่ รู้หรือไม่ว่าอะไรสำคัญที่สุด!”
“ให้พี่สิบของข้าคลอดบุตรได้อย่างราบรื่น กับออกจากไปที่นี่ ไม่ต้องให้ผู้อาวุโสเตือน ข้าก็รู้ว่าอย่างหลังสำคัญกับผู้อาวุโสมากที่สุด” มั่วเฟยเยียนเอ่ย
เจ้าปีศาจลั่วเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ยื่นนิ้วออกไป “เช่นนั้น ความรักของมนุษย์และปีศาจอย่างพวกเขาเล่า แถมยังมีเด็กในท้องที่อาจเป็นลูกครึ่งปีศาจ พวกเจ้าไม่คิดว่าจะจัดการอย่างไรหรือ”
มั่วชิงเฉินมองเจ้าปีศาจนิ่ง เนิ่นนานมุมปากจึงได้เผยรอยยิ้มเยาะออกมา “ในท้องของพี่สิบเป็นหลานชายของพวกเรา เหตุใดข้าต้องขบคิดว่าจะต้องจัดการอย่างไรด้วย”
“ความรักของมนุษย์และปีศาจเป็นเรื่องต้องห้าม เจ้าจงคิดให้ดี!” เจ้าปีศาจเอ่ยอย่างเย็นชา
มั่วชิงเฉินไม่สนใจ มองไปหามั่วหร่านอี “พี่สิบ อาชิงไม่ได้ขืนใจท่าน ใช่หรือไม่”
มั่วหร่านอีเลิกคิ้วขึ้น “เขาจะกล้าหรือ!” จากนั้นก็หน้าแดงก่ำ
“อาชิง แล้วเจ้าล่ะ คิดว่าพี่สิบของข้างดงามดุจบุปผา ดังนั้นเลยคอยเอาเปรียบใช่หรือไม่” มั่วชิงเฉินเหลือบมองอาชิง
“ไม่ใช่สักหน่อย มีสาวงามแบบใดบ้างที่ปู่ไม่เคยพบ…” อาชิงแย้งท่าทางดูถูก แต่กลับถูกสายตาดุจมีดดาบของมั่วหร่านอีทิ่มแทงเพราะคำพูดอยู่ด้านหลัง
มั่วชิงเฉินหันมามองเจ้าปีศาจอีกครั้ง “ผู้อาวุโสก็ได้ยินแล้วสินะ พี่สิบและอาชิงรักใคร่กันดี ไม่มีผู้ใดบีบบังคับผู้ใด พวกเขาต่างคิดดีแล้ว แล้วข้าจะคิดไม่ดีได้อย่างไร”
“ไม่เห็นแก่กฎแล้วหรือ” เจ้าปีศาจหัวเราะเยาะ “เจ้าก็รู้ หากพวกเขาอยู่ในโลกมนุษย์ ก็จะถูกคนมากมายรังเกียจ และหากให้กำเนิดลูกครึ่งปีศาจ ก็จะมีมนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรและปีศาจผู้บำเพ็ญเพียรหมายจะลงมือสังหารเขากี่คนกัน”
มองเห็นสีหน้าซีดขาวของมั่วหร่านอี มั่วชิงเฉินก็ฉีกยิ้มบางๆ “ข้าเชื่อว่า พี่สิบและอาชิงอยู่ด้วยกันจะต้องไม่สนใจสายตาดูถูกพวกนั้นแน่ ขอแค่พวกเราไม่ดูถูกก็พอแล้ว ส่วนคนที่มาหาเรื่องแทนกฎสวรรค์นั่น…”
เอ่ยมาถึงตรงนี้ ก็หัวเราะอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยอย่างยืนหยัดว่า “มีข้าและศิษย์พี่อยู่ ข้าจะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้า!”
อย่างน้อยนางก็กล้ารับประกันว่า ต่อให้พรรคของนางไม่มีสาขาย่อย แต่ก็ไม่ลำบากแน่
นอกจากนี้ ยังมีอะไรให้ต้องหวาดกลัวอีก
นางเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดขั้นกลางแล้ว มีฝีมือมากมาย แล้วยังมีศิษย์พี่คอยอยู่เคียงข้าง หากยังปกป้องญาติของตนเองไม่ได้ จะฝึกฝนให้กลายเป็นเซียนอะไรกัน!
กฎเกณฑ์นั้น จะว่าไปแล้วก็เป็นสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งสร้างขึ้น การทำลายกฎก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายทั้งหมด การฝ่าฝืนกฎในอดีตก็เป็นการสร้างกฎใหม่ที่สมเหตุสมผลมิใช่หรือ
เอาล่ะ นางไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น คิดไปไกลเกินแล้ว นางแค่ปกป้องระยะสั้น ปกป้องไม่ให้ญาติถูกทำร้ายก็พอแล้ว
มั่วชิงเฉินเปล่งคำพูดที่มั่นอกมั่นใจออกมา เจ้าปีศาจพลันใจเต้น ครานั้นพลันตะลึงค้าง แววตาหลากหลาย ดูเหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นมาได้
เขาในยามเด็กก็เคยแอบไปเล่นกับน้องชายฝาแฝดของเขาเช่นกัน
เด็กน้อยในยามนั้น ก็เคยเรียกเขาว่าพี่ชาย
ทุกอย่างนี้ มันเปลี่ยนแปลงไปตอนไหนกันนะ
เนิ่นนานเกินไป เขาจำไม่ค่อยได้แล้ว
ครั้งนี้ เจ้าปีศาจไม่ได้เอ่ยอะไรอย่างหาได้ยาก หยิบหัวลูกศรสีขาวออกมาอย่างเงียบๆ
มั่วชิงเฉินเองก็ไม่ได้สนใจความคิดของเจ้าปีศาจ หากออกไปจากที่นี่ นางก็ไม่หวาดกลัวคนอื่น ส่วนเจ้าปีศาจนั้น เดิมพวกเขาก็เป็นน้ำกับไฟกันอยู่แล้ว มีเหามากกลับไม่คัน หนี้สินมากกลับไม่เดือดร้อน แล้วจะยังสนใจว่าจะมีเรื่องยุ่งยากอะไรอีกเล่า
มั่วชิงเฉินและมั่วเฟยเยียนต่างยืนอยู่ข้างอาชิง ทำท่าปกป้องมั่วหร่านอีเอาไว้
เยี่ยเทียนหยวนหยิบตัวลูกศรสีขาวออกมา
ตามที่ตกลงกันไว้ เยี่ยเทียนหยวนและเจ้าปีศาจสบตามองกันแวบหนึ่ง แล้วโยนของในมือขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกัน
กลางอากาศ หัวลูกศรสีขาวและตัวลูกศรสีขาวผนึกรวมเข้าด้วยกัน แล้วกลายเป็นลูกศรขนนกที่สมบูรณ์ดอกหนึ่ง
ลูกศรขนนกนี้เล็กกว่าลูกศรขนนกทั่วไปเป็นอย่างมาก ลำแสงสีขาวที่แผ่ออกมา ค่อยๆ ลอยขึ้นไปด้านบน
รอจนลอยไปถึงอยู่ในระดับที่ยากจะมองเห็น ฉับพลันนั้นก็กลับหัวพุ่งลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พุ่งลงมาอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงแหวกอากาศดังขึ้น พอเข้าใกล้พื้นดินก็กลายเป็นลูกศรยักษ์ขนาดเท่าภูเขาขนาดย่อมๆ
เสียง ปัง ดังขึ้น ลูกศรขนนกยักษ์ปักลงไปในพื้นดิน
[1] แมลงหน้าร้อนไม่รู้จักน้ำแข็ง หมายถึง พูดกับเขาไปก็ไม่มีประโยชน์