พันธกานต์ปราณอัคคี - ตอนที่ 642-2 ออกจากกำแพงถ่ายทอด
ต้องเข้าใจว่าแม้ผู้คนบนหนทางเซียนจะเดินอยู่ในเส้นทางเหนือสวรรค์ แต่กลับเชื่อถือในโชคชะตาฟ้าลิขิตเป็นอย่างมาก เรื่องหาได้ยากเช่นนี้ย่อมพบเห็นได้น้อยมาก
“ดังนั้นข้าจึงถามเขาว่าเดินในมรรคาอะไร เดิมบุรุษผู้นั้นก็ไม่ได้มีด้ายแดงผูกกับผู้ใด ถูกกำหนดให้อยู่ลำพัง แต่เมื่อเดินอยู่ในมรรคาแห่งรักแท้ โชคชะตาจึงเปลี่ยนไป”
“เช่นนั้น…ผู้ที่เป็นดาวเทียนสี่เดิมเล่า” หญิงสาวได้ยินก็ร้องว่ามหัศจรรย์ นึกถึงหญิงสาวผู้ชาญฉลาดที่ทะลวงมรรคาสังหารของเซียวหย่วนได้ ฉับพลันนั้นก็รู้สึกเห็นใจผู้ที่ถูกโชคชะตากำหนด
บุรุษชุดขาวมุ่นคิ้วฉีกยิ้ม “ผู้ที่เป็นดาวเทียนสี่เดิมหรือ ชาญฉลาดเกินไป จึงทำลายพรที่ควรได้รับ”
“เช่นนั้นวันข้างหน้า ดาวจะกลับคืนตำแหน่งเดิมหรือไม่” บุรุษชุดสีม่วงทนไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น
เขาและหนิงหรุ่ยเองก็มีวาสนาต่อกัน กลับมีคนผู้นี้อาศัยความทนทานบุกเข้ามาระหว่างทั้งสองคน
บุรุษชุดสีขาวมองบุรุษชุดสีม่วงอย่างราบเรียบแวบหนึ่ง “ดาวเทียนสี่เดิมนั้นเพราะว่าชาญฉลาดเกินไปจนทำลายตัวเอง นั่นเท่ากับว่าเป็นสมดุลสวรรค์ อะไรคือความถูกต้อง อะไรคือความลำเอียง ในเมื่อโชคชะตาเปลี่ยนไปแล้ว โชคชะตาในยามนี้ ก็คือฟ้าลิขิต!”
เสียงของทั้งสามคนค่อยๆ เบาจนแทบไม่ได้ยิน กำแพงถ่ายทอดกลับคืนสู่ความเงียบสงบดังเดิม
…
มั่วชิงเฉินและเยี่ยเทียนหยวนเดินออกมาจากกำแพงถ่ายทอด ก็ไม่พบเจินจุนสักคนหนึ่ง
บรรยากาศรอบๆ เปลี่ยนไป ดอกไม้ประหลาดที่เคยเห็นก่อนหน้าหายเกลี้ยง ทุกแห่งล้วนว่างเปล่า แม้ว่าจะผ่านไปหกสิบกว่าปีแล้วร่องรอยการต่อสู้ก็ยังอยู่
“ดูแล้วผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดเหล่านั้นคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด ศิษย์พี่ พวกเราไปดูที่พักของเซียนสันโดษทั้งสามกัน” แม้ว่าจะไม่หวังอะไร มั่วชิงเฉินก็ยังเอ่ยขึ้น
มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องไปดูสักตั้ง
“อืม” เยี่ยเทียนหยวนลากมั่วชิงเฉินไป วิ่งกระโดดสองสามครั้งไปยังเรือนพัก
คาดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเข้าใกล้ เสียงระเบิดก็ดังขึ้น นี่คือการระเบิดของลำแสงวิญญาณ ท้องฟ้าและผืนดินสั่นสะเทือน คลื่นร้อนฉ่ากระโจนมาหาทั้งสองคนด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง
ชั่วพริบตานี้ก็มองเห็นเงาร่างสองสายกระโจนออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
เยี่ยเทียนหยวนลากมั่วชิงเฉินไป ชั่วพริบตาก็สำแดงเคล็ดวิชาหลีกหนีหายวับไปจากที่เดิม หลังจากหลีกหนีไปสองสามครั้งก็สลัดระลอกคลื่นร้อนฉ่าไปได้ แฉลบไปทางหุบเขาข่งเชวี่ย
ด้านหลังทั้งสองมีความเร็วไม่เชื่องช้า ไม่นานก็ไล่ตามทัน
“เจินจุนทั้งสอง พวกท่าน…”
ซีอวิ๋นเจินจุนสะบัดแขนเสื้อ เอ่ยด้วยเสียงร้อนรน “ยามนี้ไม่ใช่เวลาพูดคุย รีบไป!”
ทั้งสี่คนโผทะยานไปกลางอากาศ ระลอกคลื่นพวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า เป็นเพราะอาณาเขตเซียนถือกำเนิด ไอวิญญาณระดับสูงอาบย้อมค่ายกลสังหารอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเป็นเวลานาน
เสียง ปังๆ ดังขึ้น
พลังปราณร้อนแรงทำให้ไอวิญญาณที่รวมตัวกันจนแทบจะเป็นของจริงระเบิดออก ทุกแห่งล้วนมีแสงเพลิงกะพริบวาบ เปล่งเสียงฟ้าผ่าออกมาไม่หยุด
ท้องฟ้าทั้งหมดกลายเป็นเหมือนเปลือกไข่ ลวดลายสายหนึ่งปรากฏขึ้น ไม่อาจจัดการได้ หลังจากหอบหายใจไปหลายครั้งทั้งหมดก็ปริแตก พื้นดินเกิดเสียงดังสนั่น ค่ายกลสังหารแตกออก ไอวิญญาณพุ่งไปทั่วทุกสารทิศตามระลอกคลื่นร้อนฉ่า
แทบจะในเวลาเดียวกัน ก็มองเห็นเงาร่างคนถือโอกาสนี้พุ่งออกไปด้านนอกเป็นสายๆ
เยี่ยเทียนหยวนเรียกเกราะเพลิง มั่วชิงเฉินสำแดงไหมเกล็ดน้ำแข็งออกมา เครื่องป้องกันสองชั้นต้านทานพลังปราณได้ครึ่งหนึ่ง ชั่วพริบตาก็หนีมาอยู่ตรงนี้
กระตุ้นกระสวยผสมปราณ ทั้งสองคนหนีออกมาปรากฏตัวในภูเขาลึกที่ห่างออกไปหมื่นลี้
ไม่นานนัก ซีอวิ๋นเจินจุนและช่านหรานเจินจุนก็กระโจนตามมา ผู้ที่ตามมาด้านหลังยังมีผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดอีกจำนวนหนึ่ง
พวกมั่วชิงเฉินทั้งสองคนทำความเคารพเจินจุนทั้งสองท่าน ซีอวิ๋นเจินจุนกวาดตามองทั้งสองคนแวบหนึ่ง “พวกเจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
“เจินจุน ไม่ทราบว่าไอวิญญาณนั่นระเบิดเพราะเหตุใด เจินจุนอีกสองท่านล่ะ” มั่วชิงเฉินเอ่ยถาม
เมื่อได้ยินมั่วชิงเฉินเอ่ยถึงเจินจุนอีกสองคน แววตาของซีอวิ๋นเจินจุนก็ฉายแววเย็นชา “พวกเขาดวงไม่ดี สัมผัสกับค่ายกลในที่พำนักของเซียนสันโดษ ดับสูญไปแล้ว สถานการณ์นี้ก็มาจากเหตุนั้น”
มั่วชิงเฉินได้ฟังแล้วพลันใจเต้น
นางไม่เชื่อว่าดวงไม่ดี เกรงว่าตั้งแต่เข้าไปในอาณาเขตเซียน ซีอวิ๋นเจินจุนก็คงตัดสินใจไว้แล้ว
มิน่าเล่ายามนั้นจึงรู้สึกว่าซีอวิ๋นเจินจุนแปลกๆ ท่าทางเป็นมิตรต่อนางและศิษย์พี่ไม่เหมือนแสร้งทำ ยามที่นัดแนะกับหลิงเฮ่อเจินจุนก็ไม่ได้เอ่ยถึงความปลอดภัยของพวกเขา
ที่แท้เขาและก็ไม่ได้คิดจะให้ทั้งสองคนนั้นมีชีวิตรอดออกมา
แม้จะไม่รู้ว่าซีอวิ๋นเจินจุนใช้วิธีการอะไร พอขบคิดอย่างละเอียดก็ไม่แปลกใจ ที่ราบลุ่มหลิงเฮ่อซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลของสำนักฉางซู่ ความเข้าใจในอาณาเขตเซียนนั้นไม่ได้มีน้อยนิดอย่างที่พวกเขากล่าว
เพียงแต่ซีอวิ๋นเจินจุนไม่พูด พวกเขาก็ไม่มีทางเอ่ยถาม
ล้อมปราบสำนักมาสองร้อยกว่าปี รากฐานถูกทำลายไปกว่าครึ่งหนึ่งแสนปี เปลี่ยนเป็นผู้ใดก็ไม่อาจรักษากฎแบ่งสมบัติกับศัตรูคู่แค้นได้
หากเป็นนาง ก็ยอมไม่เอาสมบัติแล้ว แต่ต้องให้คนเหล่านั้นรับชะตากรรม
“ชิงเฉิน ลั่วหยาง พวกเจ้ามีแผนการอย่างไร” ซีอวิ๋นเจินจุนเอ่ยถาม
“อนุชนทั้งสองคิดจะไปนอกมหาสมุทรสักรอบหนึ่ง…” เยี่ยเทียนหยวนเอ่ย
“นอกมหาสมุทรหรือ” ช่านหรานเจินจุนฉีกยิ้มขณะเอ่ย “ศิษย์พี่เจ้าสำนัก บังเอิญจริงๆ ข้าพาสหายตัวน้อยทั้งสองไปได้”
“ช่านหรานเจินจุนเองก็จะออกนอกมหาสมุทรหรือ” มั่วชิงเฉินมองช่านหรานเจินจุนแวบหนึ่ง ไม่รู้เพราะเหตุใด จึงรู้สึกแปลกพิกล
ซีอวิ๋นเจินจุนพยักหน้า “ใช่แล้ว ระหว่างทางข้าได้เอ่ยกับศิษย์น้องช่านหรานว่าจะให้เขาออกไปนอกมหาสมุทร ไปพาลูกศิษย์เหล่านั้นกลับมา”
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก อย่ารอช้าเลย ข้าจะออกเดินทางเดี่ยวนี้” ช่านหรานเจินจุนเอ่ย
“ศิษย์น้องช่านหราน เจ้าอยู่ในกำแพงถ่ายทอดนานกว่าข้า เหตุใดยังใจร้อนอีก” ซีอวิ๋นเจินจุนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ช่านหรานเจินจุนมองผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดที่ตามมาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “สำนักถูกทำลายไปกว่าครึ่ง รีบพาศิษย์เหล่านั้นกลับมา ก็จะช่วยกันสร้างสำนักใหม่ได้ จะได้พักฟื้น อีกอย่างอยู่ในกำแพงถ่ายทอดนานเกินไป ไม่ทราบว่าลูกศิษย์เหล่านั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
ซีอวิ๋นเจินจุนถอนหายใจออกมา “จริงด้วย ข้าออกมาเร็วกว่า ศิษย์น้องเจ้าอยู่ตั้งหกสิบกว่าปี นอกจากชิงเฉินและพวกทั้งสองแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะออกมาเป็นคนสุดท้าย”
เมื่อฟังจนมาถึงตรงนี้ มั่วชิงเฉินก็ใจเต้น มองซีอวิ๋นเจินจุนด้วยความประหลาดใจ
“ชิงเฉิน เป็นอะไรหรือ” ซีอวิ๋นเจินจุนเอ่ยถาม
มั่วชิงเฉินมีสีหน้าปกติ ฉีกยิ้มเอ่ยว่า “ที่แท้ช่านหรานเจินจุนก็อยู่มานานขนาดนั้น อนุชนนึกว่าผู้ที่อยู่นานที่สุดคือซีอวิ๋นเจินจุนเสียอีก”
ซีอวิ๋นเจินจุนส่ายศีรษะ “เข้าไปในกำแพงถ่ายทอด เวลาที่อยู่ไม่เกี่ยวกับพลังยุทธ์ หลิงเฮ่อเจินจุนของพรรคเซียวหลิงออกมาก่อนศิษย์น้องช่านหราน”
ไม่ถูก นางเห็นในกำแพงแสงอย่างชัดเจน ช่านหรานเจินจุนออกมาก่อน ซีอวิ๋นเจินจุนถึงจะออกมาเป็นคนสุดท้าย!
เรื่องนี้ นอกจากศิษย์พี่ที่กำลังทำความเข้าใจเคล็ดวิชาที่ได้รับอยู่จะไม่รู้แล้ว ซีอวิ๋นเจินจุนที่ออกมาก่อนน่าจะรู้ดี
ตกลงมันมีปัญหาตรงไหนกันแน่
ช่านหรานเจินจุน หลิงเฮ่อเจินจุน
หลิงเฮ่อเจินจุน…
มั่วชิงเฉินขบคิดอย่างรวดเร็ว แล้วเกิดความคิดหนึ่ง
หรือว่า ช่านหรานเจินจุนตรงหน้า จะไม่ใช่ช่านหรานเจินจุน แต่เป็น…
ต้องเข้าใจว่า ช่านหรานเจินจุนและหลิงเฮ่อเจินจุนออกมาติดๆ กัน เวลาห่างกันน้อยมาก
หลิงเฮ่อเจินจุนได้รับการถ่ายทอดมรรคาลวงตามา อาจจะเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาในสายตาของคนอื่นได้ในพริบตา
เช่นนั้น ลำดับการมองเห็นผู้ที่ออกมาของซีอวิ๋นเจินจุนจึงตรงกันข้ามกับตน
“สหายทั้งสอง พวกเราไปกันเถิด” ช่านหรานเจินจุนฉีกยิ้มจนตาหยีขณะเอ่ย