พันธกานต์ปราณอัคคี - ตอนที่ 649 อสูรวิญญาณที่แปลงกาย
กลางท้องฟ้า แสงสว่างที่ห่อหุ้มหมาป่าน้อยกับเขาน้อยค่อยๆ ตกลงมา พอถึงพื้นดินก็กะพริบถี่ๆ สองสามที จากนั้นก็คล้ายถูกลมหอบหนึ่งพัดผ่าน สลายไปอย่างรวดเร็ว
บนพื้นดิน เด็กหนุ่มสองคนนอนเปลือยกายอยู่
ลักษณะของทั้งสองมีอายุราวสิบสี่สิบห้า คนหนึ่งผมดำขลับ ผิวขาวดุจหยก เพียงนอนนิ่งๆ ก็แผ่ลมปราณที่มนุษย์ห้ามเข้าใกล้ออกมา
ส่วนอีกคนหนึ่ง ผมกลับเป็นสีทอง แผ่กระจายอย่างอ่อนโยน ปิดบังใบหน้าสดใสที่เล็ดลอดออกมาไปกว่าครึ่ง
สองหนุ่มแทบจะลืมตาขึ้นพร้อมกัน ก่อนมองฝ่ายตรงข้ามอย่างตกตะลึง
“เขาน้อย?” สักพัก หนุ่มผมดำก็เอ่ยปากก่อน น้ำเสียงใสเย็น ดุจหยกกระทบกัน
หนุ่มผมทองยกมือเรียวยาวขาวเนียนขึ้นขยี้ตา แล้วมองฝ่ายตรงข้ามอย่างมึนงง พอหนุ่มผมดำขมวดคิ้ว ทำหน้าสุดจะทน ค่อยตะโกนเรียกหมาป่าน้อยอย่างอ่อนโยน
“ข้านึกว่า พอเปลี่ยนรูปเป็นคน เจ้าก็โง่งมไปเสียแล้ว” หนุ่มผมดำพูดเสียงเย็นชา
หนุ่มผมทองกะพริบตาปริบๆ รีบส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ เขาน้อยนึกไม่ถึงว่า เจ้าแปลงกายเป็นคนแล้วจะมีลักษณะเช่นนี้”
หมาป่าน้อยมองผมสีทองของเขาน้อย พลางเบะปาก “ข้าก็นึกไม่ถึงว่า เจ้าแปลงกายแล้วจะมีขนสีทอง”
เขาน้อยค่อยก้มลงดูผมสีทองของตนเอง แล้วดึงไปดึงมาอย่างไม่สบายใจอยู่บ้าง
ท่าทางเช่นนี้ของเขา ไม่เห็นจะเหมือนพวกนายท่านเลย
“หมาป่าน้อย พวกนายท่านล่ะ” เขาน้อยพลันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงเงยหน้ามองไปรอบๆ
หมาป่าน้อยขยิบตา หันมองรอบทิศ พอเห็นมีร่องรอยการต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่ทั่ว สีหน้าพลันเปลี่ยน จับเขาน้อยลุกพรวดขึ้น “ไม่ดีแล้ว ต้องเกิดเรื่องขึ้นกับพวกนายท่านแน่ๆ!”
“เกิดเรื่อง?” เขาน้อยหน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน “แย่แล้ว หมาป่าน้อย พันธสัญญาของข้ากับนายท่านอ่อนแรงลงมาก เจ้าเล่า”
“ข้าก็เหมือนกัน!” สีหน้าของหมาป่าน้อยเย็นชาลง ขณะเดินหาเบาะแสไปรอบๆ
เขาน้อยเดินตามต้อยๆ อยู่ด้านหลัง ดวงตากลมโตดำบริสุทธิ์เต็มไปด้วยความกังวล
“หมาป่าน้อย เจ้าดู นี่เป็นสิ่งที่พี่หญิงอู๋เย่ว์หลงเหลือไว้ใช่ไหม” เขาน้อยชี้ไปยังที่หนึ่ง
หมาป่าน้อยนั่งยองๆ ลงดม ก่อนลุกพรวด แล้วเหาะไปยังที่แห่งหนึ่ง
ไกลออกไป เห็นภูเขาลูกหนึ่งถูกแสงวิญญาณเจ็ดสีปกคลุม มีสะพานวิญญาณรุ้งกินน้ำอยู่ด้านบน นกกระเรียนเซียนและนกกระจอกวิญญาณที่เกิดจากปราณวิญญาณเหินขึ้นเต้นระบำ
พอเข้าใกล้ ลมปราณที่เคร่งขรึมและศักดิ์สิทธิ์ก็ปะทะเข้ามา แต่พอไปถึงด้านหน้า แสงวิญญาณเจ็ดสีก็พลันริบหรี่ลง
“พี่หญิงอู๋เย่ว์ นายท่านล่ะ” หมาป่าน้อยกับเขาน้อยเหาะลงมา แล้ววิ่งเข้าหาอีกาไฟที่เฝ้าอยู่ปากถ้ำ
พอเห็นสองหนุ่มเปลือยกายวิ่งเข้ามา อีกาไฟก็ยืนตะลึงงัน
ความผิดปกติของอู๋เย่ว์ทำให้หมาป่าน้อยสะดุดกึก ก่อนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ท่านแม่ ที่แท้แล้วเกิดอะไรขึ้นกับนายท่านกันแน่”
ร่างท้วมๆ ของอีกาไฟโงนเงน ยื่นปีกออกมา ชี้ไปที่หมาป่าน้อย แล้วพูดติดๆ ขัดๆ “เจ้า เจ้าคือหมาป่าน้อยหรือ”
“ใช่ นายท่านอยู่ที่ไหนกันแน่”
“อยู่ด้านใน…” ขณะมองดูสองหนุ่มเปลือยกายล่อนจ้อนยืนเคียงไหล่กันตรงหน้ามัน อีกาไฟก็รู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม
หมาป่าน้อยกับเขาน้อยสบตากัน ก่อนยกเท้าก้าวเข้าด้านใน
อีกาไฟรีบว่า “พวกเจ้าทั้งสองหยุดเดี๋ยวนี้!”
พอเห็นอีกาไฟกางปีกขนาดใหญ่บินมาอยู่ตรงหน้า หมาป่าน้อยก็หรี่ตา พูดเสียงเย็นชา “เกิดเรื่องขึ้นกับนายท่านแล้ว!”
เขาน้อยพยักหน้าไม่หยุด ร้อนใจจนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ “ใช่แล้ว พี่หญิงอู๋เย่ว์ ท่านมาขวางเราทำไม เราจะรีบเข้าไปดู เขาน้อยรู้สึกได้ว่า สายสัมพันธ์ของนายท่านกับพวกเราอ่อนแรงลงเรื่อยๆ…”
“เขาน้อย พวกเราไป!” หมาป่าน้อยลากเขาน้อยให้ก้าวเข้าด้านใน
“พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!” อีกาไฟเข้าขวางตรงหน้า พลางกัดฟันพูด “ถ้าพวกเจ้าอยากให้นายท่านมีชีวิตอยู่ต่อ ตอนนี้ก็อย่าเข้าไปรบกวน”
“ทำไมหรือ” สองหนุ่มถามขึ้นพร้อมกัน
อีกาไฟหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้ฟัง
“พี่หญิงอู๋เย่ว์ พูดเช่นนี้ ก็แปลว่า ที่นายท่านกับพวกลั่วหยางเจินจวินกลายเป็นเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะพวกเรา…พวกเราทำร้ายหรือ” น้ำตาหยดเบ้อเริ่มไหลลงจากดวงตาเขาน้อย
หมาป่าน้อยเม้มริมฝีปากที่ซีดขาว ไม่ส่งเสียงใดๆ แต่เส้นเลือดเขียวที่ปูดขึ้นบนหน้าผากแสดงให้เห็นว่า ในใจไม่สงบนิ่ง
อีกาไฟทอดถอนใจ “ตอนนี้จุกจิกกับเรื่องพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ตอนพวกเจ้าผ่านเคราะห์อัสนีนั้น ในฐานะผู้เป็นนายก็ต้องช่วยพวกเจ้าต้านทานอยู่แล้ว คนรอบข้างไม่สามารถช่วยได้ ใครจะคิดเล่าว่าจู่ๆ เจ้าปีศาจจะโผล่มา ตอนนั้นนายท่านจึงได้แต่มองดูลั่วหยางเจินจวินกับอวี้เฉิงเจินจวินตายไปต่อหน้าต่อตา”
พูดถึงตรงนี้ ก็เงียบไปสักพัก มองดูสองหนุ่มพลางว่า “ตอนนี้พวกเจ้าเข้าใจแล้วสินะว่า ลั่วหยางกับอวี้เฉิงสองเจินจวินได้ตายไปเช่นนี้ตรงหน้านายท่าน ซึ่งนางก็ไม่สามารถมีชีวิตอย่างโดดเดี่ยวได้อีก ตอนนี้นายท่านกำลังทุ่มเทพลังทั้งหมดรักษาพวกเขา เพื่อการนี้ แม้นางบาดเจ็บแค่ไหน เราก็ไม่สามารถขัดขวางได้ พวกเจ้าเข้าใจใช่ไหม”
เขาน้อยพยักหน้าช้าๆ “เขาน้อยเข้าใจแล้ว ถ้าช่วยชีวิตลั่วหยางกับอวี้เฉิงสองเจินจวินไม่ได้ นายท่านก็ต้องตาย แต่ถ้าช่วยชีวิตสองเจินจวินไว้ได้ นายท่านจึงจะไม่ตาย ถูกต้องไหม”
“ใช่…” อีกาไฟเป่าปากยาวๆ เพียงรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายใจ
หมาป่าน้อยมองไปอีกทาง แล้วก้าวยาวๆ เข้าไป
อีกาไฟสะดุ้งตกใจ ร้องเสียงแหลม “หมาป่าน้อย เจ้าจะทำอะไรน่ะ”
“ฆ่าเขา!” หมาป่าน้อยจ้องมองเจ้าปีศาจเขม็ง พลางพูดทีละคำ
“ไม่ได้!” อีกาไฟห้ามอย่างเด็ดขาด
หมาป่าน้อยโกรธทันที เจตนาเย็นชาที่ตลอดทั้งร่างเปล่งออก สามารถทำให้น้ำพุร้อนกลายเป็นน้ำแข็งได้ “ทำไมล่ะ”
“จุดหักมุมสุดท้ายของเขา คือกลายเป็นตู้รั่วน่ะสิ แล้วนายท่านจะฆ่าเขาได้อย่างไรกัน ตอนนี้ พวกเจ้ายังจะต่อต้านเจตจำนงของนายท่านอยู่อีกหรือ”
หมาป่าน้อยกัดริมฝีปาก แล้วชกเข้าไปที่ผนังถ้ำอย่างแรง โลหิตสดๆ ไหลลงจากกำปั้น
“หมาป่าน้อย เจ้าอย่าทำเช่นนี้ พวกเรากับพี่หญิงอู๋เย่ว์นั่งรอนายท่านด้วยกันดีกว่า นายท่านต้องไม่เป็นไรแน่” เขาน้อยตบบ่าหมาป่าน้อยเบาๆ
หมาป่าน้อยพยักหน้าน้อยๆ แล้วจึงนั่งกอดอกพิงผนังถ้ำหลับตารอ เขาน้อยก็นั่งลงข้างๆ
พอปลอบโยนสองหนุ่มเสร็จ อีกาไฟค่อยได้สติ ใช้ปีกปิดตาไว้พลางร้องเสียงแหลม “พวกเจ้าทั้งสอง ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าเล่า เจ้าเด็กทะลึ่ง!”
ว่าพลางหยิบก้อนอิฐสองก้อนออกจากมิติสะสมวัตถุ สมบัติหนึ่งเดียวที่อสูรปีศาจมี ขว้างออกไป
หมาป่าน้อยเบี่ยงกายหลบก้อนอิฐ แล้วจึงก้มหน้ามองตัวเอง ก่อนพูดอย่างไม่แยแสแม้แต่น้อย “ลืมไป”
เขาน้อยก็ดึงผมสีทองของตนเองมาหุ้มตัวไว้ แล้วพูดอย่างเหนียมอาย “ข้าก็ว่าทำไมลมมันเย็น ขนที่เคยมีไม่มีแล้วนี่เอง”
“ไร้สาระ พวกเจ้าแปลงกายแล้วนี่ จะมีขนได้อย่างไรกัน…ไม่ถูก นี่ไม่ใช่จุดสำคัญ พวกเจ้าสองคนตกลงอายเป็นไหมนี่ ถึงได้ ถึงได้เปลือยกายเหาะมาตลอดทาง!” อีกาไฟตะโกนเสียงดังอย่างโกรธเคือง
เขาน้อยกะพริบตาปริบๆ “พี่หญิงอู๋เย่ว์ พวกเราลืมจัดเตรียมเสื้อผ้า…”
“รีบใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้เลย!” อีกาไฟปิดหน้า พลางโยนเสื้อผ้าสองชุดให้
ในถ้ำ หลัวอวี้เฉิงลืมตาขึ้น พอดีเห็นเยี่ยเทียนหยวนขยับขนตา แล้วลืมตา
ทั้งสองสบตากัน เงียบแบบแปลกๆ ไปช่วงหนึ่ง จากนั้นก็แทบจะกระโดดขึ้นพร้อมกัน แล้วกวาดตามองตัวเองอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่เพิ่งฟื้นจากความตาย อารมณ์ความคิดยังนิ่งค้างอยู่บ้าง หลังจากนั้นพักหนึ่ง ค่อยหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน หันมองรอบด้าน