ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 271.2 น้ำกู่หลงอบผ้า คู่ครองที่ไม่เหมาะสม (2)
เจี่ยไทเฮาแพ้เกสรดอกไม้หนัก สัมผัสยังไม่ได้ อย่าว่าแต่เสวยเลย อวิ๋นหว่านชิ่นจึงใช้ใบหม่อนที่ขับลมร้อนและบำรุงสายตามาผสมเป็นน้ำสมุนไพรส่งไปตำหนักฉือหนิง คิดไม่ถึงว่าเสวยไปจำนวนหนึ่งก็ได้ผลดังคาด อวิ๋นหว่านชิ่นได้ยินก็ปรีดานัก วางเรื่องใกล้ตัวลง เข้าไปหยิบส่วนที่เข้มข้นและดีที่สุดของใบหม่อนออกมา ใช้หลอดแก้วอีกใบอบเป็นน้ำสมุนไพร ให้คนเอาใส่ในถ้วยดินเผาเล็กๆ ที่สะอาดจำนวนหนึ่ง แล้วให้ชูซย่าเอาไปส่ง ในขณะนั้นเอง น้ำหอมอบผ้าก็สกัดเสร็จ จึงให้ชูซย่าเอาไปพร้อมกัน ถือโอกาสเอาไปแวะส่งที่กองพระภูษาด้วยเลย
ชูซย่านำน้ำใบหม่อนใส่ไว้ในตะกร้าอาหาร ไปยังตำหนักฉือหนิง
เจี่ยไทเฮาเพิ่งจะตื่นบรรทมตอนกลางวัน กำลังดื่มชาอยู่ในห้องโถง จึงให้คนพาชูซย่าเข้ามาในโถง
ชูซย่าถือตะกร้าเข้ามา พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นร่างอันคุ้นเคยนั่งอยู่ด้านล่างของเจี่ยไทเฮา สีหน้าประจบสอพลอเต็มที่ น้ำเสียงเอาอกเอาใจเจี่ยไทเฮาอย่างยิ่ง หน้าด้านไร้ยางอายอยู่ที่ตำหนักฉือหนิงต่อแล้วนี่ เหตุใดจะไม่ใช้ทุกวิถีทางมาเอาอกเอาใจไทฮองไทเฮาเล่า คนที่เข้าเฝ้าฝ่าบาทมิได้ สามารถมีสัมพันธ์อันดีกับไทฮองไทเฮาได้ ทำให้ไทฮองไทเฮาช่วยตนแนะนำถวายตัวแก่ฝ่าบาทก็เป็นสิ่งที่ดี ยามนี้ นอกจากยามที่เหนียงเหนียงมาถวายพระพรที่ตำหนักฉือหนิง ถังอู๋โยวก็จะอยู่ที่ตำหนักด้านข้างหลบหน้าไม่มาพบแล้ว เวลาอื่นๆ ล้วนล้อมหน้าล้อมหลังไทฮองไทเฮา ไม่พูดคุยเป็นเพื่อนก็นวดแข้งนวดขาให้ ปรนนิบัติพัดวีทุกวิถีทาง
ชูซย่าเหลือบมองคนผู้นั้นแวบหนึ่ง กลับไม่ส่งเสียงใด ยกตะกร้าไปเบื้องหน้าอย่างเคารพนบนอบ คุกเข่าคำนับ “หม่อมฉันทำตามคำสั่งนายหญิง ให้มาถวายน้ำใบหม่อมแก่ไทฮองไทเฮาเพคะ”
เสียดายก็แต่เจี่ยไทเฮาไม่ใช่พระสนมเอกเฮ่อเหลียน ถังอู๋โยวก็ไม่ใช่หันเซียงเซียง
ในเมื่อทางด้านฝ่าบาทปฏิเสธน้องสาวคนนี้ของอี๋ซื่ออ๋องแล้ว เช่นนั้น เจี่ยไทเฮาก็ทราบดีว่าตัวเองต้องยืนอยู่ข้างเดียวกันกับฝ่าบาท ตั้งแต่นางออกราชโองการให้เจ้าสามปกครองแผ่นดิน ทั้งยังยอมรับให้เขาขึ้นครองราชย์เงียบๆ เจตนาของฝ่าบาท แต่ละเรื่องล้วนกำหนดเจตนาของนางทั้งสิ้น ดังนั้นแล้ว ต่อให้แม่นางถังผู้นี้ปรนนิบัติได้เลิศเลอเพียงใด ก็ลงแรงไปผิดที่ผิดทาง ไม่ว่าอย่างไรเจี่ยไทเฮาก็ไม่อาจช่วยนางเอ่ยปากโน้มน้าวฝ่าบาทให้รับนางเป็นสนมได้
ทว่า อย่างไรเสียอี๋ซื่ออ๋องก็มีคุณงามความดีใหญ่หลวง ไม่ว่าจะเป็นแดนเหนือหรือว่าในราชสำนักล้วนมีอำนาจทั้งสิ้น ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน เส้นสนกลในมีน้อย เจี่ยไทเฮาก็ไม่ล่วงเกิน อี๋ซื่ออ๋องไม่รับน้องสาวกลับไป เด็กสาวคนนี้ก็หน้าหนา ยินดีอยู่ในวังต่อเช่นนั้นก็อยู่ต่อเถิด รอให้ความอดทนหมดลง ไม่ได้รับปฏิกิริยาจากฝ่าบาทเสียที ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องไปอยู่ดี ทุกวันที่เห็นนางมาปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิด ท่าทีของเจี่ยไทเฮาก็จะอ่อนโยนให้ หัวเราะพูดคุยกับนาง แต่สิ่งที่ถังอู๋โยวอยากได้ยินกลับไม่ได้ยินเลยแม้แต่ประโยคเดียว จึงร้อนใจยิ่ง
ยามนี้เห็นชูซย่ามา เจี่ยไทเฮาจึงตรัสว่า “นายหญิงเจ้าก็เหลือเกิน บอกให้ส่งมาก็ส่งมาทันทีจริงๆ ข้าไม่ได้รีบร้อนเพียงนั้น” ปากพูดเช่นนี้ แต่สีพระพักตร์กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มบาง
“เหนียงเหนียงบอกว่า พอไทฮองไทเฮาตรัสมา ต่อให้นางกำลังยุ่งเรื่องสำคัญอยู่ก็จะวางพักไว้ก่อน แล้วจัดการให้ไทฮองไทเฮาก่อนเพคะ” ชูซย่าเอ่ยด้วยความปากหวาน
ถังอู๋โยวคิ้วเรียวกระตุก ประสบเอาใจไทฮองไทเฮาเสียจริง ทำเช่นนี้ก็สามารถทำให้ไทฮองไทเฮาปกป้องนาง ห้ามตนเข้าวังได้แล้วรึ
ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่ประจบเอาใจที่แท้จริงนั้นเป็นใครกันแน่ ชูซย่าปรายตาไปเห็นสีหน้าเหยียดหยามของถังอู๋โยว ก็เดาความในใจนางได้แล้ว
ถังอู๋โยวเห็นดวงตานางเต็มไปด้วยการเหน็บแนม จึงหันหน้าหนีคร้านจะมองนาน สาวใช้คนหนึ่ง มีอะไรให้น่าทะเลาะด้วยกัน ชนะไปแล้วได้อะไร สิ่งที่นางต้องการไม่ใช่สิ่งเหล่านั้นเสียหน่อย
“ใครก็ได้ เอาชามา รีบลุกขึ้นแล้วเอาออกมาให้ข้าดูหน่อย” เจี่ยไทเฮาถูกคำพูดของชูซย่าทำเอาอารมณ์เบิกบาน นางจึงกวักมือเรียก
ชูซย่าเดินถือกล่องอาหารเข้าไปหา เปิดฝาออก หยิบเอาถ้วยดินเผาเล็กๆ ที่ใส่น้ำใบหม่อนออกมา เจี่ยไทเฮาหยิบมาถ้วยหนึ่ง เปิดฝาออกดมกลิ่นหอม รู้สึกสดชื่นเบิกบานใจ สมองปลอดโปร่ง พอพระทัยอย่างมาก สายตากวาดมองไปเห็นในตะกร้าว่ายังมีขวดอยู่หนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงตรัสถามว่า “เหตุใดจึงเหลืออีกขวดเล่า นั่นคืออันใดรึ”
ชูซย่าหยิบขวดดินเผาที่ไม่เหมือนภาชนะใส่น้ำใบหม่อนออกมาจากในตะกร้า ยิ้มทูลว่า “ทูลไทฮองไทเฮา นี่เป็นน้ำหอมอบผ้าที่เหนียงเหนียงทำให้ฝ่าบาทเพคะ เตรียมจะเอาไปส่งให้กองพระภูษา”
เจี่ยไทเฮากระจ่างแจ้ง “ไม่กี่วันก่อนข้าเข้าเฝ้าฝ่าบาท ได้กลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะยิ่งจากอาภรณ์ของฝ่าบาทอยู่จางๆ เหมือนว่าจะต่างจากเมื่อก่อน ที่แท้ก็เป็นฝีมือของนายหญิงเจ้าอีกแล้ว มันคืออันใดรึ เอามาให้ข้าดูหน่อย”
ชูซย่าเปิดขวดออก ยื่นให้ไทฮองไทเฮา
พอฝาขวดหมุนเปิด กลิ่นหอมอ่อนๆ ก็ลอยออกมา ดมแล้วทำให้จิตใจชื่นมื่น ผ่อนคลายรูขุมขน ให้ความรู้สึกสะอาดเย็นฉ่ำ มีชีวิตชีวาตามไปด้วย
ถังอู๋โยวได้ยินแค่ว่าน้ำอบผ้าของฝ่าบาท ใจก็กระตุก นางหันหน้าไปมอง รู้สึกว่ากลิ่นหอมอ่อนๆ นี้คุ้นนัก แต่ไม่ใช่กลิ่นที่ต้าเซวียนเคยมีแน่ๆ กลิ่นหอมนี้ ทั้งบางเบา และยาวนาน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ เรียบง่ายสง่างาม เหมือนกับ…น้ำหอมในยุคของนาง
ในขณะนั้นเอง เจี่ยไทเฮาก็ตรัสขึ้นว่า “กลิ่นนี้หอมนัก ในเมื่อเป็นน้ำหอมอบผ้าที่ฝ่าบาทใช้เฉพาะ ก็ต้องมีชื่อ ไม่อาจเอาแต่เรียกน้ำหอมได้”
“ฝ่าบาทถามเหนียงเหนียงว่าให้เหนียงเหนียงตั้งชื่อ เหนียงเหนียงบอกว่าวัตถุดิบหลักของน้ำหอมอบผ้าเป็นดอกไม้ ทั้งยังใช้กรรมวิธีกลั่นของเปอร์เซีย คำว่าดอกไม้ในภาษาเปอร์เซียคือ…” ชูซย่าใช้ปลายนิ้วจุ่มน้ำชาของตัวเอง แล้วเขียนอักษรลงบนโต๊ะไม้สามคำ
เจี่ยไทเฮามองด้วยความสนใจใคร่รู้ ไม่รู้เช่นกันว่ามันอะไร เห็นเพียงตัวอักษรสามตัวที่เหมือนไส้เดือนยึกยือไปมาว่า ‘gol’
ชูซย่ายิ้มเอ่ยต่อว่า “ในภาษาเปอร์เซีย การออกเสียงคำว่าดอกไม้นั้น เหมือนกับคำว่า ‘กู่เล่อ’ ในภาษาจีน เหนียงเหนียงบอกว่า ในเมื่อให้ฝ่าบาททรงใช้ เรียกว่าน้ำกู่เล่อ ไม่สู้เรียกน้ำกู่หลง[1]ดีกว่า ออกเสียงก็พอๆ กัน ทั้งยังใช้ได้เหมาะสมกว่าด้วย”
“ข้าเกือบลืมไปแล้ว เหนียงเหนียงของเจ้ารู้จักภาษาเปอร์เซีย” เจี่ยไทเฮายิ้มเสียริ้วรอยจางหาย “น้ำ…กู่หลงอย่างนั้นรึ ชื่อนี้เข้ากันนัก เพราะเป็นน้ำที่โอรสมังกรที่แท้จริงทรงใช้มิใช่หรือ”
ถังอู๋โยวตกตะลึงไม่น้อย นางสีหน้าเหลือเชื่ออย่างมาก น้ำกู่หลง[2] เป็นชื่อน้ำหอมผู้ชายที่โด่งดังที่สุดในยุคสมัยปัจจุบัน นึกไม่ถึงว่าจะถูกสตรีนางหนึ่งในหลายร้อยปีก่อนเอ่ยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ประวัติศาสตร์ในสมัยก่อนนั้นนางชำนาญกว่าตน กระทั่งเรื่องในยุคสมัยหลังๆ นางก็สามารถรู้ล่วงหน้าได้อย่างนั้นรึ คิดไปแล้วก็ริษยาขึ้นมา
เจี่ยไทเฮาพูดคุยเล่นกับชูซย่าสองสามประโยค ก็ให้แม่นางถังกลับไป แล้วตรัสว่า “จริงสิ คุณหนูรองสกุลเฉินสนิทกับอี๋ซื่ออ๋องรึ”
ชูซย่าชะงัก “เหนียงเหนียงคบหากับคุณหนูรองมานานเพียงนี้ ยังไม่เคยได้ยินคุณหนูรองบอกว่าเคยเจออี๋ซื่ออ๋องเลยนะเพคะ ไทฮองไทเฮาเหตุใดจึงได้ตรัสเช่นนี้เล่า”
“ไม่มีอันใดหรอก” เจี่ยไทเฮาน้ำเสียงเนิบช้า “เพียงแต่ว่างานเลี้ยงวันนั้นหลังจากฝ่าบาทกลับไปพร้อมหวงกุ้ยเฟยแล้ว ดื่มสุราไปสักพักก็ทำตามธรรมเนียมเดิม บรรดาคุณชายคุณหนูชนชั้นสูงเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าที่ทะเลสาบเฉิงเทียนและสวนหลวง ข้าเห็นคุณหนูรองเฉินกับอี๋ซื่ออ๋องแอบเดินด้วยกัน ซ้ำยังพูดคุยกันอีกด้วย แม้ทั้งสองจะมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าใดนัก แต่ดูๆ แล้วนับว่าสนิทกันไม่น้อย จะว่าไปคุณหนูรองตระกูลแม่ทัพผู้เฒ่าก็เป็นคนแน่จริงๆ ทั่วทั้งเมืองหลวงกระทั่งฝ่าบาทยังเคารพอี๋ซื่ออ๋องสามส่วน แต่ข้าเห็นนางถลึงตาใส่อี๋ซื่ออ๋องกับตาข้าเอง ท่าทางร้ายกาจไม่เบาเลย ข้ายังคิดว่าแก่จนตาฝ้าฟางหนักเสียแล้ว ตาฝาดไป…มิน่าเล่าเด็กคนนั้นถึงยังไม่ออกเรือน นิสัยเช่นนี้จะมีคุณชายสักกี่คนกันที่จะรับได้”
ชูซย่ากระจ่างแจ้งทันที เฉินจื่อหลิงชอบทวงความยุติธรรมที่สุด จะต้องเห็นอี๋ซื่ออ๋องต้องการยัดแม่นางถังเข้าวังหลัง แล้วทนเห็นการกระทำของอี๋ซื่ออ๋องไม่ได้ ออกหน้าให้อวิ๋นหว่านชิ่นแน่ คุณหนูรองคนนี้ใจกล้าไม่เบา นึกไม่ถึงว่ากระทั่งอี๋ซื่ออ๋องนางก็ยังไม่กลัว ยามนี้ได้ฟัง เกรงว่าไทฮองไทเฮาจะระบายโทสะใส่เฉินจื่อหลิง จึงรีบทูลว่า “คุณหนูรองแม้จะโหดเหี้ยมไปบ้าง แต่จิตใจกลับดีนะเพคะ กลับไปหม่อมฉันจะไปบอกเหนียงเหนียงเสียหน่อย เหนียงเหนียงจะต้องเตือนคุณหนูรองแน่นอน ครั้งต่อไปจะได้ไม่ไปล่วงเกินอี๋ซื่ออ๋องอีก”
——————————
[1] กู่หลง มังกรโบราณและยังแปลว่าโคโลญได้อีกด้วย
[2] น้ำกู่หลง โคโลญระงับกลิ่นกายที่ผู้ชายใช้ในปัจจุบัน