ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 138-1 คืนวันอภิเษก
เสียงก้าวเท้าเดินเบาตึกๆ ดังขึ้นพร้อมเสียงพูดของเด็กน้อยผู้อ่อนหวาน
“คนที่อยู่ตรงนั้น เอาของวางที่โต๊ะ เสร็จแล้วก็ออกไปให้หมด”
“เจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้ของจวนท่านอ๋องขานตอบ
เสียงนี้…เด็กน้อยมาจากที่ไหนกัน เสียงคุ้นจัง อวิ๋นหว่านชิ่นนึกอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็นึกออก
สาวใช้วางถ้วยชามเสียงดังก๊องแก๊ง พอวางเสร็จ พวกนางก็เดินออกไป กลิ่นหอมของอาหารฟุ้งกระจายทั่วห้อง คล้ายว่าจะเป็นของหวาน หอมซะจนน้ำย่อยในท้องของอวิ๋นหว่านชิ่นเริ่มทำงานอีกครั้ง
เสียงเด็กน้อยหวานแหววดังขึ้นอีกครั้ง นางเดินมาจับมือคนนั่งอยู่บนเตียง และพาไปที่โต๊ะ พูดด้วยเสียงหวานแหวว “พี่สะใภ้คนใหม่คงหิวแล้วใช่ไหมเจ้าคะ มานี่มา พี่ชายเป็นคนบอกให้ข้าเอามาให้เจ้าค่ะ”
อวิ๋นหว่านชิ่นเปิดผ้าคลุมหน้าออก บนโต๊ะมีนมตุ๋นเคี่ยวน้ำตาลรสดอกกุหลาบวางอยู่หนึ่งกล่อง บัวลอยหยกเขียวหนึ่งถ้วย น้ำชาต้งติ่งอูหลงแก้เลี่ยนอีกหนึ่งกา
ดูแลดีจัง อวิ๋นหว่านชิ่นหิวโซมาทั้งวัน นางไม่เกรงใจอีกต่อไป มือหนึ่งหยิบตะเกียบ อีกมือหนึ่งเปิดแผงลูกปัดมงกุฎ ขนมหวานกับบัวลอยช่างพอดีคำกับปากแดงระรื่อของหญิงสาวนัก
ขนมหวาน เหนียวนุ่มไม่ติดฟัน มีรสหวานกำลังพอดี บัวลอยลูกกลมเต็มลูก ทันทีที่กัดเข้าไป ไส้งาอุ่นๆ ก็ทะลักออกมา จากนั้นดื่มน้ำชาอูหลงตามสักคำสองคำ ลดความเลี่ยนป้องกันความอ้วน ช่างวิเศษนัก
ชุยอินหลัวเท้าคางมองพี่สะใภ้ที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย เจ้าแก้มยุ้ยเนียนขาวยิ่งมองยิ่งสงสัย เอ——เหตุใดจึงคุ้นหน้าจัง ในที่สุด ชุยอินหลัวก็ทนไม่ไหว เห็นนางวางตะเกียบลง มืออ้วนๆ ยื่นไปเปิดแผงลูกปัดของนาง ทันใดนั้น “เจ้าเองรึ”
นี่มันชายหนุ่มรูปงามที่เคยมาหาพี่ชายที่จวนไม่ใช่หรือ! ที่แท้นางคือคุณหนูใหญ่แห่งจวนเจ้ากรมที่พี่ชายแต่งด้วยนี่เอง!
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นนางจำตนเองได้ นางเสยแผงลูกปัดทัดไว้ที่หูอย่างไม่เกรงใจ พลางยิ้มพูดว่า “ขอบใจน้องสาวมากที่ส่งอาหารมาให้”
ชุยอินหลัวยังรับความจริงไม่ได้ ใจเต้นตุบตับจังหวะเร็วมาก นางเดินไปใกล้อวิ๋นหว่านชิ่น มองตั้งแต่หัวจรดเท้า ผ่านไปครู่นึง นางยื่นมือน้อยๆ ของนางออกไป คล้ายว่าอยากจะจับแต่ไม่กล้าจับ สองคิ้วกองรวมตรงหว่างคิ้ว เสียงสั่นๆ คล้ายว่าจะร้องไห้ “แล้ว เจ้า…เป็นชาย หรือเป็นหญิง” ชายหนุ่มที่ย่องเข้าจวนในวันนั้น ภายหลังนางยังพูดเลี่ยงๆ กับพี่ชาย แต่พี่ชายกลับไม่พูดอะไรด้วย ดีที่นางยังจำเรื่องนี้ได้ วันนี้ได้พบหน้าแล้ว กลับกลายเป็นชายาของพี่ชายเสียอย่างนั้น!
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นสีหน้าเด็กน้อยเป็นสีแดงก่ำ นางจับมือนางขึ้นมา ทาบลงที่หน้าอก
นุ่มนุ่มนิ่มนิ่ม…เป็นหญิงจริงด้วย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความจริง ใบหน้าเดิมที่ยิ้มแย้มสดใสร่าเริงก็หายไปทันที นางเดินออกจากห้องนอน หยิบเก้าอี้ตัวเล็กและนั่งลงไป สองมือเท้าแก้มไว้ ไม่พูดไม่จา
ตอนส่งขนมหวานมาให้ ร่าเริงแจ่มใส ตอนนี้กลับเงียบสงัด ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นดังนั้น จึงเดินไปแหย่เล่น พลางจับแก้มยุ้ยๆ ของนาง แหย่เล่นไปครึ่งค่อนวันก็ไม่เห็นทีว่าจะดีขึ้น พอเปิดแผงลูกปัดอีกครั้ง เด็กอ้วนตุ้ยนุ้ยก็หายไปแล้ว คงไปแล้วกระมัง นางจึงเดินกลับไปนั่งลงที่เตียงเหมือนเดิม
ความมืดกำลังปกคลุม ฟ้ามืดเร็วมาก ในที่สุด อวิ๋นหว่านชิ่นที่นั่งจนเกือบตัวแข็ง ก็ได้ยินเคาะเสียงประตูดังขึ้น โหยวมอมอพาสาวใช้ของจวนมาหา คล้ายว่าจะถือของอะไรสักอย่างมาด้วย เสียงฝีเท้าของผู้ชายเริ่มดังและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“เชิญท่านอ๋องกับชายาเอกเข้าพิธีแลกแก้วสุรา——” เสียงที่เปล่งออกมาของโหยวมอมอเป็นเสียงแห่งความยินดี
มาแล้วหรือ จู่ๆ ความตื่นเต้นประหลาด ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง นางจับมุมผ้าคล้องคอเอาไว้
ซย่าโหวซื่อถิงใช้คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าออก ปัดแผงลูกปัดออก ภายใต้แสงเทียนสว่างไสว เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้งดงามดุจนางสวรรค์ ผิวพรรณของนางเปล่งปลั่ง ทิวทัศน์อันงดงามทั้งหมดมารวมอยู่ในดวงตาคู่นั้น สบตาชายหนุ่มผู้อยู่ตรงหน้าพอดี สายตานั้นช่างทำให้ใจเต้นเสียจริง เพียงแต่ว่า…
เขาอมยิ้มเอาไว้ และปัดเศษขนมที่ติดอยู่ตรงมุมปากของนาง จากนั้นโน้มตัวลงข้างหูของนางอย่างรวดเร็วพลางพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ตะกละเสียจริง”
ลมอุ่นจากปากลอยแตะเข้าที่ปลายหู แสงแวบในดวงตาของนาง ช่างงดงามเสียจนหัวใจของชายหนุ่มเต้นแรง จมูกโด่งเริ่มกลายเป็นสีแดง อยากจะไล่ทุกคนออกจากห้องไปซะเดี๋ยวนี้
โหยวมอมอกับสาวใช้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเตียงนอนลายถักด้วยทอง เห็นอิริยาบทกับสายตาของสองคนนั้นแล้ว ต่างก็พากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ในรอยยิ้มเหล่านั้น แฝงไปด้วยความอิจฉา ในเวลาเดียวกัน โหยวมอมอยื่นแก้วหยกสีเขียวเคลือบทองรูปมังกรหงส์ให้อวิ๋นหว่านชิ่น
อวิ๋นหว่านชินลองดม เป็นสุราที่มีความแรงไม่เบา ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ได้กลิ่นแรงลอยมาแต่ไกล กำลังจะให้คนเอาไปเปลี่ยน ยังไม่ทันพูด สาวใช้สวมชุดสีเขียวพูดว่า
“โหยวมอมอ ในแก้วที่ใช้พิธีแลกแก้วดื่มสุรา เปลี่ยนเป็นน้ำชาจะดีกว่าหรือไม่”
อวิ๋นหว่านชิ่นมอง สาวใช้ที่ชื่อหรุ่ยจือนั่นเอง
ทุกคนรู้ดีว่า หรุ่ยจือเป็นสาวใช้คนสนิทของฉินอ๋อง มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เพิ่งเริ่มสร้าง บรรยากาศภายในห้องหอ จู่ๆ ก็เงียบลง
ถึงแม้ว่าสิ่งที่สาวใช้พูดออกมา คล้ายว่าจะเป็นคำพูดที่เป็นห่วงสุขภาพท่านอ๋อง แต่การพูดต่อหน้าชายาเอกเช่นนี้ เหมือนแสดงการถือสิทธิ์แสดงบทบาทเจ้าของชัดเกินไป——ชายาเอกของห้องยังไม่ทันเอ่ยปาก สาวใช้คนสนิทกลับแสดงความห่วงใยก่อนเสียแล้ว
ตอนนี้สายตาของโหยวมอมอและสาวใช้คนอื่นๆ ต่างพากันรอว่าอวิ๋นหว่านชิ่นจะพูดว่าอย่างไร
หรุ่ยจือไม่รู้สึกตื่นเต้น นางหันหน้าเข้าหาเจ้านายเหมือนคนอื่น สีหน้าแลดูเคารพ แต่น้ำเสียงที่ใช้กลับหนักแน่น “ชายาเอกเพิ่งเข้ามาอยู่จวน คงยังไม่รู้ว่าท่านอ๋องสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก ปกติท่านจะไม่ดื่มสุราเจ้าค่ะ ถึงแม้ต้องเสด็จไปงานเลี้ยงสังสรรค์ในวังอยู่บ้าง แต่ก็จะใช้แก้วที่พิเศษกว่า และดื่มน้ำชาแทนเพคะ”
นางยิ่งพูด คนอื่นๆ ยิ่งเกร็ง ชายาเอกจะเป็นคนใหม่แค่ไหนก็ตาม นางก็เป็นนาย เจ้ามันแค่บ่าวคนหนึ่ง ตำแหน่งสูงส่งแค่ไหน ก็เป็นได้แค่บ่าว ถ้าเป็นเช่นนี้ กลายเป็นว่าชายาเอกกำลังถูกบ่าวใช้สั่งสอนว่าต้องปฏิบัติตนอย่างไร ไม่รู้เหมือนกันว่า ชายาเอกท่านนี้จะตอบโต้อย่างไร ถ้านางแสดงความเป็นเจ้านาย นางก็จะดูเป็นคนใจแคบ และไม่เป็นห่วงสุขภาพของท่านอ๋อง แต่ถ้านางทำตามที่หรุ่ยจือบอก นางก็จะดูไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเอง บ่าวใช้ว่าอย่างไร นางก็ว่าตามนั้น ซึ่งล้วนยากที่จะตัดสินใจ
เจ้าสาวนั่งอยู่บนเตียงไม่ตอบหรุ่ยจือ แต่หันหน้าไปโหยวมอมอ ยิ้มอ่อนพลางพูดว่า “แม่นางหรุ่ยจือรับใช้ท่านอ๋องจนชินแล้ว โหยวมอมอ ทำตามที่นางสั่งเถิด ถ้าดื่มสุราแล้วสุขภาพแย่ขึ้นมาคงจะไม่ดีนัก”
บรรยากาศตึงๆ ก็คลี่คลายลง
ทั้งเปลี่ยนสุราให้ท่านอ๋อง พร้อมพูดว่า ‘รับใช้จนชิน’ ทั้งประกาศชัดเจนว่าหรุ่ยจือเป็นสาวรับใช้ วิธีการของนางไม่ทำให้นางสูญเสียความเป็นชายาเอกไปเลยแม้แต่น้อย
โหยวมอมอสั่งให้คนรีบไปเปลี่ยนเป็นน้ำชา ประโยคสุดท้ายของอวิ๋นหว่านชิ่นทำให้นางต้องรีบโค้งตัวลงแสดงความขอโทษ “เป็นความผิดของหม่อมฉันเองเพคะ หม่อมฉันไม่ระวัง ลืมนึกถึงสุขภาพของฉินอ๋อง! ขอให้ฉินอ๋องและชายาเอกลงโทษหม่อมฉันด้วยเพคะ!”
อวิ๋นหว่านชิ่นชายตามองชายหนุ่มข้างๆ สายตาเขาแน่วนิ่งและเย็นชา แต่ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ