ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 160.3 ปรนนิบัติรับใช้ (3)
หลี่ว์ชีเอ๋อร์คิ้วขมวด มองนางอย่างไม่น่าเชื่อ เพิ่งจะมาวันแรกก็แย่งงานของนางเสียแล้ว ไม่มีมารยาทเสียจริง ใครจะไวเกินกว่านางไม่มี มองนางเดินไปเปิดผ้าม่านแล้วเดินเข้าไป
หลังฉาก ซย่าโหวถิงได้ยินเสียงเป็ดตัวผู้ที่คุ้นเคย ยังไม่ทันจะเอ่ยก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้ขึ้นเสียแล้ว
ตอนกลางวันยังเป็นเด็กหยายคายเอะอะโวยวายในห้องโถง ตอนนี้หิ้วถังน้ำร้อนเดินเข้ามาโดยไม่ทักทายสักนิด
ซย่าโหวถิงถอดชุดคลุมออกตั้งนานแล้ว เหลือเพียงเสื้อผ้าฝ้ายดิบ สายคาดเอวหยกบนร่างผอมเอวบางค่อยๆ คลายลง ถอดหมวกกวานออก ครู่เดียวร่างสูงก็ลุกขึ้นจากเตียง สีหน้าเคร่งขรึม
“ใครเรียกเจ้าเข้ามา”
เพียงแค่อวิ๋นหว่านชิ่นเข้ามาก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคย เป็นกลิ่นยาจีนที่เขาใช้ในจวนเป็นประจำ นางแอบมองสีหน้าเขาอีกครั้ง เข้าใจแล้ว มิน่าละฟ้ายังไม่มืดสนิทก็อาบน้ำเสียแล้ว ร่างกายของเขาอาจจะไม่สู้ดีนักจึงต้องแช่ยาจีน
นางยกถังน้ำขึ้น เทน้ำใส่ลงไปในถังอาบน้ำ ไม่หันมามองเลยสักนิด “มิใช่ว่าตะโกนเรียกหรือเพคะ หากไม่เช่นนี้จะเข้ามาได้อย่างไร บ่าวรับใช้เป็นครั้งแรก ท่านอ๋องอย่าถือสาที่บ่าวไม่ค่อยรู้เรื่องเลยนะเพคะ อีกอย่างหลี่ว์ชีเอ๋อร์กับบ่าวก็มาด้วยกัน หากมิใช่นางเข้ามาปรนนิบัติก็เป็นบ่าวที่เข้ามาปรนนิบัติเพคะ” ระหว่างพูดก็เอียงหน้า “ทำไมหรือเพคะ ท่านอ๋องอยากเปลี่ยนให้หลี่ว์ชีเอ๋อร์เข้ามา แล้วให้บ่าวออกไปหรือเพคะ”
เป็นเพียงการถามความคิดเห็นแท้ๆ แต่ทำไมฟังแล้วดูน่ากลัวเช่นนี้
ตนต้องฟังผิดเป็นแน่
พูดได้ไม่อายปาก หญิงสาวคนนี้ช่างกล้าเสียจริง
ซย่าโหวถิงหน่ายที่จะเถียงกับนาง ชี้นิ้วไปทางหน้าประตู “เทน้ำเสร็จแล้วก็ออกไป” เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
หลายวันมานี้เป็นเพราะเหนื่อยเป็นพิเศษ โรคเก่าก็เริ่มกลับมากำเริบ
น้ำร้อนแช่ในถังอาบน้ำ ไอน้ำร้อนลอยภายในห้อง
อวิ๋นหว่านชิ่นรู้ว่าเขารอให้ตนออกไปจากห้องเสียก่อน ถึงจะใส่ยาจีนลงไป แตะดูอุณหภูมิน้ำ ปลายนิ้วยังรู้สึกร้อน
แช่ยาจีนจะต้องใช้น้ำอุ่น ไม่เติมน้ำเย็นกลางคันถึงจะดีที่สุด มิเช่นนั้นประสิทธิภาพยาจะลดลง
ก่อนหน้านี้ที่จวนทุกครั้งตอนที่เขาแช่ยา จะตักน้ำร้อนทิ้งไว้ รอจนถึงอุณหภูมิที่พอเหมาะถึงจะใส่ยาจีนลงไป
อวิ๋นหว่านชิ่นเหงยหน้าขึ้น “น้ำร้อนเกินไป บ่าวพัดให้เย็นสักหน่อยนะเพคะ”
แววตาเขาสับสนขึ้นมา
นางพูดว่าจะพัดให้น้ำเย็น ไม่ใช่ว่าจะผสมน้ำเย็นลงไป นี่ไม่ใช่ความคิดของคนทั่วไป แต่กลับได้ยินว่านางหาพัดใบตองเจอแล้ว ค่อยๆ พัดอยู่ข้างๆ ถังน้ำ “น้ำเย็นที่ห้องต้มน้ำไม่พอเพคะ น้ำเย็นที่แบกมาก็ยังอุ่นๆ อยู่ ผสมไปก็ไม่มีประโยชน์ พัดยังเร็วเสียกว่าเพคะ”
ซย่าโหวถิงโล่งใจ เป็นตนที่คิดมากไป
ผ่านไปสักพัก อวิ๋นหว่านชิ่นเตะน้ำดูอีกครั้ง ไม่มีปัญหาแล้ว เพียงลุกขึ้นหิ้วถังน้ำเปล่าเดินไปทางม่าน จู่ๆ ก็หันกลับมาทันที “ท่านอ๋อง ไม่เช่นนั้นให้บ่าวปรนนิบัติท่านอาบน้ำเถอะเพคะ ท่านลองคิดดูเป็นถึงท่านอ๋อง อาบน้ำไม่มีคนปรนนิบัติ ก็สุดบรรยายนะเพคะ”
ซย่าโหวถิงกำลังปลดกระดุมคอ ตอนที่นางถอยออกไป แผงอกก็เปลือยแล้วครึ่งหนึ่ง เห็นว่านางหันกลับมา ความอดทนก็ถึงขีดสุด เกือบจะเห็นรอยถลอกที่ปิดไว้ “ออกไป! ”
เห็นแต่หญิงสาวหยาบคายยกถังเปล่า มุ้ยปากพูด “เพคะ ออกก็ออกเพคะ”
จะดุอะไรขนาดนั้น เสียงดังจนหูจะหนวกเพราะเขาอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมทดสอบหยั่งเชิงเช่นนี้ ในใจนางกลับสบายใจขึ้นมาก
นอกผ้าม่าน หลี่ว์ชีเอ๋อร์ได้ยินเสียงโกรธขับไล่ ใบหน้าซีดเซียว เห็นชิ่งเอ๋อร์ไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด ยกถังน้ำออกมาอย่างสบายใจ ขาดก็แค่ฮัมเพลงเท่านั้น หลี่ว์ชีเอ๋อร์จับแขนนางลากมาข้างนอกทางเดิน
ห่างจากห้องนอนอุ่น นอกห้องนั้นมีน้ำค้างกลงในตอนกลางคืน อากาศหนาวเย็น แสงพระจันทร์ทำให้คนรู้สึกเงียบเหงา
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ตื่นตระหนก “เจ้าทำอะไรข้างใน คงไม่ใช่ถูกท่านอ๋องลงโทษมาใช่ไหม”
อวิ๋นหว่านชิ่นสายหัว “ท่านอ๋องจะใจแคบขนาดนี้ที่ไหนกัน เข้าไปเถอะ”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์เห็นว่านางจะเดินไป กลั้นใจตะโกน “เจ้า เจ้ารอก่อน”
อวิ๋นหว่านชิ่นหันหลังกลับ ภายใต้แสงไฟจากทางเดินสาดส่องให้เห็นแกมแดงระเรื่อของนาง “หลังจากวันนี้เจ้าไม่ต้องตัดสินใจทำเองแล้ว งานของใครก็ควรเป็นคนนั้นที่ต้องทำ”
อวิ๋นหว่านชิ่นถาม “เจ้าจะบอกว่า ปรนนิบัติท่านฉินอ๋องตอนอาบน้ำ เป็นหน้าที่ของเจ้าโดยเฉพาะหรือ”
อย่างไรเสียหลี่ว์ชีเอ๋อร์ก็เป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน เห็นนางพูดอกมาจากใจ หน้าก็ยิ่งแดงขึ้น พูดไม่ออก หรือว่าชิ่งเอ๋อร์ก็คิดลมๆ แล้งๆ กับท่านอ๋องเหมือนกัน แม้ว่านางจะหน้าตาหน้าขี้เหร่ แต่นิสัยกล้าหาญสมองไว แม้วิ่งยังวิ่งไวกว่า ตนจะชนะนางได้อย่างไรกัน…
ชั่วครู่ หลี่ว์ชีเอ๋อร์เอ่ยเสียงอ่อน “ไม่เคยสั่งว่าเป็นหน้าที่ข้านี่”
อวิ๋นหว่านชิ่นมองนาง เอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าเป็นหญิงยังไม่ออกเรือน รับใช้ในพระราชนิเวศน์เป็นเพียงแผนชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่บ่าวที่ถูกขายเสียหน่อย ทำงานหนักเบาก็พอแล้วยังจะไปปรนนิบัติรับใช้บุรุษอาบน้ำ หากถึงวันที่ท่านอ๋องกลับไป เจ้าไม่กลัวเสียชื่อเสียงออกเรือนไม่ได้หรือ”
นางเงียบอยู่นาน
หลี่ว์ชีเอ๋อร์กัดปาก “ชิ่งเอ๋อร์ก็ยังไม่ออกเรือนไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเจ้าจึงแย่งปรนนิบัติรับใช้ท่านฉินอ๋องอาบน้ำเล่า”
คำพูดที่พูดออกมาก หญิงตรงหน้าเหมือนซ่อนอะไรไว้ในใจ อวิ๋นหว่านชิ่นเข้าใจชัดเจนแล้ว
ในขณะนั้น ซือเหยาอันเดินมาจากหัวมุมทางเดิน
ทั้งสองรีบถอนสายบัวทำความเคารพ
ซือเหยาอันทราบว่าวันนี้องค์ชายสามต้องแช่ยาจีน ไม่ค่อยว่างใจเท่าไร จึงมาดูด้วยตนเองไม่คิดว่าจะได้ยินบทสนทนาของนางทั้งสองตั้งแต่ออกจากประตูจนถึงเมื่อครู่
แท้จริงแล้วหลี่ว์ชีเอ๋อร์มีความคิดอย่างอื่นกับองค์ชายสาม
ซือเหยาอันมองหลี่ว์ชีเอ๋อร์ “เรื่องในห้องนอนของท่านอ๋อง หลังจากนี้เจ้าไม่ต้องทำแล้ว เจ้ากลับไปเสียก่อนเถอะ ห้องครัวยังขาดคนทำงานเจ้ารีบไปช่วยเสีย”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์กะพริบตา หนังตาตก มองความคิดไม่ออก ยกกระโปรงเอ่ย “เจ้าค่ะ ใต้เท้าซือ”
ซือเหยาอันกำจัดรังแตนตรงหน้าไปได้ สายตามองหยุดลงมองชิ่งเอ๋อร์ที่มาใหม่
อวิ๋นหว่านชิ่นก็ไม่เกรงใจ ตบอกรีบเสนอตนเอง “ชีเอ๋อร์ไม่ทำงั้นให้บ่าวทำเถอะ งานรับใช้ในห้องต้องมีสักคนนะเจ้าคะ”
แม้ว่าชีเอ๋อร์จะมีความคิดอย่างอื่น แต่ได้ฟังคำพูดสุดท้ายของหลี่ว์ปา ก็แปลได้ว่าหญิงสาวบ้านนอกที่มาใหม่ก็เกรงว่าจะมีความคิดไม่บริสุทธ์กับท่านฉินอ๋องเช่นกัน
นางทั้งสองเพ้อเจ้อเสียจริง ฝันกลางวันกันอยู่หรือนี่
ซือเหยาอันเห็นนางมองตัวเอง น่าตลกเสียจริง หญิงสาวหน้าตาน่าเกลียดคนหนึ่งเท่านั้น จะซัดฟองคลื่นอะไรได้ เทียบกับสตรีที่อยู่ในวังแล้วราวฟ้ากับดิน อย่างไรเสียก็ควรเกริ่นไว้แต่เนิ่นๆ กอดอกเอ่ย “ยกชาส่งน้ำก็คือยกชาส่งน้ำ อย่างอื่นไม่ควรคิด อย่าหวังมากเกินไป”
อวิ๋นหว่านชิ่นแสร้งสับสน “บ่าวไม่เข้าใจเจ้าค่ะ”
หญิงสาวบ้านนอกเช่นนี้ ปัญญาใช้ไม่ได้ แต่กลับทำใจใหญ่ ไม่ได้การต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เลี่ยงไม่ให้วันหน้านางคิดไกล ซือเหยาอันจำต้องพูดให้ชัดเจน “ท่านฉินอ๋องเพิ่งจะอภิเษกสมรส ในจวนยังมีภรรยางดงามอ่อนช้อย พระชายาของพวกเราเป็นผู้ที่มีความสามารถ รูปร่างงดงามเสียงหวาน ในใจขององค์ชายสาม ตั้งแต่เช้าจนค่ำนอกจากพระชายาก็ไม่มีใครแล้ว คนนอกอยากจะเข้าไปก็เข้าไปไม่ได้ เข้าใจหรือยัง”