ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 165.1 ส่งสาส์น กับ ช่วยเหลือ (1)
นอกจากซือเหยาอันแล้ว คนอื่นในห้องโถงต่างก็รีบออกไป
ความกระวนกระวายในใจซย่าโหวซื่อถิงก็ทวีคูณ ขมวดคิ้ว สายตาเคร่งเครียด ได้ยินเฉินจ้าวพูดออกมาคำแรกก็คือ “ฉินอ๋อง พระชายาตอนนี้อยู่ที่ใดของพระราชนิเวศน์ขอรับ”
ซือเหยาอันตกใจ “ท่านแม่ทัพพูดอะไรกัน พระชายาก็ต้องอยู่ในเมืองหลวงสิ จะอยู่พระราชนิเวศน์ในเยี่ยนหยางได้อย่างไร”
เฉินจ้าวยิ่งตึงเครียดเพิ่มขึ้น หันหน้าไปทางฉินอ๋อง “พระชายารู้ว่าเขตฉังชวนเกิดเรื่อง จึงขอร้องให้ข้าน้อยพานางมา เมื่อรู้ว่าสถานการณ์ในเมืองเยี่ยนหยางมีความผิดปกติ กลัวว่าฉินอ๋องร่างกายจะทนไม่ไหว จะแฝงตัวเข้าเมืองไปให้ได้ ตอนแรกเข้าใกล้กลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองก่อน ตอนหลังใช้ปิ่นมุกส่งสัญญาณว่านางอยู่ในพระราชนิเวศน์แล้ว บอกให้ข้าน้อยวางใจ แต่…ตอนนี้นางอยู่ที่ใดหรือขอรับ”
ซือเหยาอันได้ยินคำพูดของเฉินจ้าวแล้ว ก็เข้าใจในทันที สีหน้าซีดขาวทันใด แล้วตะคอกออกไปข้างนอก “เรียกป้าอู๋มา!”
ตอนเช้า ป้าอู๋รู้ข่าวจากทหารเวรยามว่าชิ่งเอ๋อร์ชิงม้าแล้วขี่ออกไป ก็ตกตะลึงไปไม่น้อย จึงเฝ้าอยู่นอกโถงตลอดรอให้ท่านอ๋องกลับมาแล้วจะรายงาน เมื่อได้ยินใต้เท้าซือเรียก ก็รีบวิ่งเข้ามา ใต้เท้าซือก็ถามอย่างดุร้าย “แม่นางชิ่งเอ๋อร์ล่ะ”
ป้าอู๋คุกเข่าลง “แม่นางชิ่งเอ๋อร์หาข้ออ้างไปทำงานข้างจุดเข้าเวร สุดท้ายชิงม้าดำตัวใหญ่ของทหารเวรยามออกนอกที่พักไปเพคะ ฟังจากทหารคนนั้นเล่าแล้ว เหมือนว่าก่อนหน้านั้นยังถามนู่นถามนี่ บอกว่าอะไรผู้ตรวจราชการเหลียงจะประหารหลี่ว์ปา ไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ อย่างน้อยก็ต้องบอกท่านอ๋องก่อน ทหารนายนั้นเห็นว่านางเป็นคนที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายท่านอ๋อง นึกว่าเพราะทำเพื่อนายอย่างซื่อสัตย์จึงไม่คิดมาก ไม่คิดว่าจะซื่อสัตย์ถึงเพียงนี้ ใจกล้าเพียงนี้…ดูท่าทางแล้ว คาดว่า น่าจะไปขวางไม่ให้ผู้ตรวจราชการเหลียงประหารหลี่ว์ปาเพคะ”
ซือเหยาอันสีหน้าเปลี่ยนทันใด กลับได้ยินองค์ชายสามเอ่ยปาก “เรียกเหลียงป๋อคุนกลับมา”
แต่ละคำยังถือว่ายังนิ่งสงบอยู่ แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยคลื่นใต้น้ำ
เหลียงป๋อคุนคือชื่อของผู้ตรวจราชการเหลียง
องค์ชายสามเรียกชื่อโดยตรง แสดงว่าในใจไม่สงบยิ่งนัก
ซือเหยาอันไล่ป้าอู๋ไป แล้วเดินออกนอกห้องโถง เรียกองครักษ์คนสนิทสองนายมา แล้วสั่งการ
องครักษ์ทั้งสองได้ยินก็รีบออกจากพระราชนิเวศน์ไป
เวลาที่รอคอยนั้นช่างแสนยาวนานและตึงเครียด เหมือนดั่งดึงสายธนู จนถึงเวลาสุดท้าย เหลือเพียงเสียงยิงลูกธนูออกไปเท่านั้น
ชายหนุ่มที่สถานะต่างกันสองคน คนหนึ่งชุดหลวมสบาย อีกคนชุดเกราะทหาร นั่งอยู่บนเก้าอี้สลักลายข้างบนคนหนึ่งข้างล่างคนหนึ่ง ในใจเหมือนดั่งมีไฟแผดเผาอยู่ เงียบสงบ ไม่พูดอะไร ในห้องโถงอันเงียบสงัด มีเพียงเสียงหายใจที่ดังขึ้น
ซือเหยาอันยืนอยู่หน้าประตูห้องโถง มองไปนอกประตูเป็นพักๆ รอการตอบกลับ แล้วก็เหลียวมองคนทั้งสองในห้องโถง
ถึงแม้จะไม่ใช่พยาธิในท้องของทั้งสอง แต่ตนก็เดาออกว่าองค์ชายสามในเวลานี้จะรู้สึกอย่างไร
อย่าว่าแต่องค์ชายสามเลย ขนาดเขาเองจนถึงตอนนี้ก็ยังงงงวยอยู่ แม่นางชิ่งเอ๋อร์คือพระชายาหรือ พระชายามาถึงเมืองเยี่ยนหยางหรือ วันนั้น…ที่ใช้ปืนจ่อตนเองนั้น ก็คือพระชายาหรือ
ครั้งนี้ที่สามารถกวาดล้างกลุ่มผ้าเหลืองและโจรป่าเขาหม่าโถวที่อยู่เบื้องหลังได้อย่างสำเร็จอย่างราบรื่นนั้น ล้วนเป็นเพราะพระชายาหรือ
ตั้งแต่ราชสำนักต้าเซวียนเปิดประเทศมา หญิงที่เป็นวีรสตรีในตำนานนั้นมีมากมาย หญิงนางโลมหนีกลางดึก ออกรบแทนบิดา แต่งหญิงเข้าสอบ ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไร แต่คนสูงศักดิ์อย่างพระชายาของตนนั้น เขาจะกล้าคิดได้อย่างไรว่าจะเดินทางไกลจากเมืองหลวงเย่ว์จิงที่เจริญรุ่งเรืองและสะดวกสบายมาสู่เมืองเยี่ยนหยางที่วุ่นวายมีแต่สงครามและจลาจล แล้วยังเคยไปมาหาสู่กับเหล่าชายฉกรรจ์ชั้นต่ำหยาบโลนอย่างคนกลุ่มผ้าเหลืองอีก ตอนหลังเมื่อมาถึงพระราชนิเวศน์ ก็เกือบจะถูกคนของทางการเอาชีวิตต่อหน้าองค์ชายสามอยู่หลายครั้งอีก
สาวงามผู้นั้น ไม่กลัวหรือ
ในที่สุด เสียงฝีเท้าที่เหมือนจะกระทืบพื้นแตกนั้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
หน้าประตูจันทรานั้น บ่าวรับใช้รายงานเสียงดัง “ใต้เท้าเหลียงกลับมาแล้วขอรับ!”
ซือเหยาอันไม่เห็นเงาที่คุ้นเคยอยู่ข้างกายของผู้ตรวจราชการเหลียง ใจก็แทบจะหลุดออกมา จึงถามขึ้นอย่างเสียงดัง “ใต้เท้าเหลียง แม่นางชิ่งเอ๋อร์ไปหาใต้เท้าเหลียงใช่หรือไม่ แล้วนางเล่า”
ผู้ตรวจราชการเหลียงเหงื่อท่วมตัว เรียกผู้ใต้บังคับบัญชารออยู่หน้าประตู แล้วก้าวเข้าไป เขาสะบัดแขนเสื้อด้วยความโมโห หายใจเหนื่อยหอบ “อย่าพูดถึงเลยขอรับ พูดถึงก็โมโห! ระหว่างทางที่ข้าน้อยกุมตัวหลี่ว์ปาไปที่ตลาด นางก็ออกมาขวาง สุดท้ายก็ถูกหลี่ว์ปาจับเป็นตัวประกันแล้วขี่ม้าหนีไป! ตัวเองไม่อยากเอาชีวิตหลี่ว์ปาข้าไม่ว่า ยังจะทำให้หลี่ว์ปานั่นหนีไปอีก แต่ว่าท่านอ๋องวางใจได้ ข้าน้อยเรียกให้คนไล่ตามไปแล้ว…”
บรรยากาศในห้องชะงักไป นอกจากผู้ตรวจราชการเหลียงแล้ว ชายหนุ่มทั้งสามคนก็สีหน้าเครียดคล้ำ
“ก่อนที่องค์ชายสามจะขึ้นเขาหม่าโถว บอกให้เจ้าจับกุมตัวคนกลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองกลับมาก่อน ทำไมเจ้าจะต้องไปลงโทษที่ตลาดด้วย แม่นางชิ่งเอ๋อร์ขวางเจ้า ก็เพราะจะให้เจ้ารอท่านอ๋องกลับมาสอบสวนก่อนละสิ” ซือเหยาอันโมโห
ผู้ตรวจราชการเหลียงกระตุกปีกจมูก พึมพำ “ที่ข้าน้อยลงโทษสถานหนัก ก็เพื่อจะจัดการกับความรู้สึกของชาวบ้าน…”
เฉินจ้าวกำหมัดแน่น ใจแทบจะหลุดออกมา แต่กลับเห็นว่าฉินอ๋องปลายชุดยาวลอยขึ้น ลุกยืนขึ้นมา แล้วเดินไปหาผู้ตรวจราชการเหลียงอย่างช้าๆ ชุดปล่อยแขนกว้างสีอ่อนพัดไหวไปตามรองเท้าหุ้มส้นยาวสีม่วงที่ก้าวเข้ามา สีหน้ายังถือว่าสงบนิ่ง
ปัง! ผู้ตรวจราชการเหลียงสะดุ้งตกใจแล้วหันหน้าไป ประตูแดงทุกบานต่างก็ถูกซือเหยาอันปิดสนิททันใด ปิดกั้นกับโลกภายนอกทันที เขาชะงักไป “ใต้เท้าซือท่านจะทำอะไร…”
พูดไม่ทันขาดคำ ความเย็นเยือกก็ปะทะเข้ากับท้ายทอยผู้ตรวจราชการเหลียง ยังไม่ทันหันหน้าไป ก็รู้สึกว่ามีฝ่ามือดั่งคีมยักษ์กางออกแล้วยื่นมาจากด้านหลัง บีบคอตนไว้แน่น ตัดขาดลมหายใจไปชั่วขณะ
ในปอดของเขาสูดลมเข้าไม่ได้เลย สีหน้าแดงก่ำอย่างรวดเร็ว เสียงแตกเสียดแทรกมาจากลำคอ “ท่าน ท่านอ๋อง…”
ตั้งแต่ฉินอ๋องมาพระราชนิเวศน์ ไม่ว่าส่วนตัวจะเป็นอย่างไร แต่ผิวเผินแล้วก็ยังพอเคารพตนอยู่บ้าง อย่างไรเสียตนก็เป็นผู้บัญชาการสูงสุดฝ่ายบริหารและฝ่ายการทหารของเขตฉังชวน
แต่ในเวลานี้ เสียงที่ลอยมาจากด้านหลังนั้น กลับเป็นน้ำเสียงที่ผู้ตรวจราชการเหลียงไม่เคยได้ยินมาก่อน ผสมปนเปไปกับลมเย็นเยือกที่ลอยมาจากบ่อน้ำลึกอันหนาวเหน็บ สามารถทำให้คนหนาวจนขนตั้งจับตัวเป็นน้ำแข็งทั้งเป็น “ไล่ตามทันหรือไม่”
เพียงไม่กี่คำ หากฟังแค่เนื้อหา ก็เหมือนการไถ่ถามปกติธรรมดา ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกในนั้นเลยสักนิด
แต่เมื่อใส่น้ำเสียงนี้ลงไป กลับทำให้ผู้ตรวจราชการเหลียงตัวสั่นเป็นลูกนก ชายหนุ่มยิ่งพูดสั้นกระชับเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เขาหวาดกลัวมากเท่านั้น
เมื่อนิ้วมือบีบแรงขึ้น ในหัวของผู้ตรวจราชการเหลียงก็ว่างเปล่า เส้นเลือดในลูกตาแตกจนแดงทั่วเบ้าตา
แหวนหยกก็แนบติดบนคอของเขาเช่นกัน
เขารู้สึกถึงนิ้วมือของฉินอ๋องนั้นเยือกเย็นกว่าแหวนที่ไร้ชีวิตเสียอีก
นิ้วมือกดแน่นเข้าไปอีก เขารู้ว่าชีพจรของตนกำลังจะแตก หมดสภาพแล้วจริงๆ ชายหนุ่มไม่ได้ลงมือเอาถึงตาย ยังเหลืออากาศให้ตนหายใจอยู่บ้าง เพียงแค่อยากจะฟังคำตอบของตนให้จบ
ในเวลาอันสั้นนั้น ผู้ตรวจราชการเหลียงก็ได้ลิ้มรสความน่าผวาจากความใกล้ตายแล้ว จนกระทั่งชายหนุ่มคลายมือออก จึงได้ขาอ่อนล้มพับลงไปกับพื้น ลมหายใจหยุดชะงักไปทันใด ในที่สุดก็ได้หายใจด้วยตนเอง สูดลมหายใจใหม่เข้าไปได้
การมีชีวิตอยู่ช่างดีเสียจริง!
เขาแทบจะร้องไห้ออกมา เมื่อเงยหน้าขึ้น ความหวาดกลัวก็โจมตีเข้าใส่ร่างกายของผู้ตรวจราชการเหลียง ไม่ปกปิดเลยสักนิด กุมคอที่มีรอยช้ำไว้ ทำหน้าเศร้าโศก น้ำเสียงยังคงแหบพร่า “ขวางไว้ไม่ได้ หลี่ว์ปาหนีไปแล้ว แต่เขาหนีออกนอกเมืองเยี่ยนหยางไม่ได้ขอรับ เมืองเยี่ยนหยางก็ใหญ่เพียงเท่านี้ ข้าน้อยให้คนไปตามหาแล้ว มากสุดวันสองวันก็หาเจอแล้วขอรับ!”