ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 185.3 ความร้าวฉานของป้าหลาน (3)
ยิ่งพระองค์เมตตาต่อคุณหนูสกุลลู่มากเท่าใด ก็ยิ่งแสดงถึงความสัมพันธ์อันสนิทชิดเชื้อระหว่างพระมารดาและโอรสอย่างไท่จื่อมากขึ้นในสายตาของเหล่าขุนนางและบ่าวไพร่เท่านั้น
เจี่ยงฮองเฮาคิดพลางสีหน้าผ่อนคลายลง ยื่นพระหัตถ์ขาวดุจหยกออกไป พลางทอดพระเนตรไปทางลู่ชิงฝู “คุณหนูลู่มาเถิด”
ลู่ชิงฝูได้รับความเอ็นดูก็พลันตะลึง “เพคะฮองเฮา” รีบเดินเข้าไปหา จากนั้นก็ไปรวมอยู่กับไป๋ซิ่วฮุ่ยและบรรดานางกำนัลที่ล้อมหน้าล้อมหลังฮองเฮาจากนั้นก็เริ่มเคลื่อนขบวนออกไปสู่ตำหนักจินหวา
เจี่ยงอวี๋กลับไปพร้อมสาวรับใช้ด้วยเรื่องในใจอันหนักอึ้ง ใจลอยไปตลอดทาง บิดผ้าลูกไม้ในมือจนยับย่นไม่รู้ตัว
กลับมาถึงตงกง หลังจากเดินเข้าไปยังห้องนอนก็นั่งไม่ติด จึงเรียกสาวรับใช้ไปดูที่ตำหนักจินหวา
ครู่ต่อมา สาวใช้ก็กลับมารายงานว่าไท่จื่อส่งคนไปสอบถามที่ตำหนักเฟิงจ๋าว่าคุณหนูลู่ถวายงานเป็นอย่างไร ฮองเฮาตอบว่าทรงพอพระทัยยิ่งนัก ซ้ำยังพาคุณหนูไปร่วมงานที่ตำหนักจินหวาพร้อมกันอีก
อีกครู่ต่อมา สาวรับใช้ก็กลับมารายงานต่ออีกว่า พอไปถึงตำหนักจินหวา เข้าที่ประทับเรียบร้อยแล้ว เจี่ยงฮองเฮายังตรัสชมรองเจ้ากรมโยธาลู่อีกสองประโยคว่าเลี้ยงลูกมาอย่างดี
เจี่ยงอวี๋ได้ฟังรายงานเหล่านี้ก็ยิ่งโมโหจนเลือดขึ้นหน้า แทบจะพ่นเลือดออกมาได้ กำหมัดแน่น เกรี้ยวกราดเดินไปเดินมาอยู่ไม่สุขภายในห้อง
เจี่ยงฮองเฮาเคยชื่นชมนางต่อหน้าธารกำนัลที่ไหนกัน คงมีแต่คนที่หมายตาให้เป็นสะใภ้เท่านั้นกระมังถึงจะได้รับเกียรตินี้!
กูกูคงไม่ได้ตั้งใจจะให้นางเป็นพระชายาเอกของไท่จื่อมาตั้งแต่ต้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ เจี่ยงอวี๋ก็ยากที่จะผ่านพ้นยามเช้านี้ไปได้ ดวงอาทิตย์เคลื่อนสูงกลางฟ้า สาวรับใช้ก็กลับมารายงานอีกว่า งานเลี้ยงที่ตำหนักจินหวาได้สิ้นสุดลงแล้ว เจี่ยงฮองเฮาทรงเสด็จกลับตำหนักเฟิงจ๋าไปแล้ว แต่เหล่าขุนนางยังอยู่ดื่มกันต่อ
บรรดาคุณหนูสูงศักดิ์ต่างถูกเชิญให้ไปชมดอกไม้ดื่มสุราดอกเหมยอยู่ที่สวนหลวง เนื่องจากงานเลี้ยงวันนี้ลู่ชิงฝูได้หน้าได้ตาไปไม่น้อย กลายเป็นคนที่เหล่าสตรีต่างอิจฉา ภายในสวนหลวงยามนี้นางจึงแทบจะกลายเป็นดาวเด่นที่ถูกรายล้อม บรรดาคุณหนูจากตระกูลต่างๆ ล้วนพากันล้อมหน้าล้อมหลังนาง บอกว่าฮองเฮาทรงหมายตาลู่ชิงฝูให้องค์ชายองค์ไหนไว้แล้วเป็นแน่ มิเช่นนั้นจะดีกับนางเพียงนี้ได้อย่างไร
เจี่ยงอวี๋กัดฟันกรอด ทั่วเรือนร่างราวกับโดนมดไต่ นั่งอย่างไรก็นั่งไม่อยู่ “ไป ไปสวนหลวงดูเสียหน่อย”
สาวรับใช้ติดตามนางออกจากตงกงไปยังสวนหลวง
มุมหนึ่งใต้ทางเดินระเบียงสีแดง ณ ตงกง ไท่จื่อมองแผ่นหลังท่าทางฮึดฮัดของพระสนมรองที่เดินไปทางสวนหลวง ตรัสด้วยท่าทางไม่ใส่ใจว่า “ตามพระสนมรองไป” วันนี้ใช้โอกาสจุดความโกรธแค้นที่เจี่ยงอวี๋มีต่อฮองเฮาขึ้นมา แต่ก็ต้องป้องกันพระสนมรองที่เอาแต่ใจคนนี้ด้วย กันนางไม่ให้ทำสะเพร่าจนเสียเรื่อง
ขันทีข้างกายทั้งสองรับคำสั่ง ตามเจี่ยงอวี๋ไปไม่ใกล้เกินและไม่ห่างจนเกินไป
ทางด้านสวนหลวง เหล่าสตรีเดินอยู่ท่ามกลางเหมยเหมันต์ สาวใช้ข้างกายถือกาน้ำชาคอยเดินตามไม่ห่าง คนงามชมทิวทัศน์งาม เป็นภาพที่งามตาเกินจะหาใดเปรียบ
ลู่ชิงฝูนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ จิตใจยินดีมีสุข จึงคิดใฝ่ฝันถึงอนาคตอันงดงามในภายภาคหน้า ได้ยินธิดาของขุนนางข้างกายยิ้มกล่าวชมเชย “ข้าดูสีหน้าของคุณหนูลู่แล้ว ช่างงดงามอ่อนช้อยเสียยิ่งกว่าดอกไม้ใด ราวหงส์งามที่ชวนให้ใจเต้น เกรงว่าจะมีงานมงคลมารออยู่หน้าประตูบ้านแล้ว” กล่าวจบก็หันหน้าไปพูดล้อกับคุณหนูคนอื่นๆ ใกล้ๆ ตรงนั้น “พวกเจ้าว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงจะเอาคุณหนูลู่ยกให้องค์ชายองค์ใดกัน”
“พวกเจ้าดูสิ วันนี้ฮองเฮาทรงให้เกียรติคุณหนูลู่เป็นอย่างมาก มิมีทางที่จะให้นางเป็นแค่อนุแน่ ในบรรดาองค์ชายที่โตแล้วนั้นล้วนมีพระชายากันแล้วทั้งสิ้น ก็เหลือแต่ไท่จื่อเท่านั้นที่ตำแหน่งพระชายาเอกยังคงว่างอยู่ อีกทั้งไท่จื่อยังเป็นโอรสที่ฮองเฮาทรงเลี้ยงดูมา ความสัมพันธ์แม่ลูกเหนียวแน่น ฮองเฮาจะต้องไต่ตรองถึงเรื่องอภิเษกของไท่จื่อแน่นอน” คุณหนูนางหนึ่งกล่าวอย่างอิจฉา
ภายในใจลู่ชิงฝูราวกับมีคลื่นซัดกระเพื่อมไปมา ระงับความตื่นเต้นยินดีเอาไว้ไม่อยู่ สีหน้าพลันแดงระเรื่อ โบกมือเป็นพัลวัน “เจ้าอย่าพูดเหลวไหลเช่นนี้เลย ฮองเฮาทรงมีเมตตา ให้โอกาสข้าได้แสดงฝีมือเท่านั้น เจ้าลากเข้าเรื่องแต่งงานเช่นนี้ได้อย่างไร อีกทั้งเพราะท่านพ่อข้าเป็นรองเจ้ากรมโยธา พระชายาเอกของไท่จื่อ บรรดาคุณหนูสูงศักดิ์ทั่วเมืองหลวงต่างต่อแถวกันอยู่นั่นอย่างไร เพลาใดจะมาถึงตาข้า”
“คุณหนูลู่อย่าถ่อมตัวไปเลย เหตุใดฮองเฮามิทรงให้โอกาสพวกเราบ้าง เหตุใดจึงมีให้แค่เจ้า ยามนี้บิดาเจ้าเป็นรองเจ้ากรมโยธา รอเจ้าได้เลื่อนตำแหน่งนำเกียรติยศชื่อเสียงมาสู่ตระกูล ถึงเวลานั้นบิดาเจ้าก็ได้เลื่อนตำแหน่งไปด้วย” เหล่าคุณหนูพากันหัวเราะคิกคัก
ลู่ชิงฝูไม่กล่าวคำใดอีก ดวงหน้าเรียวงามรูปไข่แดงเรื่อ ปิดความตื่นเต้นยินดีไว้ไม่อยู่
ไม่ไกลจากสวนเหมยนัก ที่ด้านหลังหินสูง เจี่ยงอวี๋ฟังบรรดาธิดาขุนนางพูดคุยกันอย่างส่วนตัวก็กัดฟันกรอด ฝ่ามือกำหากันแน่นขึ้น ทุกคราที่ลู่ชิงฝูยิ้มแย้มอย่างเปรมปรีดิ์ ใจนางก็ยิ่งเพิ่มความเกลียดชังให้กับเจี่ยงฮองเฮาทีละนิดๆ แต่ยิ่งโมโหมากขึ้นก็ทำอะไรฮองเฮาไม่ได้ นางจึงทำได้เพียงมอบความแค้นนี้ไปให้กับคนที่ ‘ทำอะไรได้’ คนนั้น กดเสียงต่ำกล่าวว่า “เจ้าไปเรียกลู่ชิงฝูนั่นมา”
“พระสนมรองจะทำอันใดเจ้าคะ วันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองพระชนม์ของฮองเฮา จะก่อเรื่องมิได้นะเจ้าคะ” สาวรับใช้หวาดผวา
เจี่ยงอวี๋ได้ฟังก็เห็นด้วย แต่กลับไม่ยอมลดละ ครุ่นคิดแล้วกล่าว “เจ้าพานางไปที่ริมทะเลสาบเยว่หยาด้านตะวันตกเฉียงเหนือของสวนหลวง ที่นั่นเงียบเชียบคนไม่พลุกพล่าน”
สาวรับใช้รู้ว่าแค้นนี้หากนายหญิงไม่ได้ระบายออกไป ในใจคงอึดอัดเป็นแน่ ระบายกับฮองเฮาไม่ได้ ก็ได้แต่เล่นงานลู่ชิงฝู สาวรับใช้เร่งฝีเท้าเดินไปยังด้านหลังของบรรดาคุณหนูพวกนั้น หาจังหวะแอบลากลู่ชิงฝูออกมา
ลู่ชิงฝูได้ยินว่ามีนายหญิงท่านหนึ่งเรียกนางไปพบ ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก พอมาถึงริมทะเลสาบเยว่หยาก็เห็นหน้างอง้ำของเจี่ยงอวี๋
แม้นางจะไม่คุ้นเคยกับเรื่องในวังหลวงมากมายนักแต่ก็รู้ว่ามีการแกร่งแย่งชิงดีกันของสตรีภายในวัง โดยเฉพาะพระสนมรองเจี่ยงอวี๋นางนี้ที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในตงกงในยามนี้ ตอนนี้พระสนมรองหลอกนางมาพบก็รู้ได้ว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่ จึงระแวดระวังขึ้นมา นางจับกระโปรงคำนับอยู่กับที่ไม่ยอมเดินเข้าไป “เป็นพระสนมรองนี่เอง มิทราบว่าเรียกข้ามาด้วยเหตุอันใดเจ้าคะ”
เจี่ยงอวี๋เห็นนางหยุดอยู่ตั้งไกล ใจพลันโกรธเกรี้ยวขึ้นหลายเท่าแต่ใบหน้ากลับรักษาความสง่าสูงส่งไว้ ยังมิทันจะทำอะไรก็แสดงอาการเช่นนี้เสียแล้ว หากได้แต่งเข้าตงกงเป็นพระชายาขึ้นมาจริงๆ จะไม่ยิ่งหยิ่งผยองกว่านี้หรอกหรือ เจี่ยงอวี๋กล่าวเสียงเย็น “ได้ยินว่าเจ้าถวายงานฮองเฮาได้ดีนัก ทำไม จะเตรียมตัวเข้าตงกงเมื่อใดล่ะ”
ลู่ชิงฝูเห็นนางเปิดปากก็ถามเรื่องนี้เลย ซ้ำรอบด้านยังเงียบสงัด มีเพียงสาวรับใช้ของเจี่ยงอวี๋ หากพระสนมรองจัดการตนขึ้นมาจริงๆ นางมีแต่จะเสียเปรียบ จะมัวมาเสียเวลาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอยู่ไย รีบหนีไปจะดีกว่า เห็นนางเดินมาทางตน คิ้วก็พลันขมวดแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าอย่าเข้ามา “พระสนมรองเรียกข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะถามเรื่องนี้หรือ ข้ามิเข้าใจว่าพระสนมรองทรงต้องการสิ่งใด สวนหลวงทางนั้นประเดี๋ยวฮองเฮาจะส่งคนมา หากไม่เห็นข้าคงออกตามหาเป็นแน่ ขอตัวนะเจ้าคะ”
สำหรับเจี่ยงอวี๋แล้วทุกประโยคของนางเหมือนเป็นการยั่วยุ ยามนี้พอได้ฟังก็ยิ่งยิ้มอย่างเย็นเยียบมากขึ้น “พึ่งจะถวายงานฮองเฮาแค่ครั้งเดียว ก็เหลิงตนเสียแล้ว! ฮองเฮาไม่เห็นเจ้าซ้ำยังจะออกตามหาเช่นนั้นหรือ ช่างพูดออกมาได้อย่างน่าไม่อายนัก” กล่าวจบก็ใช้สายตาสั่งสาวรับใช้ให้ไปขวางทางไว้ พริบตาก็ไปดึงผมลู่ชิงฝูเอาไว้ เอาความเคียดแค้นที่มีต่อกูกูมาลงกับนางจนหมด ข่วนนางไปทีหนึ่งอย่างรุนแรง “เจ้ามันประจบประแจงฮองเฮา! อยากจะได้ตำแหน่งพระชายาเอกของไท่จื่อ! ตำแหน่งนี้น่ะ ข้าตะเกียกตะกายมานานหลายปียังเอามามิได้ แล้วเจ้า มีสิทธิ์อันใด มีสิทธิ์อันใดมาปีนข้ามหัวข้า!”