ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 190.3 รื้อบัญชีเจี่ยงฮองเฮา (3)
ไป๋ซิ่วฮุ่ยถวายคำนับอยู่ไกลๆ “คราที่บ่าวรับคำสั่งของฮองเฮาให้ไปตงกงนั้น ได้กล่าวคำพูดทำนองนี้กับเจาซวิ่นจริงๆ เพคะ เพียงแต่เจาซวิ่นคงฟังผิดไปคิดเป็นอีกความหมายแล้วกระมัง ความหมายของบ่าวคือต้องการจะบอกว่าพระนัดดาช่างมีค่าสูงส่ง ให้เจาซวิ่นดูแลเอาใจใส่ให้ดีเท่านั้น เจาซวิ่นคิดไปถึงไหนกันน่ะ”
เจี่ยไทเฮาขมวดคิ้วมองทางหลานเจาซวิ่น
หลานเจาซวิ่นก้มหน้าเล็กน้อย เหลือบตาขึ้นมอง แววตาทั้งคับแค้นไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งหวาดกลัวมองไปยังไป๋ซิ่วฮุ่ย “เป็นหม่อมฉันคิดมากไปหรือ เช่นนั้น เหตุใดภายหลังทุกคราที่ไท่จื่อเสด็จมาหาหม่อมฉัน ไป๋ลิ่งเหรินจึงได้กำชับกับหม่อมฉันอีกว่า” กล่าวพลางยกมือขึ้นหยิบกระเป๋าหนังวัวเล็กๆ ออกมาจากแขนเสื้อ คีบไว้ระหว่างนิ้ว ประจักษ์แก่สายตาผู้คน “ให้ใส่สิ่งนี้ลงไปในสุราและอาหารของไท่จื่อด้วยเล่า”
เจี่ยงฮองเฮาพระพักตร์พลันเปลี่ยน เดิมทีนางมิเคยสั่งให้ไป๋ลิ่งเหรินทำเช่นนี้!
ไป๋ซิ่วฮุ่ยก็คิดไม่ถึงว่านางคนสกุลหลานผู้นี้จะโกหกตาไม่กะพริบ จึงร้อนใจ “บ่าวไม่เคยกำชับเช่นนั้นมาก่อนนะเพคะ! ในมือหลานเจาซวิ่นคือสิ่งใดบ่าวก็ไม่ทราบ! เจาซวิ่นตั้งใจใส่ร้ายบ่าวกับฮองเฮาเพคะ!”
“ไป๋ลิ่งเหรินบอกว่าเป็นของบำรุงร่างกายเพคะ ใส่ลงไปเล็กน้อยในทุกๆ มื้อเป็นพอ แต่หม่อมฉันขี้ขลาด อีกทั้งได้ฟังไป๋ลิ่งเหรินกล่าวมาเช่นนี้ก็รู้ถึงเจตนาของฮองเฮาได้ เกรงว่าไท่จื่อจะถูกฮองเฮาทำร้าย จึงได้ทิ้งผงยานี้ไปทุกครา” หลานเจาซวิ่นร่างกายอ่อนยวบ น้ำตาไหลอาบแก้มพลางกอดอุ้มพระนัดดาน้อยไว้แน่น เหลือบมองไปทางเจี่ยงอวี๋อย่างไม่ง่ายดายนัก
เจี่ยงอวี๋พอใจไม่น้อย มุมปากหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มลำพองใจบางๆ ท่านป้า แค่คำกล่าวหาไม่กี่คำของหลานเจาซวิ่นไหนเลยจะเอาผิดท่านได้ ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านต้องไม่ยอมรับแน่!
ท่านป้า ท่านสูงส่งเหนือผู้คนมาทั้งชีวิต คงยังมิเคยลิ้มรสการถูกคนใส่ร้ายกระมัง!
สารหนูห่อนี้ เป็นสิ่งที่นางเตรียมไว้หลังจากที่รู้ว่าถูกวางยาจนมีลูกไม่ได้ เป็นสิ่งที่ห้องเครื่องใช้ฆ่าหนู นางให้นางกำนัลไปแอบขโมยมาเล็กน้อย ยามนี้จึงมอบให้ท่านเพื่อกล่าวลาก็แล้วกัน
ขณะนั้นเอง หมอหลวงที่เจี่ยไทเฮาเรียกมาก็มาถึงภายในตำหนัก
หมอหลวงรับห่อนั้นมา ดูๆ ดมๆ ก็รู้ว่าคืออะไร จึงกราบทูลไปตามจริงว่า “ทูลฝ่าบาทและฮองเฮา…นี่คือสารหนูพ่ะย่ะค่ะ หากกินทั้งหมดจะเสียชีวิตทันที อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบสาเหตุการตายนี้ได้ แต่หากกินทีละน้อยทุกๆ วัน จะทำให้ร่างกายคนผู้นั้นค่อยๆ อ่อนแอ ห่อเหี่ยวซึมเศร้า นำไปสู่การตายได้ อีกทั้งยังตรวจสอบสาเหตุมิได้ด้วยพะยะค่ะ”
เจี่ยไทเฮาและหนิงซีฮ่องเต้พลันตกใจกันทั้งคู่
ผู้คนในตำหนักต่างวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้น หากฮองเฮาทรงต้องการทำร้ายไท่จื่อจริง ไป๋ลิ่งเหรินบอกให้หลานเจาซวิ่นทำเช่นนี้ ก็สมเหตุสมผลอยู่ หากให้หลานเจาซวิ่นใส่ไปทั้งห่อ ไท่จื่อสิ้นพระชนม์แล้วย่อมตรวจสอบสาเหตุได้แน่นอน ไม่สู้ใส่ให้น้อยๆ ทุกครั้ง ค่อยๆ ฆ่าพระองค์อย่างช้าๆ จึงจะแนบเนียนแบบผีไม่รู้เทวดาไม่เห็น
“ข้าไม่เคยมีเจตนาจะทำร้ายไท่จื่อ ผู้ที่เอายาพิษมานี้ หากสืบไปตามเบาะแสก็จะทราบได้ว่าเป็นผู้ใด” เจี่ยงฮองเฮาชำเลืองมองเจี่ยงอวี๋ด้วยท่าทีที่ยังคงสงบนิ่ง อยากจะใส่ร้ายนางหรือ น่าขันนัก
หนิงซีฮ่องเต้แม้พระทัยจะเต้นโครมคราม แต่ยามนี้กลับไม่ยินยอมที่จะเชื่อ
เจี่ยงฮองเฮาสูงส่งสง่างามและสะอาดบริสุทธิ์มาโดยตลอด หลายปีมานี้ ทุกคราที่เห็นพระองค์ทรงมีคนโปรดคนใหม่ นางไม่มีแม้แต่คำบ่นว่าแม้ครึ่งคำ ซ้ำยังบอกให้พระองค์แบ่งความโปรดปรานให้ถ้วนทั่วทุกคน จะทำเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร
ในสายตาของฮ่องเต้ แม้จะไม่มีความรักความตื่นเต้นใดๆ ต่อกันกับนาง แต่ก็มองนางสูงส่งมาโดยตลอด ต่อให้จะมีเรื่องที่ขัดพระทัยอยู่บ้าง ก็ยอมตามใจนางแต่โดยดี
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองเจี่ยงฮองเฮาคราหนึ่งทำตามเจตนาของตน “ตั้งแต่ฮองเฮาแต่งกับเรามาจนถึงตอนนี้ ก็รักษาขนบธรรมเนียมมาโดยตลอด ไม่แก่งแย่งชิงดี มีคุณธรรม เราไม่เชื่อว่านางจะทำเรื่องร้ายแรงเช่นนั้นได้”
“เรื่องวางยานั้น ฮองเฮาก็มิได้ทรงทำเป็นครั้งแรก เหตุใดยังแกล้งวางตัวเป็นเทพเซียนผู้สูงส่งบริสุทธิ์เช่นนั้นได้อีก” เรื่องมาถึงขั้นนี้ ในที่สุดเจี่ยงอวี๋ก็เอ่ยขึ้น
เจี่ยงฮองเฮาเห็นนางแย้งขึ้นมาตรงๆ ก็หัวเราะออกมาเสียจนคนตกอกตกใจ “ข้ามีสายเลือดเดียวกันกับพระสนมรอง มองเจ้าเป็นญาติสนิท พระสนมจิตใจหยาบกระด้าง ไม่มีบุตรธิดาจึงไร้คุณสมบัติขึ้นเป็นพระชายา ข้ามีความยุติธรรมในจิตใจมาตลอด จึงหักใจทำชั่วสนับสนุนเจ้าให้เป็นพระชายามิได้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเคียดแค้นจนต้องใส่ร้ายข้าเช่นนี้”
“ที่หม่อมฉันมีบุตรมิได้ ก็เป็นเพราะกินอาหารที่ท่านให้ข้ามานานหลายปี จึงได้เป็นเช่นนี้!” เจี่ยงอวี๋อารมณ์พลุ่งพล่านเล็กน้อย นัยน์ตาคลอน้ำ หอบหายใจแรง เป็นเหตุให้ผู้คนส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมาอีกครั้ง
ครู่ต่อมา เจี่ยงอวี๋จึงสงบสติอารมณ์ได้ นางยิ้มเย็นกล่าวว่า “…ฮองเฮาใช้พิษทำร้ายคนมามากมาย วางยาทำร้ายหม่อมฉันให้มีบุตรไม่ได้ สิบกว่าปีก่อนก็วางยาเสียจนองค์ชายสามถูกบีบคั้นให้ออกจากวังไป รักษาไม่หายมานานหลายปี หลบไปพักอยู่ที่เป่ยเฉิงอันห่างไกลไม่กล้ากลับมาที่นี่อีก! ยามนี้ท่านยกตำแหน่งองค์รัชทายาทให้พระนัดดาน้อยเพื่อล่อลวงหลานเจาซวิ่นให้วางยาทำร้ายไท่จื่อ นับว่าสูงส่งได้อีกหรือ”
พอประโยคนี้ถูกกล่าวจบ ฝูงชนต่างมองไปยังฉินอ๋อง
“บังอาจนัก! เจ้าทำเช่นนี้เหมือนตั้งใจสาดโคลนมาใส่ข้าชัดๆ!” เรื่องสารหนูนั้นพระนางถูกใส่ร้าย เจี่ยงฮองเฮาไม่กังวลใดๆ กับเรื่องนี้ทั้งสิ้น ไปตรวจสอบดูก็รู้แล้ว! แต่คิดไม่ถึงว่าเจี่ยงอวี๋จะใช้เรื่องสารหนูมาเกี่ยวโยงเรื่องอื่นอีกสองเรื่องได้ พระนางเริ่มจะอยู่ไม่สุขเสียแล้ว
เจี่ยงอวี๋หันไปมองเจี่ยงผิง “วันหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีก่อน หม่อมฉันยังเยาว์ไม่รู้ความ เล่นซ่อนหากับสาวใช้ แล้วไปซ่อนที่ตู้ในห้องนอนใหญ่ ต่อมานายท่านและฮูหยินเจี่ยงเข้าห้องมา หม่อมฉันไปเห็นนายท่านเจี่ยงเหมือนจะให้อะไรบางอย่างแก่ฮูหยินเข้า บอกว่าเป็นของที่ฮองเฮาแอบให้คนหามา ยามฮูหยินไปถวายพระพรก็ให้เอาเข้าวังไปด้วยแล้วค่อยแอบถวายให้ฮองเฮา ตอนนั้นหม่อมฉันยังสงสัยนัก ในวังมีสิ่งใดด้วยหรือที่จะหามาไม่ได้ ยังมีสิ่งใดอีกหรือที่ฮองเฮาต้องการจากภายนอก วันที่สอง เจี่ยงฮูหยินก็เข้าวังไปถวายพระพรฮองเฮา จากนั้นไม่กี่วันฉินอ๋องก็ถูกพิษ ภายหลังหม่อมฉันจึงได้รู้ว่าในวังมีทุกสิ่งทุกอย่างครบครัน มีเพียงสิ่งเดียวที่ได้มายากยิ่งก็คือสมุนไพรมีพิษจากทั่วทุกสารทิศที่ไม่ทิ้งร่องรอยพวกนั้น! เฮอะ นายท่านเจี่ยง ท่านจะบอกได้หรือไม่ว่าสิ่งที่ท่านให้เจี่ยงฮูหยินมอบแก่ฮองเฮาคือของสิ่งนี้ใช่หรือไม่”
เจี่ยงผิงถูกท่าทางนี้ทำให้ตกใจจนแข้งขาอ่อน หากมิใช่เพราะลูกชายจับเสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาไว้แน่น เขาก็แทบจะติดปีกบินออกจากวังไปซะเดี๋ยวนั้น ยามนี้เขาไม่รู้จะพูดอย่างไรดีจึงได้แต่เงียบไม่กล่าวคำ
เจี่ยงหงจี้เห็นบิดาท่าทางลังเลขึ้นมาอีก ก็นั่งไม่ติดแล้ว จึงกระซิบไปว่า “ท่านพ่อ เด็กนั่นกล่าวมาขนาดนี้แล้ว ไม่อยากพูดก็ต้องพูดแล้วล่ะ” ผลักเจี่ยงผิงออกไปด้านหน้าคราหนึ่ง
เจี่ยงผิงโซเซออกมาอย่างจำใจ เงยหน้าสบสายตาคมกริบดุจมืดของเจี่ยงฮองเฮาแล้วคุกเข่าลงกลางตำหนัก
หนิงซีฮ่องเต้ฟังเจี่ยงอวี๋กล่าวมาถึงตรงนี้ก็พระพักตร์สั่นไปนานแล้ว
หากเจี่ยงฮองเฮาลงมือทำจริง เช่นนั้น ที่ไม่แก่งแย่งชิงดี สงบเสงี่ยม สูงสง่าบริสุทธิ์มานานหลายปีเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นการเสแสร้งทั้งสิ้น
ชายาที่อยู่เคียงคู่มาแทบจะทั้งชีวิตนี้ มีจิตใจเช่นใดกันแน่
ครานั้น เฮ่อเหลียนกำลังได้รับการโปรดปรานจากพระองค์ คนในวังที่คิดทำร้ายนางมีไม่น้อย แต่เรื่องที่เจ้าสามถูกพิษเรื่องนี้ ไม่นึกเลยว่าจะเป็นฝีมือของนาง
จิตใจของพระองค์เริ่มสั่นคลอนแล้ว โมโหโกรธาขึ้นมา “ยังไม่บอกมาเสียดีๆ อีก!”
เจี่ยงผิงเดิมก็ซื่อสัตย์เป็นอย่างมากอยู่แล้ว ถูกความกราดเกรี้ยวฟาดผ่าลงมาดั่งสายฟ้าเช่นนี้ จิตใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ไหนเลยจะกล้าอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่อีก จึงร้องห่มร้องไห้กล่าวออกมาอย่างหมดเปลือก “ปีนั้นฮองเฮาเรียกภรรยากระหม่อมเข้าเฝ้า ก่อนหน้านั้นสองคืน กระหม่อมได้รับจดหมายลับจากฮองเฮารับสั่งว่าให้เตรียม… เตรียมยาพิษเข้าวัง ไร้สีไร้กลิ่น ตรวจสอบไม่ได้จะดีที่สุด กระหม่อมไม่กล้าไปซื้อของพวกนี้อย่างเปิดเผย พอดีสนิทกับนักเล่นแร่แปรธาตุ คนผู้นั้นมียาพิษอยู่มากมาย กระหม่อมอาศัยยามเขาเผลอแอบขโมยมาจำนวนหนึ่ง ให้ฮูหยินเอาเข้าวังมาให้ฮองเฮา แต่กระหม่อมไม่ทราบจริงๆ ว่าฮองเฮาจะเอามาทำอันใดนะพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท…สิ่งที่ฮองเฮาสั่ง กระหม่อมไม่กล้าขัด…ฝ่าบาทโปรดทรงไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยเถิด…”