ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 223 ฮ่องเต้กับภรรยาขุนนาง (3)
อวิ๋นหว่านชิ่นพลันหมดความอยากอาหารไป หรือพระสนมเอกเฮ่อเหลียนจะคิดว่านางเคียดแค้นและระแวงระวังหานเซียงเซียง จนถึงขนาดกระทั่งบิดาของหานเซียงเซียงก็ต้องเป็นปรปักษ์ไปด้วย
นางวางตะเกียบงาช้างลง ทูลตอบอย่างแผ่วเบาและเนิบช้าว่า “ใต้เท้าหานอาจจะเพียงแค่ทำตามกฎและคำสั่งเท่านั้นกระมังเพคะ”
ขณะที่จางเต๋อไห่ได้ยินคำถามที่พระสนมเอกเพิ่งจะตรัสขึ้นก็แอบเช็ดเหงื่อเงียบๆ หากคนที่ขัดขวางในการเข้าวังพระชายาเป็นทหารรักษาพระองค์คนอื่นก็แล้วไปเถิด แต่นี่เป็นบิดาของว่าที่สนมของฉินอ๋อง เช่นนั้นแล้วก็คงกระอักกระอ่วนกันอยู่ไม่น้อย กลายเป็นว่าพระชายามีจิตใจริษยาไป
โชคดีที่พระชายาตอบได้สมเหตุสมผล ซ้ำยังจับผิดอันใดมิได้ ทั้งแสดงให้เห็นว่านางถูกหานทงขวางไว้จริงๆ ทำให้การเข้าวังมาล่าช้า แล้วยังแสดงให้เห็นอีกว่านางใจกว้าง มิได้ต่อว่ากล่าวโทษหานทงให้เห็นว่าตนใจแคบ แล้วจะทำให้พระสนมเอกไม่พอพระทัย
จางเต๋อไห่ถอนใจ ไกล่เกลี่ยว่า “หานทงนั่นก็เกินไป เหตุใดจึงเคร่งครัดเพียงนั้น ไม่รู้จักปรับเปลี่ยนอนุโลมเสียบ้าง”
พระสนมเอกเอาปลายพู่กันจุ่มลงในน้ำหมึกจนชุ่ม ตรัสด้วยอารมณ์ราบเรียบว่า “ในเมื่อเป็นเจตนาของฉินอ๋อง และหานทงก็ปฏิบัติตาม ควรจะเรียกว่าเคร่งครัดในหน้าที่ ซื่อสัตย์ภักดี เหตุใดจึงบอกว่าเคร่งครัดเพียงนั้นได้เล่า”
จางเต๋อไห่นิ่งอึ้ง เขารีบยกมือขึ้นตบศีรษะตัวเองเบาๆ “กระหม่อมพลั้งปากไปพ่ะย่ะค่ะ”
แรงจากข้อมือพระสนมเอกชะงักไป ทอดพระเนตรมองสตรีนอกม่านคราหนึ่ง “ในเมื่อวันนี้ชิ่นเอ๋อร์มาถวายพระพร เช่นนั้นข้าก็ขอพูดอันใดเสียหน่อย เจ้าจะคิดว่าเป็นประเพณีเก่าแก่โบราณก็ดี หรือจะคิดว่าเป็นคำนินทากาเลก็แล้วแต่ ฟังได้ก็ฟังไว้เสียหน่อย”
“เสด็จแม่โปรดตรัสเพคะ” ตั้งแต่พระสนมเอกไม่ทรงกล่าวโทษหานทง ซ้ำยังตรัสชมเขา อวิ๋นหว่านชิ่นก็ไม่อยากอาหารอีกเลย
“พอหมดช่วงไว้ทุกข์ นับนิ้วดู อีกไม่ถึงสิบวันแม่นางหานก็ต้องเข้าจวนอ๋องแล้ว ภายหน้าสกุลหานก็จะได้เกี่ยวดองกับฉินอ๋อง แม้ว่าหานทงจะมิได้นับว่าเป็นขุนนางตำแหน่งใหญ่โตอันใด แต่ก็เป็นคนทำงานให้ราชสำนักอยู่ดี จะมองดูอย่างไร ก็พูดได้เต็มปากว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์และภักดี เอาการเอางาน ฉินอ๋องชื่นชอบเขาอยู่ไม่น้อย เดือนกว่ามานี้ฉินอ๋องทรงงานอยู่ในวัง หานทงก็ล้อมหน้าล้อมหลังช่วยเขาจัดการเรื่องราวเกี่ยวกับการติดต่อกับผู้คนให้ หากสนิทสนมแน่นแฟ้นขึ้น ภายหน้าหานทงอาจได้เป็นมือซ้ายขวาให้แก่ฉินอ๋อง เพื่อจวนอ๋อง ต่อให้เจ้าเกลียดชังหานทงเพียงใด ก็ควรยอมอ่อนข้อให้เขา” พระสนมเอกวางมือลง ล้างพู่กันที่ทำด้วยไม้จันทร์และขนแกะจากจี้โจวในแท่นหยก น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง ตรัสเสริมว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างชิ่นเอ๋อร์กับบิดาไม่ดีเท่าใดนัก พวกเราอย่าได้หวังว่ารองเจ้ากรมอวิ๋นจะซื่อสัตย์ต่อฉินอ๋องเลย ทว่า เจ้าก็อย่าได้ทำฉินอ๋องชวดการเกี่ยวดองกับตระกูลหานที่มั่งคั่งนี้ไป”
“พระชายากับรองเจ้ากรมไหนเลยจะมีความสัมพันธ์ระหองระแหงต่อกันได้พ่ะย่ะค่ะ พระสนมอย่าได้ฟังข่าวลือมากนัก กระพือข่าวที่ลืออยู่แล้วให้แผ่กว้างออกไปอีก…” จางเต๋อไห่ยิ้มขื่นพูดไกล่เกลี่ย
“ไล่ตะเพิดบิดาตัวเองออกมาเช่นนั้น ความสัมพันธ์ยังเรียกว่าดีได้อยู่หรือ” น้ำเสียงเรียบนิ่ง
เรื่องไล่ตะเพิดบิดา อวิ๋นหว่านชิ่นคิดเพียงจงใจให้ไปถึงหูขุนนางร่วมสำนักของท่านพ่อเท่านั้น ทว่านึกไม่ถึงว่าจะลือไปถึงวังหลังได้
นางต้องพูดอันใด หรือจะต้องอธิบายว่าที่บิดามาจวนอ๋องก็เพื่อขอร้องให้องค์ชายสามตามล้างตามเช็ดให้ เรื่องที่จบไปแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะกระพือขึ้นมาอีก แล้วจะยิ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่ พระสนมเอกก็จะยิ่งดูถูกนางมากกว่าเดิม คิดว่าสกุลอวิ๋นทำให้โอรสของตนเดือดร้อน
พูดมากความก็ยิ่งมีเรื่องให้กลั่นแกล้งมาก สู้ไม่พูดเสียดีกว่า
พระสนมเอกเห็นนางไม่กล่าวคำก็คิดเอาว่านางยอมรับไปโดยปริยาย น้ำเสียงก็ยิ่งดังขึ้นกว่าเดิม “ข้าจะพูดเท่านี้ ชิ่นเอ๋อร์ก็ไปไตร่ตรองดูก็แล้วกัน” น้ำเสียงพระสนมเหมือนกับเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
อวิ๋นหว่านชิ่นลุกขึ้น น้ำเสียงอ่อนนุ่มละมุนละไม “คำของเสด็จแม่ หม่อมฉันจะเอากลับไปตรองให้ดีเพคะ ทว่าเพื่อมิให้เสด็จแม่ทรงเข้าใจผิด หม่อมฉันจึงจำเป็นต้องทูลเพคะ”
“อันใด” พระสนมเอกทำเอาดวงตาคู่งามของนางชายตามองอย่างไม่มีสาเหตุ ขนงขมวดมุ่น
“หม่อมฉันมิได้เกลียดชังสกุลหานเพคะ ดังนั้นกับใต้เท้าหานก็มิอาจเรียกได้ไม่เคารพ รอสกุลหานสามารถทำให้องค์ชายสามไล่หม่อมฉันออกจวนได้ก่อน ถึงเวลานั้นหม่อมฉันจะเคียดแค้นก็มิสาย”
ช่างเป็นวาจาที่โอ้อวดอย่างเปิดเผยนัก พระสนมเอกสีพระพักตร์พลันเปลี่ยน ทว่าอวิ๋นหว่านชิ่นกลับค้อมกายคำนับทูลลาไปเสียแล้ว
“นางปีศาจ เป็นนางปีศาจจริงๆ” พระสนมเอกพึมพำ
จางเต๋อไห่เห็นว่าผู้เป็นนายไม่พอพระทัยก็รีบเอ่ยว่า “เหยาย่วนพั่นมารอนานแล้ว ได้ยินว่าพระชายามาถวายพระพรจึงรออยู่ที่โถงด้านข้างก่อน จะเสด็จเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
พอพระสนมเอกได้ยินว่าเหยากวงเหย้ามาก็ปรับสีหน้า พยักหน้า จับหลานถิงให้ช่วยพยุงเดินไปยังโถงด้านข้าง
ภายในห้องโถง เหยากวงเหย้าเห็นพระสนมเอกมาก็ลุกขึ้นโน้มตัวคำนับ “พระสนมเอก”
พระสนมเอกให้หลานถิงปิดประตูหน้าต่าง ภายในห้องว่างเปล่า ก้าวเข้าไปหาสองสามก้าว พยุงเหยากวงเหย้าให้ลุกขึ้น ตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวลว่า “บอกหลายคราแล้วมิใช่หรือ เหตุใดเหยาย่วนพั่นจึงมิจำบ้างเลย เวลาเจ้ากับข้าอยู่ด้วยกันส่วนตัวมิต้องมากพิธีรีตองพวกนี้ รีบลุกขึ้นเถิด”
“อยู่ในรั้วในวัง อย่างไรก็ต้องทำตามกฎระเบียบพ่ะย่ะค่ะ” เหยากวงเหย้าลุกขึ้น ยิ้มบอก
พระสนมอมยิ้ม แววตาราวกับกำลังคิดเรื่องใดอยู่ “ตอนนั้นเป็นเพราะเหยาย่วนพั่นผ่านมาพอดี จึงได้ช่วยซื่อจื่อเอาไว้ หลายปีมานี้ อาการบาดเจ็บของซื่อจื่อก็ได้เหยาย่วนพั่นแอบดูแลให้ ข้าล้วนจดจำไว้ในใจ เหยาย่วนพั่นอย่าได้เกรงอกเกรงใจข้าอีก”
เหยากวงเหย้านั่งลง ไม่มากพิธีอีกต่อไป ทำเพียงรายงานอาการบาดเจ็บของฉินอ๋องในระยะนี้ดังเช่นที่เคยทำมา
หลานถิงเข้าวังมาภายหลัง ได้ฟังบทสนทนาขอทั้งคู่จึงได้รู้ว่าที่แท้เหยาย่วนพั่นผู้นี้นอกจากจะถวายการรักษาให้แก่ฮ่องเต้กับไทเฮาและเหล่าชนชั้นสูงภายในวังหลวงแล้ว ก็มีความเกี่ยวข้องกับฉินอ๋องเช่นกัน ปีนั้นมีโอกาสได้ช่วยเหลือฉินอ๋องไว้ เนื่องจากเป็นคนที่หลงใหลในการแพทย์มาก หากรักษาให้ฉินอ๋องหายขาดมิได้ จิตใจก็จะไม่สงบ ไม่ยอมล้มเลิกไป ตั้งแต่นั้นมาจึงรักษาอาการบาดเจ็บของฉินอ๋องเป็นการส่วนพระองค์มาโดยตลอด หลังจากที่พระสนมเอกทรงทราบเรื่องเข้า ก็จะใช้ข้ออ้างว่าตรวจพระวรกายเรียกเขามาที่ตำหนักชุ่ยหมิงเป็นระยะ สอบถามอาการและสภาพร่างกายของฉินอ๋องเป็นการส่วนพระองค์
สอบถามไปได้ไม่กี่คำ เหยากวงเหย้าจึงเอ่ยว่า “ทว่ามีเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ อาการบาดเจ็บขององค์ชายสาม พระสนมเอกทรงทราบมาโดยตลอด เลือดลมปั่นป่วน จำเป็นต้องงดเรื่องบนเตียง ความต้องการลดน้อยลง ด้วยเหตุนี้จึงได้อภิเษกช้า”
พระสนมเอกพยักหน้า อาการบาดเจ็บของโอรสยากจะพูดออกไปได้ นางย่อมทราบดี ทว่าต่อให้ยืดเยื้อออกไปอย่างไร สุดท้ายเขาก็คือองค์ชาย ต้องแต่งงานอยู่ดี ทว่าวางใจได้ จากนิสัยของเขาแล้ว ต่อให้เรือนหลังมีสตรีแล้วก็น่าจะมีวิธีและสามารถควบคุมเอาไว้ได้ รู้จักรักและถนอมร่างกายของตัวเองแน่นอน
นางเคยแอบถามเรื่องผ้าแดงพรหมจรรย์ของคืนแรกระหว่างองค์ชายสามกับอวิ๋นหว่านชิ่น เขาตอบเพียงแค่ว่าตนจัดการได้ ขอเสด็จแม่โปรดวางใจ นางก็วางใจ
“ไม่นานมานี้หมอหลวงอิงขุนนางแพทย์ประจำจวนอ๋องคิดค้นลูกกลอนห้ามเลือดที่ปรับเลือดลมออกมาได้แล้ว หลังจากเสวยไปสักระยะหนึ่ง ภายหน้าเรื่องห้องหอก็มิน่าจะไม่น่ามีปัญหาใดพ่ะย่ะค่ะ”
พระสนมเอกผ่อนคลายลง ตรัสด้วยความสบายใจว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ ด้วย กำลังจะรับสนมเข้าจวนพอดี แม่นางหานผู้นี้ ช่างเป็นดาวมงคลให้แก่ฉินอ๋องจริงๆ พอเข้าจวนไปก็ได้ผลิดอกออกผลให้ฉินอ๋อง ข้านึกว่ายังต้องรอต่อไปไม่รู้อีกนานเพียงใดเสียอีก”
เหยากวงเหย้าอดมิได้ทูลว่า “พระสนมเอกพ่ะย่ะค่ะ โปรดอภัยที่กระหม่อมต้องทูลตามตรง ดาวมงคลนี้มิใช่แม่นางหาน แต่เป็นพระชายาฉินอ๋องจึงจะถูกพ่ะย่ะค่ะ”
“หืม”
เหยากวงเหย้าทูลว่า “ที่หมอหลวงอิงทำยาลูกกลอนห้ามเลือดได้เร็วเพียงนี้ ล้วนเป็นความคิดของพระชายาทั้งสิ้นที่เสริมประสิทธิภาพให้สูงขึ้นพ่ะย่ะค่ะ ลูกกลอนห้ามเลือดมีฤทธิ์เย็น แม้ว่าจะระงับพิษร้อนในร่างขององค์ชายได้ ทว่าก็ทำลายร่างกายเช่นกัน หากใช้บำรุงเพิ่มความอบอุ่นก็เกรงว่าจะไปหักล้างกับผลของลูกกลอน เป็นพระชายาที่คิดหาวิธีที่ไร้ที่ตินี้ขึ้นมาได้ ทั้งไม่เปลี่ยนฤทธิ์ของลูกกลอน และปรับฤทธิ์เย็นของลูกกลอนให้สมดุลได้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
พระสนมเอกเฮ่อเหลียนเงียบไปนาน ตรัสเสียงเบาว่า “ไม่ว่าอย่างไร ซื่อจื่อก็ดีขึ้นแล้ว ก็นับว่านางทั้งสองเป็นดาวมงคล แม้ข้าจะวางใจในปณิธานและนิสัยของเขา แต่หากอาการบาดเจ็บของเขาทำให้ร่วมหอได้ล่าช้า เรือนหลังมีสตรีมาเพิ่ม ก็มีทายาทมิได้ ซ้ำยังจะเรียกให้คนนินทาเอาได้ ยามนี้ดีขึ้นแล้ว แม่นางหานเข้าจวนไปก็จะได้มีทายาทได้เสียที”