ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 225 จับตามอง (3)
อวิ๋นหว่านชิ่นก็จนใจ ทำเพียงขอบคุณอยู่หลายครั้ง ถือของที่ห่อเรียบร้อยเดินนำชูซย่าออกไป
พอคนงามพาสาวใช้ออกไป คนงานในหอชุนหม่านก็เข้ามาหาอย่างอดมิได้ “ผู้ดูแล ร้านเราเปิดเพื่อค้าขาย ให้เอาไปตามอำเภอใจเช่นนี้…ได้หรือ”
“ร้านนี้ เจ้าก็คิดว่าเป็นของนางเสียเถิด หากไม่มีนาง ร้านนี้เถ้าแก่เราก็คงเปิดมิได้” ผู้ดูแลวั่นมองคนงานอย่างเย่อหยิ่ง อายุยังน้อยจึงมีตาหามีแววไม่เช่นนี้
ณ ประตูเฟิ่งเทียน อิ๋นเชวี่ยรับคำสั่งของนายหญิงมารอพระชายาฉินอ๋องอยู่นอกประตูนานแล้ว เห็นนางมาถึงก็รีบเข้าไปต้อนรับ พาอวิ่นหว่านชิ่นกับชูซย่าที่ถือของกำนัลเข้ามาด้านใน เดินไปยังตำหนักโซ่วเซียน
เพิ่งจะเข้าวังมาไม่กี่ก้าว จิตใจของอวิ๋นหว่านชิ่นก็ไปอยู่ที่เจี่ยงยิ่นเสียแล้ว นางเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าเมื่อวานพิธีที่ตำหนักเฟิ่งจ๋าเป็นอย่างไรบ้างหรือ”
อิ๋นเชวี่ยเอ่ยรับคำ “อืมมม ก่อนจะค่ำก็เสร็จสิ้นแล้วเพคะ พระมาตุลาจัดการเสร็จก็ไปรายงานเหยากงกงแล้วก็กลับไปแล้ว” พูดจบก็เห็นฝีเท้าคนข้างๆ ชะงัก “กลับแล้วหรือ”
“เพคะ ออกจากวังไปแล้ว” อิ๋นเชวี่ยเห็นนางมีสีหน้าตกใจก็ตื่นตะลึง
เหตุใดจึงไปก่อนกำหนดได้ อวิ๋นหว่านชิ่นมือเย็นเฉียบ แต่กลับพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เรียบสงบ “ออกจากวังไปยามใดหรือ เป็นพระมาตุลาขอกลับก่อนหรือ”
อิ๋นเชวี่ยแปลกใจในปฏิกิริยาของนาง “เมื่อคืนประมาณยามซวี[1]สองเค่อ[2]ก็ไปแล้วเพคะ ได้ยินเหมือนว่าจะเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท ทรงบอกว่าพิธีเสร็จสิ้นหมดแล้ว ทรงขอบคุณในความตั้งใจจัดพิธีไว้อาลัยถวายแด่ฮองเฮา ทรงให้ฉินอ๋องจัดหารถม้าโอ่อ่าให้ คุ้มกันพระมาตุลาให้รีบไปกราบไหว้ที่เขาเทียนโซ่ว พระมาตุลาได้ฟังก็รับราชโองการ ออกจากวังไปในคืนนั้นเลย”
เจี่ยงยิ่นถูกฮ่องเต้จัดการให้ออกจากวังไปในคืนนั้น…ที่แท้แล้วทรงตั้งใจ หรือบังเอิญกันแน่ อวิ๋นหว่านชิ่นชะลอฝีเท้าลง
“เป็นอันใดหรือเพคะ”
“เปล่า ข้าเพียงแค่ได้ยินมาว่าพระมาตุลาจะต้องค้างในวังหนึ่งคืน วันนี้จึงจะออกเดินทาง นึกไม่ถึงว่าจะไวเพียงนี้”
อิ๋นหมิงส่งเสียงอ๋อออกมา มิได้เอ่ยถามให้มากความอีก
อวิ๋นหว่านชิ่นผิดหวังอย่างมาก พยายามเรียกความสดใสให้ตัวเองไปยังตำหนักโซ่วเซียน
ปกติแล้วซย่าโหวถิงชอบนอนตื่นสายเป็นที่สุด วันนี้เห็นนางจะมา พอฟ้าสว่างก็ตื่นบรรทมเอง รอนางอยู่นานสองนาน พอเห็นนางมาก็รีบเข้ามาจูงนางเข้าตำหนัก พอแกะของกำนัลออกทีละชิ้นๆ ดวงเนตรก็ยิ่งแวววาววิบวับ ดีใจสุดแสน
เรื่องสำคัญของวันนี้อวิ๋นหว่านชิ่นมิได้ทำให้สำเร็จ นางจึงทำได้เพียงอยู่เป็นเพื่อนซย่าโหวถิงตลอดทั้งเช้า พอใกล้จะบ่ายก็ขอตัวกลับ
ซย่าโหวถิงเห็นนางจะกลับไวเช่นนี้ก็อาลัยอาวรณ์ นานๆ จะมีคนมาเล่นเป็นเพื่อนคราหนึ่ง ซ้ำยังเอาของแปลกใหม่มาให้เสียตั้งมากมาย แต่ก็รั้งเอาไว้มิได้ จำต้องปล่อยนางกลับ ทว่ายืนกรานจะไปส่งนางออกจากวังด้วยตัวเองให้ได้ ไปส่งพลางถามว่าจะมาตำหนักโซ่วเซียนอีกเมื่อใด
ตลอดทางจนมาถึงประตูเฟิ่งเทียน ในที่สุดข้างหูอวิ๋นหว่านชิ่นก็สงบขึ้นแล้ว กำลังจะเอ่ยลาองค์หญิงกลับก็ได้ยินซย่าโหวถิงหันไปมองรอบๆ คราหนึ่ง ดึงนางไว้แล้วเอ่ยว่า “พี่สะใภ้สาม รอสักประเดี๋ยว”
ขณะนั้นเอง ใบหน้าของกงกงที่คุ้นเคยคนหนึ่งก็เร่งฝีเท้าเดินมาถึง คำนับให้อวิ๋นหว่านชิ่น “พระชายา”
เป็นเหนียนกงกง
นางมองซย่าโหวถิง ซย่าโหวถิงก็แล่บลิ้นใส่ “เป็นพี่ไท่จื่อกำชับมา ก่อนจะออกจากวังให้เจ้าบอกเขาก่อน โทษข้ามิได้นะ”
เหนียนกงกงเอ่ยเสียงเล็กแหลมว่า “พระชายาอย่าได้โทษองค์หญิงเลยพ่ะย่ะค่ะ แล้วก็อย่าได้โทษไท่จื่อที่ทรงพรวดพราดทำอะไรเช่นนี้ อันที่จริงมีเรื่องสำคัญให้มาบอกกับพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” พูดจบก็มองซ้ายมองขวา เห็นทหารเฝ้าประตูมิได้สนใจจึงหยิบจดหมายออกมาจากแขนเสื้อ เดินเข้าไปใกล้สองสามก้าว แอบยัดใส่ฝ่ามืออวิ๋นหว่านชิ่น
อวิ๋นหว่านชิ่นตระหนกอยู่ในใจ รับจดหมายนั้นมา หลบทหารรักษาการณ์ กวาดตาดูอย่างรีบร้อน รอยตัวอักษรด้านบนคุ้นเคยเป็นอย่างมาก นึกไม่ถึงว่าจะเป็นลายมือของพี่ชาย พอเปิดออกก็เป็นจดหมายของเขาจริงๆ มีอยู่ห้าหกย่อหน้า กวาดตาดูลวกๆ คราหนึ่ง เป็นจดหมายถึงทางบ้าน เนื้อหาทั้งหมดเป็นการรายงานสถานการณ์ในการเดินทางของเขา ให้ท่านพ่ออย่าได้กังวล
ท่านพี่กำลังอยู่ในระหว่างเดินทาง เหตุใดจึงเขียนจดหมายมาถึงบ้านได้ง่ายดายนัก ซ้ำยังส่งมาเมืองหลวงได้อีกด้วย
เหนียนกงกงกระซิบว่า “นี่เป็นจดหมายรายงานเรื่องราวทุกข์สุขที่ไท่จื่อทรงให้ผู้คุ้มกันอนุญาตให้คุณชายสวี่เขียนพ่ะย่ะค่ะแล้วให้ม้าเร็วมาส่งที่เมืองหลวงให้ เมื่อวานเห็นพระชายาจิตใจห่อเหี่ยว ไท่จื่อก็ไม่มีความสุข จดหมายฉบับนี้มาถึงเมื่อเช้านี้พอดี จึงได้ให้กระหม่อมเอามาให้พระชายาได้อ่าน ดังนั้น พระชายากับนายท่านสวี่จะได้สบายใจเหมือนมีคุณชายสวี่อยู่ด้วยข้างกาย”
ตั้งแต่พี่ชายถูกเนรเทศ ท่านอาก็ห่อเหี่ยวระทม สภาพจิตใจได้รับการกระทบกระเทือนหนัก เช้ามาก็กังวล ค่ำลงก็กังวล ชาก็ไม่เอาข้าวก็ไม่กิน มีจดหมายฉบับนี้ ได้ทราบความเป็นไปของท่านพี่ จิตใจของท่านอาจะต้องได้รับการปลอบโยนไม่น้อยแน่
อวิ๋นหว่านชิ่นเก็บจดหมายไว้ในแขนเสื้อ เอ่ยว่า “ขอบพระทัยไท่จื่อ ขอบคุณเหนียนกงกง”
ไม่ไกลจากประตูเฟิ่งเทียน มีรถม้าคันหนึ่งดูๆ แล้วคลุกฝุ่นมาไม่น้อย วิ่งมาเนิ่นนานพอดู ยามนี้ ม่านหน้าต่างขยับไหวตกลงมา สะท้อนเงาร่างอ้อนแอ้นร่างหนึ่ง
คนขับด้านหน้าได้ยินเสียงเย็นชาของสตรีดังจากด้านหลังว่า “กลับจวนอ๋อง”
ระหว่างทาง อวิ๋นหว่านชิ่นนึกไปถึงว่าคลาดกันกับเจี่ยงยิ่นไปเช่นนี้ อารมณ์จึงไม่ดี พอถึงจวนอ๋องที่เป่ยเฉิงก็ลงรถเข้าเรือนไป ท่าทางยังคงเหม่อลอย
หากหนิงซีฮ่องเต้ทรงทราบว่านางพบกับเจี่ยงยิ่นเข้าจึงจงใจให้เจี่ยงยิ่นกลับไปก่อนกำหนด นางจะได้พบกับเขามิได้ นั่นก็แสดงว่ามีลับลมคมในใดแน่ ต้องมีบางอย่างที่มิอาจบอกนางได้
อวิ๋นหว่านชิ่นคิดไปพลางเดินไปยังเรือนหลัก ทว่ากลับได้ยินเกาจ๋างสื่อที่เดินมาจากด้านหน้ารายงานว่า “เหนียงเหนียง องค์ชายสามอยู่ห้องบุปผาขอรับ”
วันนี้แปลกประหลาดยิ่ง เพิ่งจะเที่ยงคล้อยไปก็กลับมาแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นหวาดผวาอยู่ในใจเล็กน้อย “องค์ชายสามทราบว่าข้าออกไปข้างนอกแล้วหรือ”
จะไม่รู้ได้อีกหรือ เกาจ๋างสื่อพยักหน้า
อวิ๋นหว่านชิ่นส่งเสียงอืมออกมา “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
ก้าวเข้าเรือนมา นางก็ให้ชูซย่าอยู่ที่ระเบียงทางเดิน พอเข้าห้องบุปผามาจึงไร้ซึ่งคนรับใช้แม้แต่คนเดียว เงียบเชียบอย่างมาก เขานั่งอยู่บนตำหนักหลักเพียงผู้เดียวพร้อมด้วยถ้วยชาในมือ เงาสีคล้ำจางๆ ปรากฏบนขอบตาที่ยุ่งอยู่ในวังเป็นเวลานาน เหมือนกับกำลังเหนื่อยล้า
นางเข้าไปคำนับแล้วเอ่ยว่า “วันนี้องค์ชายกลับมาเร็วนัก”
สายตาของบุรุษที่นั่งอยู่มองมา น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “มิใช่ข้าที่กลับเร็ว เป็นพระชายาที่กลับมาช้าเกินไปต่างหากเล่า”
คนหน้าเหม็นนี่หากยังดูไม่ออกอีกก็มีชีวิตอย่างไร้ค่าแล้ว อวิ่นหว่านชิ่นจึงไม่คิดปิดบังต่อ คำสารภาพและการโอนอ่อนมักจะดับไฟโมโหของเขาได้เสมอ นางเอ่ยไปตามตรงว่า “วันนี้ข้าเข้าวังเพคะ เมื่อวานนัดกับองค์หญิงฉางเยว่แล้วว่าวันนี้จะเจอกัน แต่พอกลับมา ได้ยินว่าท่านทรงไม่อยากให้ข้าไปมาหาสู่กับนาง จึงไม่กล้าพูดกับท่าน” อาศัยยามนี้ที่ในห้องไม่มีใคร ดึงแขนเสื้อเขาไปมา “ท่านไม่โกรธหรอก เนอะ”
วิธีเดิมที่คุ้นเคย ยามนี้กลับใช้มิได้กับเขาอีกต่อไป เขาดึงแขนเสื้อคืนจากปลายนิ้วเรียวนุ่มของนาง มองไปยังนาง “ไปเจอแค่องค์หญิงฉางเยว่หรือ”
นางพยักหน้า
ซย่าโหวซื่อถิงเอ่ยขึ้น “หรุ่ยจือ เข้ามา”
หรุ่ยจือกลับเมืองหลวงมาแล้วหรือ นับดูแล้ว เขตไห่หนานแม้หนทางจะยาวไกลและลำบาก แต่นี่ก็หลายเดือนแล้ว น่าจะถึงเวลากลับได้แล้ว
สาวใช้นางนี้กลับมาก็ไม่รายงานกับจวนเสียก่อน กลับรายงานแก่เขาโดยตรง ยังคงนิสัยแบบเดิมไม่เปลี่ยน มององค์ชายสามเป็นนายแค่คนเดียว
อวิ๋นหว่านชิ่นมองหรุ่ยจือที่มิได้พบกันนานเดินเข้าห้องบุปผามาโน้มตัวคำนับให้องค์ชายสาม ใบหน้ารูปไข่เหมือนดังเก่าก่อน แข็งทื่อราบเรียบอย่างมาก ยามนี้ยังมีความเย็นชาเพิ่มเข้ามาด้วย เห็นนางคำนับเสร็จ สายตาก็มองมายังตน มุมปากเอ่ยอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่า “พระชายาเข้าวังไปวันนี้มิได้ไปพบเพียงองค์หญิงฉางเยว่ แต่ได้พบไท่จื่อด้วยเจ้าค่ะ”
——————————–
[1] ยามซวี 1 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม
[2] เค่อ 15 นาที