ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 232 เร่งให้เข้าหอ (1)
แต่อวิ๋นหว่านชิ่นคร้านจะให้พระสนมเอกมาต่อว่านินทา จึงให้ชูซย่าไปจัดการ
ณ วันที่ส่งเกี้ยวไปรับสนม ตามขนบธรรมเนียมของต้าเซวียนแล้ว สนมจะเข้าประตูข้างของจวนมา เข้าสู่ลานบ้าน หน้าลานจัดเป็นงานเลี้ยง ต้อนรับตระกูลบิดาฝั่งเจ้าสาวและนายทหารผู้ช่วยของฝ่าบาทกับสหาย รวมถึงแขกเหรื่อจากวังหลวงที่มาร่วมแสดงความยินดีเป็นอย่างดี องค์ชายมีหน้าที่พาจ๋างสื่อมาต้อนรับในระหว่างงานเลี้ยง จนกระทั่งเข้าสู่ยามดึกจึงได้ส่งแขก
ทว่า ผู้เป็นนายของจวนนี้ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำงานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้วก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา!
เกาจ๋างสื่อมองแขกเหรื่อทยอยกันเข้ามาในงานก็จนปัญญา เขาวิ่งไปเรือนหลักขอความช่วยเหลือจากอวิ๋นหว่านชิ่น “ท่านอ๋องยังไม่กลับจวนมาเลยจะทำอย่างไรดีขอรับ! แม้การรับสนมจะมิได้ยิ่งใหญ่ แต่อย่างน้อยผู้เป็นเจ้าของจวนก็ควรจะลาหยุดสักวันมางานเลี้ยงที่บ้านนะขอรับ”
แต่เหมิงหนูไท่จื่อจะมาเยือนเยี่ยจิงอีกไม่กี่วันแล้ว ราชกิจมากมาย ท่านอ๋องจึงไม่ได้ลาหยุด ตอนเช้าพูดเสียดิบดีว่าจะเข้าวังไปสะสางงานแล้วจะกลับมา คิดไม่ถึงว่ายามนี้เปิดงานไปแล้วยังไม่เห็นตัวคนเลย!
ยังไม่กลับรึ อวิ๋นหว่านชิ่นที่อยู่ข้างหน้าต่างวางตำราแพทย์ลง “เช่นนั้นเกาจ๋างสื่อไปร่วมงานเลี้ยงก่อนเถิด เยี่ยนอ๋องเสด็จมาแล้วมิใช่หรือ หากไม่ได้ล่ะก็ ให้เยี่ยนอ๋องช่วยแทนฉินอ๋องไปก่อน”
“องค์ชายสามรับสนมแต่ให้เยี่ยนอ๋องมาชะ…ช่วยเหลือในงานเลี้ยงรึขอรับ นี่มัน…ไม่ค่อยเหมาะกระมัง” พูดออกไป ยังไม่รู้ว่าใครกันแน่เป็นเจ้าบ่าว!
ชูซย่าพึมพำว่า “แล้วจะเอาอย่างไรเล่า คงไม่ให้เหนียงเหนียงออกไปรับแขกหรอกกระมัง ทุกคนต่างรู้กันหมดว่ายามนี้ราชกิจของแคว้นมากมายนัก ท่านอ๋องปลีกตัวมามิได้ ท่านอ๋องกับเยี่ยนอ๋องสนิทสนมกัน เยี่ยนอ๋องช่วยรับแขกก็ไม่เห็นเป็นไรนี่”
คงต้องเป็นเช่นนั้นแล้ว เกาจ๋างสื่อหันหลังไป เดินได้ไม่กี่ก้าว คนรับใช้คนหนึ่งก็วิ่งหน้าตั้งมาจากในงาน รายงานข้างหูคำหนึ่ง
เกาจ๋างสื่อได้ฟังก็รีบหันหลังกลับมา
ชูซย่าเห็นเขากลับมาก็แปลกใจ “เป็นอันใดเล่า เกิดอันใดขึ้นอีกรึ”
“มีแขกผู้หนึ่งมา ครานี้ เกรงว่าคงต้องให้เหนียงเหนียงมาต้อนรับแล้ว!”
ณ เรือนถังจูในลานด้านตะวันตกเฉียงเหนือ
เทียบความคึกคักของห้องโถงแล้ว ลานเรือนของพระสนมคนใหม่เงียบงันไม่เหมือนกำลังจัดงานมงคลสักนิด ความเคร่งขรึมลอยอวลอยู่ในอากาศ
ภายในลานบ้าน เหล่าคนรับใช้ชราที่ส่งมาให้พระสนมยืนตัวสั่นงันงกกันรอบด้าน มองสีพระพักตร์ไม่พอพระทัยของพระสนมเอกเฮ่อเหลียนที่มาจากวังหลวง
ภายใต้แสงจันทร์ดั่งธารา สนมคนใหม่สวมชุดแต่งงานถูกพยุงด้วยสาวใช้ เพิ่งจะรู้ว่าพระสนมเอกเสด็จมา ก้าวยาวๆ ออกมาจากห้องหอ ยามนี้กำลังคุกเข่าอยู่กับพื้น “ไม่คิดว่าพระสนมเอกจะทรงเสด็จออกจากวังมาที่จวนด้วยพระองค์เอง เป็นเกียรติยิ่งนักเพคะ ตั้งใจเสด็จมาที่เรือนของหม่อมฉัน เป็นวาสนาของเซียงเซียงนัก”
พระสนมเอกมองหันเซียงเซียงที่อยู่เบื้องหน้า สวมชุดแต่งงานของสนม ศีรษะมีไข่มุกและหยกประดับโดยรอบ งดงามกว่ายามปกติมากนัก แต่กลับสั่นเทาเล็กน้อย มองดูแล้วท่าทางอ่อนแอมาก พระสนมเอกหันมองไปรอบด้าน อดจะขมวดคิ้วมิได้ “หากข้าไม่มา จะมาเห็นท่าทางอ่อนแอในวันมงคลใหญ่ของเจ้าได้อย่างไร บ่าวไพร่ในจวนจัดการกันอย่างไร เรือนนี้อยู่ห่างเรือนหลักขององค์ชายสามมาก ประตูก็เล็ก ทางเดินก็แคบ ซ้ำยังหันหน้าเข้าทางลมอีก ข้าเข้ามาก็รู้สึกถึงลมหนาวพัดใส่ ท่าทางอึดอัดไร้อิสระ ร่างกายเจ้าอ่อนแอ พักอยู่ที่นี่ในระยะยาวจะทนได้อย่างไร อีกทั้งห้องใหม่นี้ เหตุใดจึงตกแต่งได้ไร้สีสันนัก ระเบียงจุดโคมให้มากกว่านี้ไม่ได้หรือไร จวนฉินอ๋องจนถึงขั้นนี้เชียวรึ” ตรัสจบสายตาก็กวาดมองไปยังกลุ่มบ่าวไพร่ ยิ่งไม่พอพระทัยกว่าเดิม “แล้วก็ บ่าวไพร่เหล่านี้…นอกจากสินเดิมของตระกูลหัน ล้วนย่ำแย่หมดเลยรึ แต่ละคนทั้งแก่ทั้งอ่อนแอ!”
ตรัสถึงตรงนี้ พระสนมเอกก็เดือดดาลขึ้นมาในใจ หันไปหาบ่าวไพร่ของจวน “ท่านอ๋องของพวกเจ้าเล่า เหตุใดจึงยังไม่กลับอีก ต่อให้ยุ่งแค่ไหนก็คงไม่ถึงขนาดไม่กลับมาในวันรับสนมหรอกกระมัง! พระชายาไม่ส่งคนไปเชิญหรือไร เจ้าตัวเล่า! ผู้เป็นนายของจวนเล่า พวกเจ้าเป็นใบ้กันหมดหรือไร ตอนที่ควรจะมาทำหน้าที่เจ้าบ้านกลับหลบอยู่ในห้องไม่สนใจ แกล้งโง่หรือไร”
บ่าวไพร่ของจวนเห็นพระสนมเอกตีวัวกระทบคาดต่อพระชายา ก็พากันก้มหน้าลงไม่กล้าส่งเสียง
จางเต๋อไห่เห็นนายหญิงระบายโทสะก็หันไปเร่งกับคนรับใช้ว่า “พระชายาฉินอ๋องเล่า เหตุใดยังไม่มาอีก มิได้ไปรายงานว่าพระสนมเอกเสด็จมาหรือ รีบไปเรียกอีกรอบเร็ว!”
“แจ้งเกาจ๋างสื่อให้ไปเชิญพระชายาแล้ว น่าจะมาแล้วล่ะขอรับ กงกงโปรดรอสักครู่” คนรับใช้ของจวนจนปัญญา
จางเต๋อไห่จึงได้เกลี้ยกล่อมนายหญิงว่า “พระสนมเอกอย่ารีบร้อนพ่ะย่ะค่ะ เรามากันกะทันหัน และมิได้แจ้งล่วงหน้าก่อน พระชายายังต้องแต่งตัวเปลี่ยนชุดอีก ไม่อาจปล่อยผมสยายมาได้นะพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นจะเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก เรือนหลักอยู่ห่างจากเรือนถังจูไม่น้อย มีระยะทางระหว่างทางอีกเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
พระสนมเอกได้ฟังความโกรธก็ลดลงมาเล็กน้อย นั่งลงบนเก้าอี้นวมที่หันเซียงเซียงให้เสี่ยวถงยกมาให้ รอนางมา
หันเซียงเซียงเกรงว่าเรื่องราวจะใหญ่โต เพิ่งจะวันแรกก็ล่วงเกินอวิ๋นหว่านชิ่นเข้าจะดีได้อย่างไร จึงเดินไปหาเอ่ยเสียงเบาว่า “พระสนมเอกอย่ามีโทสะเลยเพคะ เรือนนี้มิใช่ว่าไม่ดี นับว่าเงียบสงบอย่างมาก อีกทั้ง หม่อมฉันเพิ่งได้ยินมาว่า ไม่กี่วันก่อนพระชายายังมาจัดเตรียมด้วยพระองค์เอง เอาใจใส่อย่างดีเลยเพคะ”
พระสนมเอกมองนางแวบหนึ่ง “เจ้าอย่าได้กลัวไป ในเมื่อข้ามาแล้วก็จะออกหน้าให้เจ้าเอง รอนางมาข้าจะพูดเอง”
หันเซียงเซียงยิ่งตกใจ อวิ๋นหว่านชิ่นรู้ว่าพระสนมเอกอยู่ที่เรือนตน ต้องไม่กล้าไม่มาแน่ พออีกเดี๋ยวนางมาก็จะถูกพระสนมเอกตำหนิ ซ้ำยังขายหน้าต่อหน้าบ่าวไพร่อีก แล้วจะไม่มาใส่อารมณ์กับตนหรือไร
ครู่ต่อมาสาวใช้ดวงหน้ากลมเกลี้ยงงดงามสวมอาภรณ์เขียวพร้อมกับบ่าวรับใช้อีกสองคนของจวนเดินเข้าเรือนมา เห็นพระสนมเอกก็ถวายคำนับ
จางเต๋อไห่เห็นสาวใช้นางนั้นคือชูซย่าที่อยู่ข้างกายพระชายาประจำ แล้วเห็นว่าด้านหลังของทั้งสามไร้ซึ่งเงาพระชายาฉินอ๋องก็รีบเอ่ยถามขึ้นว่า “เหนียงเหนียงของพวกเจ้าเล่า ยังอยู่ด้านหลังรึ”
“เรียนจางกงกง เหนียงเหนียงของข้าไปยังงานเลี้ยงหน้าลานแล้วเจ้าค่ะ เชิญพระสนมเอกเสด็จยังงานด้วยเพคะ” ชูซย่าเอ่ยอย่างนอบน้อม
จางเต๋อไห่ตกตะลึง เห็นนิ้วทั้งสิบของพระสนมเอกกำเข้าหาด้วยกัน สีพระพักตร์ซีดขาวอย่างไม่เชื่อหู “นะ…นางไม่มา…แต่ให้ข้าไปหารึ”
“บังอาจ สุนัขรับใช้เยี่ยงพวกเจ้าบอกพระชายาฉินอ๋องให้ชัดเจนหรือยังว่ายามนี้พระสนมเอกทรงอยู่ที่เรือนของพระสนม” จางเต๋อไห่ตำหนิ
“จางกงกง แจ้งแน่ชัดแล้วเจ้าค่ะ” ชูซย่าค้อมกายคำนับ เอ่ยอย่างไม่เกรงใจว่า “เหนียงเหนียงบอกว่า พระสนมเอกเป็นพระสนมที่มาจากวังหลวง เรือนถังจูมีไว้สำหรับสนมในจวนพักอาศัย จะให้ใช้เรือนของสนมในจวนมาต้อนรับได้อย่างไร หากใครเห็นเข้าแล้วบอกว่าพระชายาไม่รู้จักธรรมเนียมก็ช่างเถิด เกิดบอกว่ากว่าพระสนมเอกจะมาเป็นแขกของจวนได้ไม่ง่ายนัก แต่กลับนั่งเป็นแขกอยู่ที่เรือนของสนมในจวน กระทั่งเรือนหลักห้องโถงใหญ่ก็เข้ามิได้ จะไม่เป็นการทำลายชื่อเสียงของพระสนมเอกหรือเพคะ ต้องต้อนรับในห้องโถงของงานเลี้ยงอันโอ่อ่าใหญ่โตเท่านั้นเพคะ”
พระสนมเอกสีพระพักตร์แดงก่ำ กลับกำหัตถ์เอาไว้แน่น “สมกับเป็นสาวใช้ที่พระชายาสั่งสอนจริงๆ วาทศิลป์ล้ำเลิศนัก เหนียงเหนียงของเจ้าไตร่ตรองได้รอบคอบยิ่ง จิตใจกตัญญูเพียงนี้ ข้าจะพูดอันใดได้อีก” ตรัสจบก็ลุกขึ้น “เซียงเซียง เจ้ามาด้วยกันกับข้าเถิด”
หันเซียงเซียงอยากจะอยู่ในห้องอย่างสงบเสงี่ยม รอฉินอ๋องกลับจวนแล้วเสด็จมายังเรือนถังจู ไหนเลยจะอยากก่อเรื่องวุ่นวาย แต่ก็จนปัญญา นางพยุงพระสนมเอกเดินไปยังลานบ้าน
ชูซย่าลุกขึ้น โน้มกายลง “เชิญพระสนมเอกตามบ่าวมาเพคะ”
เฮอะ สนมเข้าจวนมาวันแรกก็ให้เหนียงเหนียงต้องมาเรือนสนมด้วยตัวเอง ซ้ำยังคิดจะเอาหน้า! คิดเพ้อฝันงดงามเสียจริง