ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 232 เร่งให้เข้าหอ (3)
หันเซียงเซียงฟังถึงตรงนี้ เห็นพระชายาได้เปรียบมาตั้งนานแล้ว ถามตอบกันไปมา พระสนมเอกโทสะเดือดดาลไร้ทางระบาย จึงรีบเอ่ยกับอวิ๋นหว่านชิ่นว่า “เรือนที่พระชายาจัดให้ หม่อมฉันพอใจมากเพคะ ซาบซึ้งอย่างหาที่สุดมิได้”
อวิ๋นหว่านชิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายหยอกเล่น “พระสนมไม่ต้องไว้หน้าข้าก็ได้ วันนี้พระสนมเอกทรงอยู่ด้วยอย่างหาได้ยากนัก เจ้าไม่พอใจเรือนนั้นที่ใดบ้างก็ให้พูดต่อหน้ามาเลย พอพระสนมเอกไปแล้วเจ้าจะได้ไม่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วไปแอบเช็ดน้ำตาอีก เช่นนั้นข้าคงรู้สึกไม่เป็นธรรม พูดอันใดไปก็ไม่ชัดเจนแล้ว”
หันเซียงเซียงได้ยินคำพูดนี้เข้าก็พลันคุกเข่าลง “หม่อมฉันไม่มีความไม่พอใจอยู่เลยเพคะ เรือนนั้น หม่อมฉันชอบมาก และจะไม่แอบเช็ดน้ำตาเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมให้เหนียงเหนียงถูกคนระแวง หากมีคนมาพูดอันใด หม่อมฉันจะปกป้องเหนียงเหนียงแน่นอนเพคะ”
อวิ๋นหว่านชิ่นพยักหน้าอย่างพอใจ “เช่นนั้นก็ดี” เอียงคอเล็กน้อยมองไปยังพระสนมเอกเฮ่อเหลียน
พระสนมเอกมองหันเซียงเซียงแวบหนึ่ง ขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย แต่กลับเหลือบไปมองชูซย่าแทน “แล้วเรื่องคนรับใช้เล่า จัดคนที่มีไหวพริบให้พระสนมได้เรียกใช้หน่อยเถิด เหนียงเหนียงของเจ้ากลับฉลาดนัก รอบกายมีแต่คนที่เป็นเหมือนเจ้า ช่วยเอ่ยปากแทนนาย ส่วนข้างกายพระสนม เฮอะ ล้วนไม่สมประกอบกันสักคน”
ชูซย่ายิ้มเอ่ยว่า “พระสนมเอกชมเกินไปแล้วเพคะ บ่าวเป็นสาวใช้ประจำตระกูลที่ติดตามเข้ามาตอนเหนียงเหนียงแต่งงาน พระสนมก็มีสาวใช้ที่ติดตามมาด้วยมิใช่หรือ บ่าวดูแล้ว เสี่ยวถงที่อยู่ข้างกายพระสนมก็ไม่เลวเลยนี่เพคะ”
เสี่ยวถงผู้นั้น ยังโตไม่เต็มวัยเลยด้วยซ้ำ พอๆ กับหันเซียงเซียง เป็นประเภทที่ถูกคนขายมาก็ยังจะช่วยเขานับเงิน
นายบ่าวคู่นี้พอมาเจอพวกเจ้าเข้า ไม่ใช่ว่าถูกพวกเจ้าบีบเล่นในมือจนตายหรือไร เกรงว่าชาตินี้ทั้งชาติซุกอยู่ในเรือนถังจูนั่นจนตายก็อาจจะมิได้พบซื่อถิงเลยกระมัง!
มุมโอษฐ์พระสนมเอกปรากฏเป็นรอยยิ้มเย็น แต่ก็ไม่รีบร้อน ยกถ้วยชาขึ้นอย่างเชื่องช้า เป่าไปคำหนึ่ง “คนรับใช้เหล่านี้ ข้าไม่ได้ดูถูกสักคน เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะเป็นธุระให้ จัดมาให้พระสนมสักคนหนึ่ง เอาไว้ให้ใช้ข้างกาย”
ชูซย่าเห็นนางวางแผนไว้แต่แรกคิ้วก็กระตุก มองอวิ๋นหว่านชิ่น เห็นนางมิได้พูดอันใดจึงไม่กล้าส่งเสียง
พระสนมเอกตรัสว่า “จางเต๋อไห่ พานางเข้ามา”
จางเต๋อไห่ขานรับเดินออกไป เพียงไม่นานก็เดินนำสาวใช้ในอาภรณ์สีเหลืองห่านเข้ามา
สาวใช้สวมชุดของบ่าวไพร่ในจวนฉินอ๋อง แม้ว่าจะก้มหน้า แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับไม่สงบเสงี่ยมนัก พอเข้ามาก็กวาดตามองไปรอบๆ ทันที
“หลี่ว์ชีเอ๋อร์รึ” ชูซย่าเห็นชัดเจนเลย สาวใช้นางนี้ ไปเรียกความสนใจจากพระสนมเอกมาตั้งแต่เมื่อใดกัน
“สาวใช้นางนี้นับว่าเป็นคนของจวนพวกเจ้าเอง ส่งให้ผู้เป็นนายของจวนตนใช้สอยก็ไม่เสียอันใด จะว่าไปแล้ว คงไม่เรียกได้ว่าข้าที่เป็นผู้อาวุโสยื่นมือเข้ามาสอดเกินไปกระมังข้าดูแล้วนางพูดจาถูกใจข้านัก เคยคลุกคลีอยู่ที่ตลาด น่าจะรู้เห็นอันใดมามาก จะได้มาเสริมนิสัยของพระสนมได้พอดี…พระสนมหัน เจ้าชอบหรือไม่” พระชายาเอกเฮ่อเหลียนตรัสถาม
หันเซียงเซียงคิดอยากจะเอาหลี่ว์ชีเอ๋อร์มาใช้สอยหลังจากเข้าจวนมาตั้งนานแล้ว คิดไม่ถึงว่าพระสนมเอกจะจัดการก่อนเรียบร้อยแล้ว ไหนเลยจะไม่เต็มใจ นางปรีดาสุดแสน “สาวใช้นางนี้เป็นคนที่หม่อมฉันต้องการอยู่พอดีเพคะ ขอบพระทัยพระสนมที่ทรงห่วงใย” แล้วหันไปมองอวิ๋นหว่านชิ่นด้วยท่าทางน่าสงสาร “ขอพระชายาทรงประทานให้ด้วยเพคะ”
“ชิ่นเอ๋อร์ เจ้าคิดเห็นเช่นไร” พระสนมเอกตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ที่แท้เสด็จแม่ก็ทรงถูกใจสาวใช้นางนี้นี่เอง” อวิ๋นหว่านชิ่นยิ้ม “สาวใช้นางนี้เป็นชาวเยี่ยนหยาง ไม่คุ้นกับกฎเกณฑ์ของตระกูลใหญ่ๆ ในเมืองหลวง เดิมทีแค่จวนอ๋องก็ไม่มีสิทธิได้เข้ามาด้วยซ้ำ แต่ตอนแรกหลังจากที่ข้ากลับเมืองหลวงมาก็ต้องเข้าวัง ไม่ทันได้จัดการ นางจึงโชคดีได้พักอยู่ในจวนชั่วคราว ข้าเพิ่งจะคิดหาบ้านให้นางสักครอบครัวหนึ่ง ส่งออกจากจวนไป แต่เพราะหมู่นี้ข้าป่วยหนักนัก ขนาดเตียงยังลงมิได้ จึงล่าช้าไปอีก แต่ก็พอดีนัก สาวใช้มีมากมาย เสด็จแม่กลับถูกใจเลือกนางแค่คนเดียว”
คำพูดนี้หมายความว่าตนสายตาไม่ดี สาวใช้มากมายแต่ดันไปเลือกสาวใช้ที่มาจากชนบท พระสนมเอกเฮ่อเหลียนมีโทสะขึ้นมา แต่ก็ต้องระงับเอาไว้
ประโยคนี้จบลง หลี่ว์ชีเอ๋อร์ก็พลันคุกเข่าลงโดยไว น้ำตาเม็ดโตไหลลงอาบแก้มขาวราวหิมะ “พระชายา! ขอพระชายาอย่าได้ไล่บ่าวออกไปเลยเพคะ!”
“เหลวไหลอันใดของเจ้า! พระชายาพาเจ้ากลับเมืองหลวงมา ช่วยเจ้าเลือกตระกูลดีๆ ให้ ซ้ำยังให้เจ้ามีวันคืนที่ดี จะเรียกว่าไล่เจ้าออกจวนได้อย่างไร จวนแห่งนี้เดิมทีก็มิใช่ที่ที่จะให้เจ้าอยู่อยู่แล้ว!” ชูซย่าเดินขึ้นหน้ามาสองสามก้าวแล้วชี้หน้าหลี่ว์ชีเอ๋อร์
หลี่ว์ชีเอ๋อร์รีบตบปากตัวเอง “บ่าวพลั้งปากไปเจ้าค่ะ บ่าวหมายความว่า พี่ชายของบ่าวกับท่านอ๋องและพระชายามีบุญคุณเคยช่วยเหลือกันมา บ่าวเต็มใจอยู่ที่จวนต่อ เต็มใจอยู่เป็นม้าเป็นสุนัขให้รับใช้เจ้าค่ะ!”
เอาเรื่องบุญคุณของพี่ชายที่มีต่อท่านอ๋องและพระชายาออกมาพูดอีกแล้ว ชูซย่าเบ้ปาก หลี่ว์ปานี่น่าสงสารนัก ตายไปตั้งนานแล้วยังถูกน้องสาวเอามาใช้อ้างอีก
พระสนมเอกได้ฟังที่หลี่ว์ชีเอ๋อร์บอกก็ซาบซึ้งดังคาด ให้จางเต๋อไห่พยุงหลี่ว์ชีเอ๋อร์ขึ้น แล้วหันไปตรัสกับอวิ๋นหว่านชิ่นว่า “ข้าก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่า พี่ชายของสตรีนางนี้ใช้ตัวคุ้มกันช่วยเหลือซื่อถิงกับเจ้าที่เยี่ยนหยาง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำตามความปรารถนาของพวกเขาสองพี่น้องนี้เสียจะเป็นไรไป จะได้ไม่มีคนเอาไปพูดว่าเจ้าจิตใจคับแคบ ใช้แค้นทดแทนคุณ”
ดูท่าแล้ว หลี่ว์ชีเอ๋อร์ได้วางแผนเอาไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องไปอยู่ข้างกายหันเซียงเซียง
จะมีจุดประสงค์อื่นใดได้อีก หนึ่งคือคิดจะใช้หันเซียงเซียงเพื่อจะได้เสพสุขอยู่ในจวนท่านอ๋องต่อไป สองคือนางกลัวว่าจะได้ตัดขาดกับเยี่ยนอ๋อง ขอเพียงนางอยู่ที่จวนต่อก็จะได้เจอกับเยี่ยนอ๋องแน่นอน
หันเซียงเซียงอ่อนปวกเปียกเช่นนี้ คนที่เป็นสาวใช้อย่างหลี่ว์ชีเอ๋อร์จะมีอันใดโชคดีไปกว่าการที่ได้เจอเจ้านายเยี่ยงหันเซียงเซียงอีก
อีกอย่าง…เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้พระสนมเอกเฮ่อเหลียนได้พบกับนางแล้ว ซ้ำยังวางแผนไว้เบ็ดเสร็จ นางก็ไม่ควรปัด
อวิ๋นหว่านชิ่นเอ่ยเสียงอ่อนโยนอย่างนอบน้อมว่า “เสด็จแม่ตรัสถึงเพียงนี้แล้ว หม่อมฉันจะไม่ให้ท่านมาเจ้ากี้เจ้าการแม้กระทั่งเรื่องสาวใช้แค่คนเดียวได้อย่างไรเพคะ”
ชูซย่าเดาเจตนาของนางได้จากใบหน้าจึงเอ่ยไปว่า “เช่นนั้นชีเอ๋อร์ก็อยู่ปรนนิบัติรับใช้ข้างกายพระสนมเสีย หากทำหน้าที่บกพร่องไป ต้องโทษหนักสถานเดียว”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ปรีดาเหลือแสน นางโขกหัวกับพื้น “ขอบพระทัยพระชายาเพคะ!”
หันเซียงเซียงก็ดีใจไม่น้อย เอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง
เห็นสายตาหันเซียงเซียงเหมือนได้ของล้ำค่ามาก็มิปาน ชูซย่ากลับสงสารขึ้นมานิดๆ คิดว่าตัวเองได้เพชรมา แต่ความจริงแล้วเป็นเพียงแค่ก้อนกรวดก้อนหนึ่ง ก็ช่วยตัวเองเอาแล้วกัน
พระสนมเอกเห็นอวิ๋นหว่านชิ่นรับปากแล้วจึงได้ถอนใจออกมา วันนี้ได้เอาเปรียบนางไปนิดหน่อยก็พอใจแล้ว จึงไม่ไปจู้จี้อีก
เวลาผ่านไป ฟากฟ้าก็มืดดำลงกว่าเดิม หน้าลานบ้านที่จัดงานเลี้ยงนั้น เกาจ๋างสื่อได้ส่งคนเข้ามา รายงานว่างานเลี้ยงใกล้จะจบแล้ว แขกบางส่วนทยอยกลับกันไปแล้ว เยี่ยนอ๋องกับเกาจ๋างสื่อกำลังนำพวกบ่าวไพร่ไปส่งแขก อีกเดี๋ยวค่อยจัดการ
องค์ชายสามผู้นี้ ไม่ว่าจะยุ่งจริงๆ หรือคร้านจะสนใจ นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่มาร่วมแม้กระทั่งงานเลี้ยง พองานเลิกราแล้วก็ยังไม่เห็นตัว ทรงไม่ให้ความสำคัญเกินไปแล้ว หันเซียงเซียงผู้นี้เดิมทีก็อ่อนแอขี้ขลาด ต่อไปอยู่ในจวน เกรงว่ากระทั่งท่าทางอันน่าเกรงขามก็คงจะไม่มีแน่
พระสนมเอกอารมณ์อึมครึมเหมือนมีหมอกมาปกคลุม นางยืดคอขึ้นมองไปด้านนอก รอให้โอรสกลับมา แล้วเรียกจางเต๋อไห่ให้ไปดูที่หน้าประตูเสียงเบา
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นว่างานเลี้ยงเลิกแล้วแต่พระสนมเอกยังไม่กลับ ในใจก็เดาได้ว่านางมีแผนการบางอย่างแน่ กะพริบตาคราหนึ่ง มุมปากแย้มเป็นรอยยิ้ม “วันนี้เสด็จพ่อช่างทรงมีพระกรุณายิ่งใหญ่นัก ไม่ทราบว่าทรงอนุญาตให้เสด็จแม่อยู่ได้นานเพียงใด หากนานมาก หม่อมฉันจะเตรียมขนมและชาหอมเอาไว้ให้นะเพคะ”