ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 233 บุกห้องหอ (2)
ซย่าโหวซื่อถิงดึงชุดคลุมให้เรียบ หันหน้าไปมอง ก็เห็นว่าโคมของวังดับมืดไปแล้ว จึงสาวเท้าเดินออกจากห้องไป
ณ หน้าลานกว้างของเรือนถังจู
ซือเหยาอันเห็นท่านอ๋องออกมาก็รีบเดินเข้าไปหา แม้ว่าจะอยากทำหน้าจริงจังเพียงใด แต่ก็ยังอดหลุดยิ้มออกมามิได้ “ปลีกตัวแล้วหรือขอรับ ไม่โดนแต๊ะอั๋งกระมัง”
โดนเขกหัวไปหนึ่งที ซือเหยาอันรีบป้องหน้าผากตนไว้ แต่กลับได้ยินเขาเอ่ยเสียงขรึมว่า “ทางด้านนั้นเตรียมพร้อมหรือยัง”
ซือเหยาอันรีบพยักหน้า “ขอรับ”
นอกลานกว้างของเรือนถังจู ในขณะที่ไฟในห้องหอดับลง ได้ยินเสียงสาบเสื้อเสียดสีกันลอยออกมาจากด้านใน จางเต๋อไห่ก็พ่นลมออกมา “นายหญิง เกรงว่าองค์ชายสามกับพระสนมคงจะพักผ่อนกันแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะกำลังพะเน้าพะนอกันอยู่ก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ…ยามนี้ท่านก็น่าจะวางพระทัยได้แล้ว กลับวังเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“วางพระทัยรึ พะเน้าพะนอรึ” พระสนมเอกถอนหายใจ หันหลังเดินไปยังประตูจวนพร้อมกับจางเต๋อไห่อย่างช้าๆ เดินไปพลาง ถอนสะท้อนไปพลาง “เขากับแม่นางสกุลอวิ๋นความรักกำลังสุกงอม จึงไม่อยากเพิ่มความกลัดกลุ้มใจให้แม่นางสกุลอวิ๋นแม้แต่น้อยหรอก…หากมิใช่เพื่อคล้อยตามพระประสงค์ของฝ่าบาท สร้างภาพลักษณ์กตัญญูต่อหน้าฮ่องเต้ รักษาตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เอาไว้ เขาจะให้แม่นางสกุลหันเข้าจวนได้อย่างไร แม่นางสกุลหันนางนี้ เขาก็มองว่าเป็นลูกตุ้มน้ำหนักในการที่จะได้เลื่อนขั้นวางเอาไว้ประดับบ้านก็เท่านั้น วันนี้กระทั่งวันมงคลก็ยังไม่ไว้หน้าให้แม้แต่น้อย หากมิใช่เพราะข้ามาล่ะก็ เกรงว่าเขาคงจะไม่มาเลยด้วยซ้ำไป”
“พระสนมเอกก็คงต้องคิดไปในทางที่ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จางเต๋อไห่เปลี่ยนวิธีปลอบ “นี่หมายความว่าองค์ชายสามมิใช่ประเภทที่ชอบแค่หญิงงาม หลงมัวเมาจนไม่สนใจสิ่งอื่นใดเช่นนั้นนะพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายสามทำเพื่ออนาคตอย่างเห็นได้ชัด จึงจำต้องรับมา หากแบกรับไว้เพื่อพระชายาและฝ่าบาท ไม่ยอมรับสนมมา ก็จะยิ่งทำให้ร้อนใจมากกว่าได้! ยามนี้ ทางด้านฝ่าบาททรงพอพระทัยในความเคารพเชื่อฟังของเขาขึ้นกว่าเดิม ได้ยินว่าองค์ชายสามออกราชการแทนพระองค์ในระยะนี้ ทรงรวดเร็วและเฉียบขาดนัก ตัดสินพระทัยก็เด็ดขาด เหล่าขุนนางล้วนเลื่อมใสศรัทธา กระทั่งเสนาอำมาตย์ยังไม่มีอันใดจะติ กี่ครั้งกี่คราก็เพลี่ยงพล้ำไปหมด บ่าวได้ยินมาว่า แม้หมู่นี้ฝ่าบาทจะให้เขาค่อยๆ ส่งมอบราชกิจให้แก่ไท่จื่อ แต่ก็ยังทรงเตรียมเหลือตำแหน่งอำนาจไว้ให้เขาอยู่บ้าง แสดงให้เห็นว่าพระองค์ก็ทรงเห็นถึงความสำคัญในความสามารถขององค์ชาย ซ้ำยังทรงเต็มใจให้โอกาสแก่องค์ชายอีกนะพ่ะย่ะค่ะ”
พระสนมเอกเลิกคิ้ว “มีเรื่องนี้ด้วยรึ เจ้าไปได้ยินเรื่องนี้มาจากที่ใดกัน”
จางเต๋อไห่ทูลว่า “บ่าวมีสหายเก่าอยู่ที่กองกิจการภายใน ได้ยินว่าทางด้านเหยากวงเหย้านั้น ดูเหมือนว่าจะมีเจตนานี้…ให้บ่าวจับตาดู องค์ชายสามยามนี้ได้รับความพอพระทัยจากฝ่าบาทไม่น้อย ฝ่าบาทเข้าใจดีว่าองค์ชายทรงเป็นผู้มีความสามารถที่ปั้นได้ เทียบกับโอรสพระองค์อื่นแล้วยิ่งมีความสามารถกว่าตำแหน่งมกุฎราชกุมาร เพียงแต่ว่า…เฮ้อ” เขาเหลือบมองพระสนมเอกแวบหนึ่ง “อย่างไรเสียก็มีสายเลือดของแดนเหนืออยู่ ฝ่าบาทจึงขัดแย้งในพระทัยอยู่มาก”
พระสนมเอกได้ฟังก็เงียบไปนาน พักใหญ่ทีเดียวจึงส่งเสียงอืมออกมา แต่ก็เห็นได้ชัดว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ในขณะเดียวกันกับที่พระสนมเอกออกจากจวนขึ้นรถกลับวังนั้น หลี่ว์ชีเอ๋อร์ก็ออกมาจากห้องหอพอดี
เพิ่งจะถือสุราที่อุ่นจนร้อนเข้ามาในห้องหอ เห็นภายในห้องมืดสนิทไปทั่วบริเวณ ก็คิดว่าทั้งคู่คงหลับกันไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลี่ว์ชีเอ๋อร์จะได้ยินเสียงร้องไห้อันแผ่วเบาของสตรีดังลอยมาจากด้านใน พอก้าวเข้าไปดูก็เห็นหันเซียงเซียงซุกตัวร้องไห้อยู่ในผ้าห่มเพียงคนเดียว ฉินอ๋องออกไปอย่างไร้เงาตั้งนานแล้ว
หลังจากรู้สถานการณ์ว่าเป็นอย่างไรแล้ว หลี่ว์ชีเอ๋อร์จึงจำต้องปลอบหันเซียงเซียงให้พักผ่อน
หันเซียงเซียงอารมณ์แย่ถึงขีดสุด ให้หลี่ว์ชีเอ๋อร์ทิ้งสุราเอาไว้ แล้วให้นางกับเสี่ยวถงและบ่าวไพร่ด้านนอกทุกคนออกไปให้หมด ไม่ต้องอยู่โยงดึกเฝ้า
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ทราบดีว่าวันนี้เป็นคืนมงคลคืนแรก นางก็ถูกฉินอ๋องทิ้งไว้ให้เฝ้าห้องอันว่างเปล่า ย่อมไม่มีหน้าไปพบใคร จึงคิดจะใช้สุรามาย้อมใจ หลี่ว์ชีเอ๋อร์จึงตามใจนาง วางสุราที่เพิ่งจะอุ่นเสร็จเอาไว้
หลี่ว์ชีเอ๋อร์วางสุราเสร็จก็ออกไปบอกเสี่ยวถง ทุกคนต่างทำตามที่นายหญิงต้องการ กลับไปยังห้องบ่าวไพร่ด้านข้างของแต่ละคน
เสี่ยวถงเห็นหลี่ว์ชีเอ๋อร์ยังยืนนิ่งไม่ขยับคล้ายยังมีเรื่องบางอย่าง จึงถามอย่างสงสัยว่า “เหตุใดเจ้ายังไม่กลับเล่า”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ตอบแบบขอไปทีว่า “ข้าเห็นว่าพระสนมอารมณ์ไม่ดี เกรงว่าจะเกิดเรื่อง เลยจะอยู่ที่ระเบียงดูแลสักพัก อีกเดี๋ยวค่อยกลับ”
เสี่ยวถงไม่ได้คิดอันใดมากจึงกลับไปยังห้องก่อน
เหล่าบรรดาบ่าวไพร่สลายตัวกันไปหมดแล้ว หลี่ว์ชีเอ๋ฮร์เดินออกจากเรือนถังจูไปยังหน้าลานของจวนด้วยฝีเท้าแผ่วเบา เยี่ยนอ๋องเพิ่งจะส่งแขกเสร็จ น่าจะกำลังจัดการขั้นตอนที่เหลือของการรับสนมอยู่กับเกาจ๋างสื่อ คงจะยังไม่กลับ หากดึกกว่านี้ ก็น่าจะอยู่นอนที่นี่เลย!
ไม่แน่ว่านางอาจจะได้พบก็ได้
พอเดินมาถึงก็ก้าวเข้าลานมา เบื้องหน้ามีแสงจากตะเกียงอยู่หลายดวง หลี่ว์ชีเอ๋อร์ไร้ที่จะหลบ นางมองสองสามคนตรงหน้ากำลังเดินเข้ามาทางตนตาปริบๆ
ชูซย่า เจินจูและฉิงเสวี่ยถือโคมเดินเข้าใกล้มาสองสามก้าว
ฉิงเสวี่ยชูโคมขึ้น ยิ้มเอ่ยว่า “โอ๊ะ แม่นางชีเอ๋อร์นี่เอง ดึกดื่นป่านนี้ไม่อยู่รอรับใช้นายคนใหม่ ไม่กลัวโดนโทษละเลยในหน้าที่ที่เพิ่งจะได้รับมาหรือไร”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์เห็นพวกนางสามคนก็เหมือนได้เจอเข้ากับพระชายา นางคุกเข่าลง “มิใช่บ่าวไม่รับใช้นายหญิง เป็นนายหญิงที่ไม่ให้เราคอยรับใช้เจ้าค่ะ”
เจินจูตำหนิ “ยังไม่พูดให้กระจ่างอีก!”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ไม่กล้าปิดบัง จึงเล่าเรื่องที่ฉินอ๋องทิ้งหันเซียงเซียงเอาไว้แล้วจากมา หันเซียงเซียงร่ำสุราคลายโศกอยู่คนเดียวภายในห้อง ให้พวกบ่าวไพร่ออกมาให้หมด
ฉิงเสวี่ยกับเจินจูสบตากัน สบายอกสบายใจไม่น้อย แต่กลับเห็นชูซย่าเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “แล้วเจ้าเล่า แม้ว่านายหญิงเจ้าไม่ให้พวกเจ้าคอยรับใช้ ดึกดื่นค่อนคืนป่านนี้เจ้ามาเดินอยู่ในจวนเช่นนี้คิดจะทำอันใด”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์รู้สึกผิด อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ฉิงเสวี่ยอ่านสีหน้าออกจึงเอ่ยเสียงดุดันว่า “เพิ่งจะรับใช้นายหญิงคนใหม่ก็จะทรยศแล้วรึ ดียิ่ง ยามนี้ไม่ต้องพูดอันใดแล้ว ไปพูดกับพระชายาโน่น!”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ตกใจจนหน้าซีด รีบเอ่ยว่า “บ่าวเพียงแค่จะไปทางหน้าลาน ดูว่างานเลี้ยงต้องการคนช่วยหรือไม่เท่านั้นเอง!”
ชูซย่าสีหน้าเปลี่ยน นางแพศยานี่ คิดหาโอกาสจะไปพบเยี่ยนอ๋องอีกแล้ว!
เหนียงเหนียงเดาไม่ผิดจริงๆ เยี่ยนอ๋องมาที่จวนคราหนึ่งก็เป็นโอกาสของหลี่ว์ชีเอ๋อร์คราหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นคืนนี้เป็นโอกาสที่หละหลวมเสียด้วย
แต่ก็ช่างเถิด! เยี่ยนอ๋องผู้นั้น เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่อาจชายตาแลนางแพศยานางนี้ได้หรอก โทษที่นางไม่เจียมเนื้อเจียมตัวก็แล้วกัน วันนี้จะให้นางได้เจอดีเสียหน่อย!
หลี่ว์ชีเอ๋อร์เป็นสาวใช้ที่พระสนมเอกส่งไปให้หันเซียงเซียงโดยเฉพาะ ต่อให้อวิ๋นหว่านชิ่นไม่อยากเก็บนางไว้ ก็ไม่อาจแตะต้องนางได้ในเร็ววันนี้ ทว่า…หากคืนนี้หลี่ว์ชีเอ๋อร์ทำเรื่องผิดขนบธรรมเนียมประเพณีใดเข้า อย่างเช่นล่อลวงองค์ชาย แล้วจับได้พอดิบพอดีอีก พระสนมเอกยังจะตรัสอันใดได้อีก
ชูซย่าคิดได้ดังนั้นก็เอ่ยเสียงเนิบช้าว่า “อืม ช่างเถิด วันนี้เยี่ยนอ๋องได้รับการฝากฝังจากเหนียงเหนียงและองค์ชายสามให้ดูแลจัดการเรื่องงานมงคลทั้งหมด เมื่อครู่พระสนมเอกทรงบอกว่าประตูหน้าต่างเรือนถังจูไม่มิดชิด มีลมเข้า พระสนมร่างกายรับไม่ไหว เจ้าจะไปหน้าลานพอดี ก็ถือโอกาสไปบอกเรื่องนี้ให้เยี่ยนอ๋องทีก็แล้วกัน ให้พระองค์เรียกบ่าวไพร่ไปตรวจดูด้านนอกเรือนถังจูเสียหน่อย”
ช่างเป็นการให้โอกาสแก่นางได้พบเจอกับเยี่ยนอ๋องโดยแท้! หลี่ว์ชีเอ๋อร์ข่มความยินดีเอาไว้ “เจ้าค่ะ” กำลังจะลุกขึ้นกลับได้ยินชูซย่าเอ่ยขึ้นมา “เดี๋ยวก่อน”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ฟังดูแล้วน้ำเสียงชูซย่าแปลกๆ จึงคุกเข่าลงไปใหม่ เอ่ยอย่างเคารพเชื่อฟังว่า “ยังมีเรื่องใดอีกหรือ”
“วันนี้เจ้าถูกพระสนมเอกโยกย้ายให้ไปอยู่กับพระสนมอย่างกะทันหัน เรื่องบางเรื่องจึงยังไม่มีโอกาสได้บอก ยามนี้ในเมื่อเจอเจ้าพอดีก็จะถือโอกาสบอกไปเลย” ชูซย่าเดินช้าๆ เข้าไปหา ยื่นมือลงไปเชยคางนางขึ้นมา แหงนหน้าสบเข้ากับตน “พระสนมผู้นั้นอ่อนแอไร้เจตนาใด กลัวว่าจะมีใครไปเสี้ยมให้เกิดเรื่อง พัดลมใส่ไฟ เรื่องอื่นพระชายาคร้านจะไปสนใจ แต่หากเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อพระชายาล่ะก็ คงจะรู้นะว่าจะเป็นเช่นไร”