ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 233 บุกห้องหอ (3)
คางของหลี่ว์ชีเอ๋อร์ที่ถูกจับไว้เจ็บระบม จึงรีบเอ่ยว่า “บ่าวจะไม่ช่วยพระสนมตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระชายาเด็ดขาดเจ้าค่ะ!”
ชูซย่าหัวเราะแผ่วเบา ชายแขนเสื้อไหลลง ไม่รู้เช่นกันว่าถืออันใดกลมๆ อยู่ในฝ่ามือ บีบแก้มของหลี่ว์ชีเอ๋อร์ไว้ แล้วยัดของในมือนั้นเข้าปากนางไป
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ไม่ทันได้ตั้งตัว สิ่งกลมเกลี้ยงเย็นๆ ไหลลงสู่ลำคอ กลืนลงท้องไป ไอออกมาสองสามครั้ง เอ่ยอย่างหวาดกลัวว่า “นี่คืออันใด…เจ้าป้อนอันใดให้ข้ากิน…”
“ยาลูกกลอนนี้มีสรรพคุณเดียว กินเม็ดเดียวไม่ตาย” ชูซย่าปัดมือไปมา “แต่ถ้าเจ้าหน้าไหว้หลังหลอก ถูกป้อนเพิ่มไปอีกเม็ด เช่นนั้นก็ไม่อาจรับประกันได้แล้ว”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์สีหน้าซีดเผือด นึกไปถึงว่าอวิ๋นหว่านชิ่นช่ำชองเรื่องหยูกยา ย่อมคุ้นเคยกับพิษดี ทำยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้ามาชนิดหนึ่งไม่ใช่เรื่องยาก ยามนี้คาอยู่ที่คอ คายออกมาไม่ได้ จำต้องยอมจำนน อย่างไรเสียเม็ดเดียวก็ไม่ถึงตาย ภายหน้าไม่ไปท้าทายอีกฝ่ายก็พอ นางสาบานทั้งน้ำตาคลอหน่วย “ต่อให้บ่าวตายก็จะไม่เป็นปรปักษ์กับพระชายา!”
ชูซย่าส่งเสียงอืมออกมา “เอาล่ะ ไปทำธุระเจ้าไป!”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ลุกขึ้นมา แล้วเดินโซซัดโซเซไปทางหน้าลาน
พอนางไปแล้ว เจินจูจึงได้ประหลาดใจขึ้นมา “พี่ชูซย่า ใต้หล้านี้มียาพิษประเภทนี้อยู่จริงๆ รึ ยาพิษชนิดนี้ชื่อเรียกว่าอันใดรึ”
ชูซย่าแย้มยิ้มออกมา “เจ้าคิดว่ายาพิษถูกมากหรือไร ใช้เงินไม่กี่ตำลึงไปกับนางก็มากพอแล้ว”
ฉิงเสวี่ยตอบสนองทันที “พี่ชูซย่าจงใจข่มขู่หลี่ว์ชีเอ๋อร์นั่น! ข่มขู่ครั้งนี้ ต่อให้หลี่ว์ชีเอ๋อร์อาศัยที่พระสนมเอกโยกย้ายนางไปให้แม่นางสกุลหัน ไม่ว่าจะมีความคิดชั่วร้ายอันใดก็ไม่กล้ามาทำร้ายเหนียงเหนียงได้!”
“ที่แท้ก็เป็นยาพิษปลอมรึ ชะ…เช่นนั้นมันคืออันใดกันแน่” เจินจูยิ้มแย้มออกมา
รอยยิ้มในแววตาชูซย่ายิ่งเข้มขึ้น “อีกเดี๋ยวพวกเจ้าก็น่าจะรู้แล้ว”
แล้วสั่งออกไปว่า “เจินจู ฉิงเสวี่ย พวกเจ้าสองคนแอบไปจับตาดูหลี่ชีเอ๋อร์ไว้ หากนางกระทำการไม่งามอันใดต่อเยี่ยนอ๋องก็ให้รีบขวางไว้ รายงานให้เกาจ๋างสื่อรู้ ใช้กฎของจวนลงโทษ!”
ณ ด้านนอกเรือนถังจู หลี่ว์ชีเอ๋อร์ถือโคมไฟ พาเยี่ยนอ๋องกับบ่าวรับใช้ในจวนมายังหน้าลานของเรือน ส่วนตัวเองอยู่ข้างกายเยี่ยนอ๋องตลอดทาง แม้ว่าจะไม่ได้พูดคุย แต่จิตใจกลับว้าวุ่นนัก คิดเพียงแต่จะหาโอกาสให้ได้
เยี่ยนอ๋องมักจะมาที่จวนฉินอ๋องบ่อยครั้ง แต่ไหนแต่ไรมาที่จวนไม่ได้จำกัดขอบเขต ซย่าโหวซื่อถิงไม่เคยจำกัดบริเวณเขา
เมื่อก่อนเรือนหลังไม่มีใครอยู่ เยี่ยนอ๋องจึงยิ่งเข้านอกออกในได้สบาย ทุกซอกทุกมุมภายในจวนฉินอ๋องเขาล้วนคุ้นเคย เวลาไม่นาน ก็พาบ่าวรับใช้หาช่องลมเหล่านั้นตรงด้านนอกลานบ้านเจอ เขาทำเครื่องหมายไว้แล้วสั่งให้บ่าวรับใช้มาซ่อมแซมในตอนกลางวัน
บ่าวรับใช้ของจวนรับบัญชา แล้วออกไป
หลี่ว์ชีเอ๋อร์เห็นเยี่ยนอ๋องกำลังจะกลับไปพร้อมกับเหล่าขันทีน้อยที่ติดตามมาด้วย ก็กลัวว่าจะพลาดโอกาสไป “ฝ่าบาทจะกลับไปแล้วหรือเพคะ ยุ่งมาทั้งวัน ไปนั่งโถงเล็กด้านข้างเสียหน่อยดีหรือไม่เพคะ บ่าวจะไปต้มชาชั้นดีมาถวายให้”
ออกงานรับสนมในวันนี้ ไม่ทราบเพราะเหตุใด เยี่ยนอ๋องจิตใจไม่ค่อยจะมั่นคง ความจริงแล้วเพิ่งจะมาที่นี่เพื่อตรวจดูประตูเรือนที่ชำรุดก็สองจิตสองใจอยู่บ้าง ยามนี้หลี่ว์ชีเอ๋อร์มารั้งไว้จึงตรัสขึ้นว่า “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นเรือนหลังของจวน ข้าไม่ควรรั้งอยู่นาน”
“ท่านอ๋องของบ่าวเห็นฝ่าบาทเป็นคนในครอบครัวเดียวกันมาโดยตลอด ฝ่าบาทอยู่ที่จวนก็มิเคยสนกฎเกณฑ์ธรรมเนียมใดอยู่แล้ว วันนี้ช่วยเหลืองานเลี้ยงและงานทั่วไปมาทั้งวัน ก็ยิ่งเหมือนเป็นเจ้าของบ้านอยู่ครึ่งหนึ่งแล้ว อย่าได้มองเป็นคนนอกเลยเพคะ เกิดพระชายาทราบเข้าว่าบ่าวขอฝ่าบาทให้ทรงช่วยงาน กระทั่งชาก็ไม่ยกมาถวายให้สักจอก ต้องตำหนิบ่าวเป็นแน่!” หลี่ว์ชีเอ๋อร์เอ่ยอย่างตื่นตระหนก
เยี่ยนอ๋องมองภายในลานบ้านของเรือนถังจูคราหนึ่ง เห็นด้านในหน้าต่างมืดสนิทจึงขมวดคิ้ว “อย่าได้เสียงดังรบกวนพี่สามกับพระสนมเลย หากข้าจะดื่มชาก็จะไปดื่มหน้าลานของจวน”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์เห็นว่ารั้งเขาไว้ไม่อยู่ จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เอ่ยเสียงเบาว่า “ฝ่าบาทรีบร้อนเช่นนี้ เพราะว่าไม่อยากอยู่ใกล้ห้องหอของพระสนมหรือเพคะ”
“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” เยี่ยนอ๋องตกใจ ขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย
หลี่ว์ชีเอ๋อร์คุกเข่าลง “ที่เนินเขาเจ็ดลี้ครานั้น บ่าวก็มองออกแล้วเพคะว่าฝ่าบาททรงรู้สึกพิเศษต่อพระสนม ยามนี้พระสนมเข้าจวนฉินอ๋องมา ฝ่าบาทต้องไม่สบายใจอยู่บ้างแน่ แต่คืนนี้ คนที่ไม่สบายใจมิได้มีเพียงแค่ท่านพระองค์เดียวเท่านั้น พระสนมของข้า” นางยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดหางตา หันกลับไปมองภายในเรือน “ยามนี้ก็กำลังอยู่เฝ้าห้องอย่างโดดเดี่ยว เจ็บปวดร่ำไห้เช่นกัน”
อยู่เฝ้าห้องอย่างโดดเดี่ยวรึ วันนี้เป็นวันมงคล พี่สามไม่ยอมแม้กระทั่งจะสวมบทเจ้าบ่าวแม้แต่น้อย
เยี่ยนอ๋องตกตะลึง ไม่มีทีท่าจะกลับอีก “นาง กำลังร้องไห้หรือ”
“ไม่ร้องได้หรือเพคะ” หลี่ว์ชีเอ๋อร์กัดฟัน เยี่ยนอ๋องรู้สึกพิเศษต่อหันเซียงเซียงจริงๆ ด้วย พอพูดถึงนาง ก็พูดมากขึ้นแล้ว แต่ก็ดีเหมือนกัน หันเซียงเซียงนางนี้ไม่อาจได้ครองคู่กับเยี่ยนอ๋องได้แล้ว แต่ตนกลับยังสามารถใช้หันเซียงเซียงมาไต่เต้าขึ้นไปได้อีก!
นางเอ่ยอย่างโศกเศร้าต่อว่า “คืนเข้าหอแท้ๆ แต่เจ้าบ่าวหนีไปแล้ว ไม่ร้องไห้จะให้หัวเราะหรือเพคะ พวกบ่าวไพร่ต่างรู้กันทั่ว ภายหน้ายังจะสามารถให้เกียรติพระสนมได้อีกหรือ” ใส่สีตีไข่เพิ่มเข้าไปอีก นางเช็ดน้ำตาป้อยๆ “ซ้ำยังไล่พวกบ่าวไพร่ออกมาจนหมด แล้วขังตัวเองไว้ข้างในคนเดียว! ไม่รู้เช่นกันว่าจะเศร้าเสียใจจนมีสภาพเช่นไรแล้ว!”
เยี่ยนอ๋องเงียบลงพักใหญ่ หลี่ว์ชีเอ๋อร์ใช้จังหวะนี้ให้เกิดประโยชน์ “เช่นนั้น…ฝ่าบาทจะทรงไปประทับที่โถงเล็กแถวๆ นี้ก่อนหรือไม่เพคะ”
เยี่ยนอ๋องลังเลครู่หนึ่ง ครู่ต่อมาจึงส่งเสียงอืมออกมา
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ยินดีปรีดายิ่ง “เช่นนั้นฝ่าบาทเสด็จก่อนเถิดเพคะ บ่าวจะไปต้มชาแล้วจะรีบยกไปถวาย!” กล่าวจบก็วิ่งไปราวกับเหาะ
ด้านหลังภูเขาจำลองไม่ไกลนัก ฉิงเสวี่ยเห็นหลี่วีเอ๋อร์เดินออกไปคนเดียวแล้ว ก็จำคำสั่งของชูซย่าจนขึ้นใจ กระซิบพูดกับเจินจูว่า “เจ้าไปจับตามองหลี่ว์ชีเอ๋อร์ไว้ ข้าจะดูตรงนี้เอง”
เจินจูพยักหน้า เดินตามหลี่ว์ชีเอ๋อร์ไป
ด้านนอกเรือนถังจู เยี่ยนอ๋องกำลังยืนอยู่ที่เดิมได้สักพักแล้ว สีหน้าไม่สบายใจอย่างมาก ในที่สุดก็ตัดสินใจ เอ่ยกับขันทีคนสนิทที่อยู่ข้างกายว่า “เจ้าไปโถงด้านข้างก่อน อีกพักข้าจะตามไป” เว้นไปพักหนึ่ง “หากสาวใช้นางนั้นไปถึงก่อน เจ้าก็บอกไปว่าข้ากลับไปแล้ว!”
ขันทีฉงน “ฝ่าบาทจะทำอันใดพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนอ๋องมองเรือนถังจูที่มืดสนิทดังสีราตรี “ข้าจะไปดูเสียหน่อย ข้าไม่สบายใจ นางขังตัวเองอยู่ข้างในคนเดียว บ่าวไพร่ต่างไล่ออกมาหมด คงไม่เกิดเรื่องใดขึ้นกระมัง”
หันเซียงเซียงหลงใหลพี่สามถึงขั้นใดเขาย่อมรู้ดี เข้าจวนมาวันแรก พี่สามก็ไม่ไว้หน้าให้สักนิด ถูกกระทำเช่นนี้ จากนิสัยคิดไม่ตกของนาง เลอะเลือนไปชั่วขณะ คิดสั้นขึ้นมาก็อาจจะเป็นไปได้!
ขันทีตกใจ “ทำเช่นนี้มิได้นะพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นเรือนของพระสนมฉินอ๋อง ฝ่าบาทจะเข้าไปได้อย่างไร! แม้ยามปกติฉินอ๋องจะทรงปล่อยให้ฝ่าบาทเข้านอกออกในได้ตามสบาย แต่ฝ่าบาทก็อย่าทรงทำเหนือขอบเขตเกินไปสิพ่ะย่ะค่ะ…”
“ข้าเข้าไปดูแวบเดียวก็พอ!” ทำเหนือขอบเขตรึ หากบอกขันทีไปว่าพี่สามแทบใจจดใจจ่อรอให้เขาทำเกินขอบเขตใจจะขาดสิไม่ว่า แทบจะส่งหมวกเขียวมาให้เขาสวมให้อยู่แล้ว เกรงว่าขันทีผู้นี้คงได้อึ้งแน่!
เขาหันไปมองภายในเรือนอีกครั้ง ตั้งแต่ระเบียงจนถึงภายในห้อง มืดมิดไร้แสงไฟ เยี่ยนอ๋องยิ่งรู้สึกแปลกๆ ไม่ค่อยปกตินัก
ขันทีถูกผู้เป็นนายตำหนิก็ไม่กล้าพูดอันใดอีก จึงได้จากไปก่อน
เยี่ยนอ๋องอาศัยความมืดยามราตรีก้าวเข้าไปในเรือนถังจู
ฉิงเสวี่ยเห็นเยี่ยนอ๋องเข้าไปในเรือนถังจูก็ตกใจ ชูซย่าบอกแค่ว่าหากหลี่ว์ชีเอ๋อร์ทำผิดกฎก็ให้จับไว้คาหนังคาเขา แต่มิได้บอกว่าเยี่ยนอ๋องผิดกฎแล้วให้ทำอย่างไร!
นางไม่อาจตัดสินใจเองได้ชั่วขณะ ฉิงเสวี่ยจำต้องรอให้เจินจูกลับมาก่อนแล้วค่อยปรึกษากัน