ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 240 การกลับมาของขุยเหล่ยซั่น (2)
ข้าวของเครื่องใช้ภายในวังหลวงพิถีพิถันอย่างมาก โดยเฉพาะของนำเข้าพวกนี้ ฐานันดรแตกต่างก็ใช้ของต่างกัน ไม่อาจเอามาใช้ปนกันได้
แค่ดูคุณภาพของจอกสุราตรงหน้าและจำนวนที่ไม่มากก็ทราบได้ว่าภาชนะเหล่านี้นำมาให้คนที่สูงศักดิ์ที่สุดในงานเลี้ยงใช้
งานเลี้ยงครบรอบร้อยวันของเด็กน้อยในตงกง ผู้ร่วมงานที่สูงส่งที่สุดจะมีใครได้ ถ้ามิใช่ไท่จื่อ
สายตาอวิ๋นหว่านชิ่นตกอยู่ที่จอกตรงกลาง เป็นจอกหยกใบเดียวที่แกะสลักลายมังกรทองล้อเมฆา
เป็นจอกที่ให้รัชทายาทใช้
นางสวมถุงมือไหมของห้องเครื่อง หยิบจอกสุราขึ้นมา ลูบบริเวณที่ต้องใช้ปากสัมผัสของแก้วจนรอบ
ท้องนิ้วถูกันไปมา ไม่มีอันใดเป็นพิเศษ ใช้เข็มเงินตรวจสอบดูก็ไม่มีปฏิกิริยาของพิษเลย
นางครุ่นคิด หยิบไหสุราที่เปิดไว้ข้างกายเทสุราลงไป
นางเขย่าจอกไปมาครู่หนึ่ง กลั้นหายใจบีบเข็มเงินไว้ ทดสอบครู่หนึ่ง เพียงไม่นานปลายเข็มจรดก้านก็เปลี่ยนเป็นสีดำ
พิษนี้ นึกไม่ถึงว่าจะเคลือบไว้ขอบแก้ว อีกทั้งต้องโดนของเหลวถึงจะออกฤทธิ์ ยาพิษใต้หล้านี้มีมากมายหลายหลากทุกรูปแบบ เดิมทีมีหมอที่เชี่ยวชาญด้านพิษแค่ตระกูลเดียว ระยะนี้นางอ่านตำราเรื่องพิษมากมายเหมือนกัน ได้รู้ได้เห็นสารพิษมาไม่น้อย พิษที่ซับซ้อนแสนกลกว่านี้ย่อมมีชื่อเรียก อย่างน้อยก็คาดเดาส่วนประกอบออก
แต่พิษที่ชิงฉานทาบนขอบแก้ว พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก อย่างน้อยที่จงหยวนก็มีไม่มาก
โดนของเหลวจึงจะออกฤทธิ์…สมองนางโลดแล่นอย่างแปลกประหลาด ฝ่ามือมีเหงื่อผุดซึม นางนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ยามนี้เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงของฉีไหวเอิน “เป็นบ่าวพ่ะย่ะค่ะ”
อวิ๋นหว่านชิ่นวางจอกลง เปิดประตูให้
ฉีไหวเอินมองสุราพวกนั้นภายในห้องเครื่อง สีหน้าเคร่งเครียดขึ้น “เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ…”
นางทำท่าบอกว่าไม่เป็นอันใดแล้ว ฉีไหวเอินจึงพรูลมออกมา แต่ก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “บ่าวเรียกชิงฉานมาตามลำพัง เหนียงเหนียงตามบ่าวไปถามนังแพศยานั่นเถิด”
พอดีเลย อวิ๋นหว่านชิ่นพยักหน้า เก็บจอกใบนั้นและสุราให้เรียบร้อย ปิดประตูไว้ ออกไปพร้อมกับฉีไหวเอิน
สวนไผ่ที่อยู่ไม่ไกลจากหอหมิงกวง ยามปกติเงียบสงบไร้ผู้คน ชิงฉานยืนอยู่ระหว่างต้นไม้เพียงลำพัง สองมือกำเข้าหากันแน่น
เมื่อคืนหลังจากฝนกระหน่ำหนัก บนกิ่งไผ่เปียกชุ่มด้วยหยดฝนและหยาดน้ำค้าง แนวกิ่งโน้มเอนลงอย่างห้ามไม่อยู่ หยดติ๋งๆ ลงมาใส่ชุดในวังและผิวรองเท้าของชิงฉานจนชุ่ม แต่นางกลับไม่รู้ตัว ท่าทางนางเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
พอเห็นอวิ๋นหว่านชิ่นกับฉีไหวเอินเดินมา สีหน้านางก็ซีดขาว “พระชายาฉินอ๋อง…” ในตอนที่ฉีไหวเอินแอบพานางออกมาเมื่อครู่ นางก็รู้แล้วว่าพระชายาฉินอ๋องทราบเรื่องที่นางวางยาพิษที่ตงกงแล้ว ยามนี้พอเห็นทั้งสองสีหน้านิ่งสงบก็รู้ได้ว่าเรื่องนี้น่าจะถูกปิดไว้แล้ว
ฉีไหวเอินน้ำเสียงเดือดดาล กดเสียงต่ำเอ่ยว่า “เจ้ายังมีหน้ามาเรียกพระชายาฉินอ๋องอีกรึ เจ้าเป็นคนที่ฉินอ๋องส่งเข้าวังมารับใช้พระสนมเอก นึกไม่ถึงว่าจะช่วยเฮ่อเหลียนอวิ่นทำเรื่องพรรค์นี้! เจ้าคงรู้ว่าหากไท่จื่อถูกพิษสิ้นใจไป ชาวเหมิงหนูกับพวกเจ้าที่เป็นผู้กระทำถูกตรวจสอบพบ พระสนมเอกกับฉินอ๋องก็จบเห่ด้วยเช่นกัน!”
ชิงฉานเหงื่อออกทั่วร่าง รีบคุกเข่าลงกับพื้น “เป็นบ่าวที่โง่เขลาเบาปัญญา เชื่อคำยุงยงและวาจาคมคายของเฮ่อเหลียนอวิ่น ขอพระชายาฉินอ๋องโปรดประหารบ่าวเถิดเพคะ!”
อวิ๋นหว่านชิ่นให้ฉีไหวเอินดูต้นทางด้านข้าง เพื่อกันไม่ให้ใครเข้ามา จากนั้นจึงพยุงชิงฉานลุกขึ้น “เจ้าเรียนวิชาแพทย์กับพี่ชายเจ้าที่จวนตั้งแต่เด็ก ต่อมาก็เข้าวังมารับใช้ข้างกายพระสนมเอก คนนอกล้วนไม่เคยเห็นพิษชนิดนี้ เหตุใดเฮ่อเหลียนอวิ่นจึงเล่นอุบายนี้ได้ เขาบอกกับเจ้าว่าอย่างไร”
ชิงฉานเห็นนางมิได้กล่าวตำหนิตนสักนิด จึงไม่ปิดบังอีกต่อไป สะอึกสะอื้นบอกย่างตรงไปตรงมาว่า “วันนั้นพอออกจากหอหมิงกวง เฮ่อเหลียนอวิ่นแอบส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้บ่าว บอกให้บ่าวเสร็จงานแล้วไปพบเขาเป็นการส่วนตัว หลังจากหาสถานที่เงียบสงบภายในวังพบกันแล้ว เฮ่อเหลียนอวิ่นก็เอาผงยาห่อหนึ่งให้บ่าว บอกให้บ่าวใช้วิธีใดก็ได้ทำให้ไท่จื่อเสวยให้ได้ บ่าวบอกว่าต้องกลับไปบอกพระสนมเอกก่อน เฮ่อเหลียนอวิ่นกลับห้ามไว้ บอกว่าพระสนมเอกเป็นองค์หญิงเหมิงหนู ไม่มีทางอกตัญญูเขาที่เป็นพี่ชายแน่นอน แล้วบอกเป็นนัยว่าพระสนมเอกขี้ขลาด ไม่มีทางที่จะอนุญาตให้เรื่องการลอบปลงพระชนม์ไท่จื่อเกิดขึ้นแน่ หากบ่าวบอกพระสนมเอกว่าเขาจะวางยาพิษ พระสนมเอกไม่มีทางเปิดโปงเขาที่เป็นพี่ชายเพราะความสงบสุขของสองแคว้น กลับจะต้องปิดปากบ่าวที่รู้เห็นผู้เดียวคนนี้ทิ้งไป! ตอนนั้นบ่าวตกใจมาก เฮ่อเหลียนอวิ่นบอกอีกว่ายามนี้สถานการณ์ฉินอ๋องกำลังรุ่งโรจน์ หากไท่จื่อสวรรคตไป ฉินอ๋องก็จะมีโอกาสได้ครองบัลลังก์ ถึงเวลานั้นก็เป็นความดีความชอบของบ่าว กระทั่งพี่ชายบ่าวก็จะพลอยได้ดีเลื่อนตำแหน่งไปด้วย แต่กลับกัน หากไท่จื่อได้ครองบัลลังก์ ฉินอ๋องที่เป็นผู้ชิงบัลลังก์ไหนเลยจะมีจุดจบที่ดีได้ พี่ชายบ่าว…เกรงว่าก็คง…” กล่าวถึงตรงนี้ ชิงฉานก็ยกแขนเสื้อปิดหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ในที่สุดทนไม่ไหวร้องไห้ออกมา “พระชายา เป็นความผิดของบ่าวเองเพคะ! เกือบจะทำร้ายทั้งจวนฉินอ๋องแล้ว!”
อวิ๋นหว่านชิ่นสูดหายใจลึก จิ้งจอกเฒ่านี่! พูดจาคมคายนัก ทั้งกล่อมทั้งขู่ มิน่าเล่าชิงฉานจึงตกใจจนต้องไปวางยาพิษ! ในเมื่อเฮ่อเหลียนอวิ่นใส่ใจทิศทางการเคลื่อนไหวพระสนมเอกผู้เป็นน้องสาวในต้าเซวียนเพียงนี้ ย่อมรู้เช่นกันว่าพี่ชายของชิงฉานเป็นขุนนางใกล้ชิดคนสนิทของฉินอ๋อง หากฉินอ๋องโดนทำลายก็จะโดนทำลายพ่ายแพ้ไปด้วยกัน จึงได้กำจุดอ่อนนางไว้ได้
นางพยุงชิงฉานที่ร้องไห้โงนเงนจะล้มแหล่มิล้มแหล่ขึ้นมา ความสงสัยที่อยู่ในห้องเครื่องเมื่อครู่ปรากฏออกมา นางสงบบจิตสงบใจเอ่ยว่า “ชิงฉาน ยาพิษที่เฮ่อเหลียนอวิ่นให้เจ้า เป็นพิษที่เขาเอามาจากเหมิงหนูรึ”
ชิงฉานเห็นอวิ๋นหว่านชิ่นสีหน้าจริงจัง จึงกลั้นน้ำตาแห่งความรู้สึกผิดไว้ พยักหน้า “พระชายาฉินอ๋องทราบได้อย่างไรเพคะ ยามที่เฮ่อเหลียนอวิ่นมอบพิษนี้ให้บ่าว บอกว่ายาพิษชนิดนี้เป็นเขาที่เอามาด้วยจากแดนเหนือเพื่อให้บ่าววางใจ มั่นใจเชื่อถือได้ยิ่ง ใช้เข็มเงินก็ตรวจไม่พบ ผงยาโดนของเหลวจึงจะออกฤทธิ์ทำให้คนถูกพิษ ยังบอกอีกว่ายาพิษชนิดนี้มีน้อยนักในจงหยวน ต่อให้เป็นหมอหลวงในวังก็อาจจะตรวจสอบว่าคือพิษใดมิได้ แม้ว่าจะตรวจพบก็ยากยิ่งที่จะปรุงยาถอนพิษออกมาได้”
เป็นไปดังคาด…คำตอบของปริศนาในใจอวิ๋นหว่านชิ่นยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ น้ำเสียงจึงสั่นอยู่เล็กน้อย “เฮ่อเหลียนอวิ่นบอกชื่อพิษชนิดนี้กับเจ้าหรือไม่”
ชิงฉานศึกษาค้นคว้าสมุนไพรแต่ละชนิดมาแต่เด็ก ย่อมจดจำชื่อได้อย่างชัดเจน นางตอบว่า “ขุยเหล่ยซั่นเพคะ”
สามคำนี้ดั่งลมแรงสาดซัด ตรงกับที่อวิ๋นหว่านชิ่นสงสัยเมื่อครู่พอดี เป็นพิษที่องค์ชายสามโดนจริงๆ
หลังจากเขาดื่มนมมารดาในวัยเด็กก็โดนพิษ พิษถูกทาไว้บนหัวนมของแม่นม นมเป็นของเหลว พอทารกดูดเข้าปาก ก็สามารถทำให้พิษออกฤทธิ์ได้พอดี
ปีนั้นไม่มีหมอหลวงตรวจพบว่านั่นเป็นพิษใด ได้ยินหมออิงบอกว่า ต่อมาจนองค์ชายสามถูกส่งเข้าวังไปเลี้ยงแล้ว เหยาย่วนพั่นผู้คลั่งไคล้วิชาแพทย์ เป็นตายร้ายดีก็ไม่พอใจ ตรวจสอบตลอดทั้งวันทั้งคืนไม่พัก จึงอ่านพบในคัมภีร์โบราณโดยบังเอิญ ยืนยันว่าถูกพิษขุยเหล่ยซั่นเข้า แต่ต่อให้ทราบชื่อ กลับไร้วิธีแก้ ทำได้เพียงแค่ค่อยๆ คลำหายาแก้พิษไป
พิษที่องค์ชายสามโดนที่แท้ก็เป็นชาวเหมิงหนูที่มีมัน…นี่มิใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน
ก่อนสวรรคตเจี่ยงฮองเฮาเคยบอกว่าไม่ใช่นางที่ทำร้ายองค์ชายสาม อวิ๋นหว่านชิ่นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งมาโดยตลอด จนเรื่องมาถึงขั้นนี้ ก็เข้าใกล้ผู้ที่วางยาสังหารองค์ชายที่แท้จริงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว นางกลับไม่กล้าคิดไปไกลมากนัก
จะเป็นไปได้อย่างไร
อวิ๋นหว่านชิ่นคิดหาเหตุผลใดไม่ออกเลย คนที่วางยาพิษสังหารองค์ชายสามสุดท้ายเป็นนาง แต่ความจริงได้บอกตนว่า ต้องเกี่ยวข้องกับนางแน่
คำกระซิบที่เฮ่อเหลียนอวิ่นบอกกับพระสนมเอกในวันนั้นลอยเข้าหูนางมา ‘…ตั้งแต่เขาอยู่ในห่อผ้าอ้อมจนถึงยามนี้ เจ้าขวางทางเขาเช่นนี้…’