ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 242 เล่ห์เพทุบายทางการเมือง (2)
พระสนมเอกเฮ่อเหลียนตัวสั่นขึ้นมา
อวิ๋นหว่านชิ่นไม่เกรงใจอีกต่อไป “เสด็จแม่พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่องค์ชายสามกลับยังต้องมีชีวิตอยู่เพื่อแบกรับแรงกดดัน”
พระสนมเอกเงียบงันไปนาน ดวงตาทั้งสองข้างคลอหน่วยด้วยน้ำ นางเงบหน้าขึ้น แย้มยิ้มอย่างโศกเศร้า “ข้าเห็นแก่ตัวจริงๆ นั่นแหละ…”
นางเดินไปยังเบื้องหน้าพระสนมเอก “จวบจนตอนนี้ เสด็จแม่ยังไม่ยอมพูดอีกหรือ ต่อให้พวกเราคิดอยากจะช่วยเหลือตัวเอง ก็ต้องรู้ถึงต้นสายปลายเหตุ”
พระสนมเอกกำนิ้วทั้งสิบ ปลายนิ้วจิกลงฝ่ามือ นึกถึงปีนั้นก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง พอเอ่ยปากขึ้นเสียงก็แห้งผาก ทว่าสุดท้ายก็ฝืนทนเล่าออกมาจนจบ
ปีนั้น หลังจากที่พระสนมเอกโดนหนิงซีฮ่องเต้ที่มาเหมิงหนูถูกพระทัยเข้า เฮ่อเหลียนอวิ่นรับผิดชอบจัดการเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีของน้องสาว ก่อนวันเดินทาง เฮ่อเหลียนอวิ่นพาบุรุษชาวเหมิงหนูท้องถิ่นเข้ามาในกระโจมของน้องสาว คนรับใช้ที่ดูแลองค์หญิงทั้งหมดล้วนไล่ออกไปไกล ไม่กล้าเข้ามา…หลังจากนั้น พระสนมเอกจึงได้รู้ว่าในตอนที่หนิงซีฮ่องเต้เลือกนาง เสด็จพี่ก็ได้จัดการวางแผนสกปรกนี้เอาไว้แล้ว
หอบครรภ์ไปจงหยวน หนึ่งสามารถก่อความวุ่นวายให้แก่ตำแหน่งรัชทายาทต้าเซวียนได้ สองหากองค์ชายคนนี้โชคดี ก็จะสามารถเป็นองค์ชายที่มีอำนาจไว้ในมือ กระทั่งกลายเป็นผลพวงที่ยิ่งใหญ่ เหมิงหนูก็จะยิ่งเอาเปรียบได้มากขึ้น
ไม่ว่าอย่างไร เหมิงหนูก็ได้กำไรไม่ขาดทุน
ในฐานะองค์หญิงแห่งเหมิงหนู ต่อให้รู้ว่าเล่ห์เพทุบายทางการเมืองของการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีครานี้จะสกปรกโสมมเพียงนี้ พระสนมเอกก็ไม่มีสิทธิต่อต้านอยู่แล้ว ยิ่งไม่อาจบอกกับใครได้ด้วย
สิ่งที่เกินความคาดหมายเพียงอย่างเดียวก็คือ ระหว่างที่พระสนมเอกกลับต้าเซวียนไปกับฮ่องเต้นั้นได้รับความโปรดปรานเข้า พอเข้าวังได้ไม่นานก็พบว่าตั้งครรภ์ นับเวลาดู เด็กคนนี้บอกไม่ได้จริงๆ ว่าเป็นชาวเหมิงหนูหรือลูกของฮ่องเต้ต้าเซวียน
แต่ไม่ว่าจะเป็นลูกใคร ทางเหมิงหนูกลับกำหนดชัดเจนแล้วว่าเด็กคนนี้เป็นเชื้อชาติชาวเป่ยเหริน
พระสนมเอกก็ทราบดี ในเมื่อเฮ่อเหลียนอวิ่นจัดการวางแผนเช่นนี้ ภายหน้าเด็กคนนี้ก็อาจจะกลายเป็นหมากที่ถูกเหมิงหนูใช้ และเป็นระเบิดเวลา พอเรื่องถูกเปิดโปง นางก็จบเห่แล้ว
หักใจสังหารเลือดเนื้อเชื้อไขของตนได้อย่างไรน่ะหรือ หากนางจิตใจอำมหิตจริง นางจะเสียเวลารอให้ซื่อถิงอายุถึงสามขวบแล้วค่อยลงมือไปทำไมกัน!
แต่ลูกเติบโตขึ้นทุกวัน หน้าตาก็ยิ่งเหมือนชาวเป่ยเหริน ทำให้นางยิ่งไม่สบายใจ
ช่างเถิด! แม้ว่าจะปล่อยเด็กคนนี้ไว้ แต่พอแผนการถูกเปิดโปง สองแม่ลูกล้วนไม่มีจุดจบที่ดีอยู่ดี!
ทาขุยเหล่ยซั่นไวบนร่างแม่นม ตอนที่มองลูกชายกินนมอยู่ไกลๆ พระสนมเอกกัดลิ้นจนแตก ในใจกระอักเลือด แต่คิดไม่ถึงว่าลูกชายจะดวงแข็ง ถูกเหยาย่วนพั่นช่วยชีวิตไว้ด้วยความบังเอิญ
ครานี้ล้มเหลวแล้ว พระสนมเอกไม่ว่าอย่างไรก็ทำจิตใจอำมหิตไม่ได้อีกครั้งแล้ว
ทว่า…ไม่อาจให้เขาอยู่ที่วังต่อได้อีกเช่นกัน!
นางรีบอาศัยเรื่องที่ลูกชายโดนยาพิษ ใช้เหตุผลว่าฮวงจุ้ยในวังไม่เหมาะสมกับดวงชะตา เลี้ยงดูเขาไว้ในวังเช่นนี้จะไม่ได้รับการสนใจจากฝ่าบาท บางทีชาตินี้ทั้งชาติอาจเข้าวังไม่ได้อีก กลับราชสำนักมิได้ ก็มีชีวิตอยู่นอกวังอย่างเงียบๆ ไปเสีย!
ทว่าไหนเลยจะรู้ว่าลูกคนนี้ยังคงกลับมายังราชสำนักได้ และได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทอีกด้วย!
ในชั่วขณะที่ทราบเรื่องสำเร็จราชการแทน ในยามที่ซื่อถิงได้หน้าได้ตาที่สุด พระสนมเอกกลับเหมือนเห็นฐานันดรของเขาถูกคนเปิดโปง ศีรษะของสองแม่ลูกร่วงหล่นลงพื้น!
ยามนี้ สิ่งที่นางหวาดกลัวที่สุดในที่สุดก็มาแล้ว ชาวเหมิงหนูบีบบังคับให้ซื่อถิงสมรู้ร่วมคิดทำเรื่องโสมม ฝ่าบาทก็เกิดความสงสัยต่อฐานันดรที่แท้จริงของเขาแล้ว!
อวิ๋นหว่านชิ่นฟังพลางจิตใจกระเพื่อมไหว
ในโบราณกาลมีพ่อค้าแซ่หลี่ว์คนหนึ่งมีของหายากที่พอจะกักตุนเอาไว้เก็งกำไรได้ เขาส่งอนุสุดรักที่ตั้งท้องมอบให้กษัตริย์ ให้เลือดเนื้อเชื้อไขของตนกลายเป็นรัชทายาท ด้วยเหตุนี้ตนจึงก้าวเข้าสู่โลกทางการเมือง กุมอำนาจอันยิ่งใหญ่ คิดไม่ถึงว่าชาวเหมิงหนูจะทำสิ่งที่น่าขยะแขยงเช่นเดียวกัน
อวิ๋นหว่านชิ่นจึงได้เข้าใจเหตุผลที่นางไม่ให้ท่านอ๋องปีนขึ้นสูงไปเรื่อยๆ ให้เขาเป็นเพียงแค่องค์ชายอยู่ว่างๆ ก็พอ
หากเขาปีนขึ้นต่อไป ก็เหมือนกลีบดอกไม้ที่ชุ่มน้ำผึ้ง ดึงดูดความกระหายอยากจะได้ของชาวเหมิงหนูให้มาหา
หากเขาปีนขึ้นไปสู่ตำแหน่งที่สูงที่สุด ถึงเวลานั้นชาวเหมิงหนูส่งคนมาทำลาย เป็นไปได้ว่ามีเพียงสองกรณีนี้เท่านั้น ไม่เป็นเขาถูกราชนิกุลต้าเซวียนขับไล่ลงจากบัลลังก์มังกร ชื่อเสียงป่นปี้ จุดจบอเนจอนาถ ก็เป็นเขาที่ปกปิดตัวตนสถานะที่แท้จริงเพื่อปกป้องตำแหน่งฮ่องเต้ไว้ แต่นี้ไปเขากลับกลายเป็นฮ่องเต้หุ่นเชิดของเหมิงหนูเพราะถูกข่มขู่เอาไว้
มีเพียงการใช้ชีวิตเรียบง่ายธรรมดาเท่านั้น จึงจะสามารถปกป้องเขาให้สงบสุขจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่ช่างน่าคับแค้นนัก!
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็อาจจะมิได้เป็นมารหัวขนของแผนการชั่วร้ายนี้ แต่เป็นองค์ชายต้าเซวียนก็ได้ เหตุใดต้องทำลายความมุ่งมาดปรารถนาของคนที่มีความสามารถในการทำงานไปเพียงเพราะแผนการชั่วร้ายอันโสมมน่าสะอิดสะเอียนนั่นด้วย
อวิ๋นหว่านชิ่นมองพระสนมเอกเฮ่อเหลียนที่แทบจะหมดเรี่ยวหมดแรงแวบหนึ่ง แล้วพยุงนางให้ลุกขึ้น
พระสนมเอกพยุงตัวกับแขนบางนางไว้ หอบหายใจยืดตัวขึ้น เงยหน้าจ้องมองนาง หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างไร้สาเหตุ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดหลังๆ มานี้ข้าจึงเว้นระยะห่างกับเจ้า มักจะเอ่ยถึงเจ้า กีดกันเจ้า สตรีเยี่ยงเจ้า ต้องการบุรุษที่สูงส่งกว่านี้มาครองคู่ มีเจ้าอยู่ข้างกาย เขาจะยิ่งปีนขึ้นไปได้สูง เดินไปได้ไกล…ตรงข้ามกับที่ข้าหวังเอาไว้ วิ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม แม่นางหันนั่น โง่เขลา วิสัยทัศน์คับแคบ ถ่วงมือถ่วงเท้าคนอื่น แต่กลับเหมาะสมกับซื่อถิง”
อวิ่นหว่านชิ่นดวงตาเป็นประกาย จ้องมองนางนิ่งอย่างเวทนา แม้จะโกรธแค้นนางอยู่บ้าง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงตำหนิไม่ออก
แขนเสื้อโบกสะบัด นางหยัดกายตั้งตรง
“เจ้า…” พระสนมเอกเห็นว่านางทำท่าจะไป ก็โถมร่างเข้ามาหา ร่างโซเซเกือบจะล้มแต่ก็ไม่ได้สนใจ “ซื่อถิง...จะเกิดปัญหาขึ้นกับเขาหรือไม่ ยามนี้เจ้าอยู่ข้างกายฝ่าบาท ซ้ำยังมีสนมม่อ พวกเจ้าต้องพูดเท่าที่จะพูดได้นะ พวกเจ้าต้องช่วยเขานะ ต้องช่วยเขา…”
อวิ๋นหว่านชิ่นค้อมกายลง พยุงนางขึ้นมา “ยามนี้ สตรีที่เสด็จแม่คิดว่าเหมาะกับท่านอ๋อง…ไปอยู่ที่ใดเล่า เหตุใดเสด็จแม่ไม่ไปขอร้องนางให้นางช่วยเล่า”
พระสนมเอกเหมือนลำคอมีอะไรคาอยู่ พูดอันใดไม่ออก แต่เห็นนางถอนใจออกมา จึงเอ่ยว่า “ในเมื่อเสด็จแม่ยังเป็นห่วงท่านอ๋องอยู่ เหตุใดยามนี้จึงยังหักใจมองเขารับความทรมานจากขุยเหล่ยซั่นได้เล่า” พระสนมเอกเป็นคนวางยาพิษ อีกทั้งขุยเหล่ยซั่นนั่นเป็นยาพิษของแดนเหนือ นางอาจจะมียาถอนก็ได้
พระสนมเอกลุกขึ้นอย่างอ่อนแรง ขยับเข้าไปใกล้ข้างหูอวิ๋นหว่านชิ่น เอ่ยอยู่สองสามคำ
อวิ๋นหว่านชิ่นมีความปรีดาฉายวาบขึ้นมาในใจ ดวงตามืดมิดลง “เสด็จแม่ไม่แยแสได้เก่งเสียจริง หลายปีมานี้มองลูกชายแท้ๆ ของตัวเองพิษกำเริบอยู่ทุกเดือน ทรมานสุดแสน วิธีถอนพิษที่ใกล้แค่เอื้อมเพียงนี้ กลับไม่บอกเขา” สตรีเบื้องหน้าขัดแย้งกับตัวเองมาทั้งชีวิต บางทีอาจจะมิใช่ว่าไม่รักใคร่ลูกชาย พอลูกชายตายไปแล้วนางจึงจะสบายใจได้ ท้ายที่สุดก็ยังคงรักชีวิตอยู่ มดยังมีชีวิตรอดไปวันๆ แล้วจะให้โทษนางได้อย่างไร
พระสนมเอกปิดดวงตาทั้งสองไว้ หยาดน้ำตาเย็นเยียบหลั่งไหลออกมา
เสียงเร่งของมอมอผู้ดูแลดังขึ้นมาจากด้านนอก อวิ๋นหว่านชิ่นมองพระสนมเอกแวบหนึ่ง ยกถาดขึ้นมา “ท่านอ๋องเป็นคนดีย่อมได้รับความช่วยเหลือจากสวรรค์แน่นอน”
พระสนมเอกเห็นนางจะกลับ สายตาก็สั่นไหว ก้าวเข้าไปหาสองสามก้าว และทราบดีว่าเรี่ยวแรงไม่พอ ร่างกายโงนเงนครู่หนึ่ง อวิ๋นหว่านชิ่นยื่นมือไปพยุงไว้ตามสัญชาตญาณ ได้ยินเพียงเสียงนางกระซิบข้างหูตนว่า “ข้ามิใช่แม่ที่ดี...แต่ครานี้ จะไม่ทำให้เขาผิดหวังอีกแล้ว”
อวิ๋นหว่านชิ่นใจกระตุก กำลังจะพูดบางอย่าง มอมอก็มาเคาะประตูอย่างอดรนทนไม่ได้อีกต่อไป “พระชายาฉินอ๋อง เสร็จหรือยังเพคะ อีกเดี๋ยวนางกำนัลจากพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยนจะมาตรวจดูแล้ว เกิดเห็นท่านเข้า บ่าวกับท่านได้จบสิ้นแน่!”