ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 252.3 ผ่าคลอดทารก เชือดไก่ให้ลิงดู (3)
แม้เหนียนกงกงจะวางใจลง ก็ยังแบทอดถอนใจออกมาอย่างยากจะเลี่ยง หากเป็นโอรสของฝ่าบาท จะดีเพียงใดกันหนอ ยามนี้ฝ่าบาทจะต้องดีพระทัยยิ่งแน่แล้ว ทว่าเขาทำได้เพียงถอนหายใจ ฝืนยิ้มปรีดา ประสานมือไว้ “ยินดีกับอวิ๋นเหม่ยเหรินด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ทุกคนต่างรอกันอีกครู่หนึ่ง จนกระทั่งใต้เท้าตู้นั่วหม่าเดินนำชูซย่า เนี่ยมอมอ และชีมอมอออกมา พอได้ทราบว่าอวิ๋นหว่านชิ่นเย็บแผลเสร็จเรียบร้อย เพราะยาชายังไม่หมดฤทธิ์จึงหลับไป จึงได้วางใจลงได้
ตู้นั่วหม่ากำชับกับชูซย่าและมอมอทั้งสองเรื่องการดูแลแผลและข้อควรระวังหลังผ่าคลอด
ทุกคนได้ประจักษ์ถึงความสามารถของใต้เท้าต่างชาติที่ห้องคลอด แต่ละคนตั้งใจฟังไม่ให้ขาดตกไปแม้แต่คำเดียว
จนกระทั่งตู้นั่วหม่ากำชับเสร็จ เหนียนกงกงจึงเอ่ยขึ้นว่า “เช่นนั้นข้าไม่รั้งอยู่นานแล้ว จะกลับไปทูลรายงานแก่ฝ่าบาทกับทางด้านไทฮองไทเฮาก่อน จะได้ทำให้ท่านทั้งสองวางพระทัยลง เหยาย่วนพั่น เช่นนั้นท่านก็นำใต้เท้าเฟิ่งแล้วก็…ใต้เท้าตู้อะไรหม่าท่านนี้ตามข้ามารับรางวัลเถิด”
เฟิ่งจิ่วหลังไหนเลยจะเคยสนใจรางวัลอะไรเทือกนั้น เห็นว่าอวิ๋นหว่านชิ่นปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกแล้วก็พาตู้นั่วหม่าขอตัวลากลับไปทันที
เหนียนกงกงก็ไม่ไปฝืนบังคับ เขาทำเพียงยักไหล่ เรียกขันทีข้างกายทั้งสองกลับไป
ชูซย่ากำลังกลับไปยังห้องคลอดด้วยกันกับมอมอทั้งสอง ทว่าได้ยินเหยากวงเหย้าเรียกไว้ “แม่นางชูซย่า”
ชูซย่าหันกลับมา เห็นเหยาย่วนพั่นสีหน้าแปลกไป ก็รู้ได้ว่ามีบางอย่างจะพูดด้วยเป็นการส่วนตัว จึงให้เนี่ยมอมอและชีมอมอเข้าไปก่อน แล้วนางเดินไปหาเหยากวงเหย้า “เหยาย่วนพั่นมีอันใดจะกำชับใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“คนที่เตรียมยาช่วยคลอดให้เหม่ยเหรินเป็นผู้ใดรึ” คิ้วสีดอกเลาของเหยาย่วนพั่นขมวดมุ่น
ชูซย่าใจกระตุก “เนี่ยมอมอรับผิดชอบทำคลอด เป็นชีมอมอที่รับผิดชอบเตรียมยา ทำไมหรือเจ้าคะ เหยาย่วนพั่น”
เหยากวงเหย้ารู้ตื้นลึกหนาบางอยู่ในใจ เขาแค่นเสียงเฮอะแล้วขยับไปข้างหูชูซย่า
ราตรีผ่านพ้นไป เรียกได้ว่าข้ามผ่านคราวเคราะห์ระหว่างความเป็นความตายมาแล้ว
วันรุ่งขึ้นยามฟื้นขึ้นมา ฤทธิ์ยาชาของอวิ๋นหว่านชิ่นหมดไป เจ็บแผลขึ้นมาเป็นระลอกๆ ทว่าให้เนี่ยมอมออุ้มเด็กน้อยคนนั้นมาดูบนเตียง ความเจ็บปวดอันใดล้วนลืมไปจนสิ้น การฉีกขาดลากดึงบนท้องก็กลายเป็นความหวานนุ่ม
เด็กน้อยในห่อผ้าอ้อมไหม ผิวขาวอ่อนนุ่ม ผมดำขลับ แม้จะเพิ่งเกิดได้แค่วันเดียว แต่ก็ลืมตาแล้ว ดวงตากลมโตดั่งลูกองุ่นมีชีวิตชีวา นึกไม่ถึงว่าจะมองคนไปทั่ว นางอุ้มมาตรงจมูก กลิ่มหอมน้ำนมฟุ้งเต็มกาย ทำเอาแทบอยากจะกลืนเข้าปากไปในคำเดียว
บัวลอยน้อย คือก้อนเนื้อก้อนนั้นที่เมื่อวานยังอยู่ในท้องของนางอยู่เลย ในที่สุดก็ได้พบหน้ากันแล้ว…ในชั่วขณะที่เด็กคนนี้ถูกหมอตู้นั่วหม่าเอาออกมา เขากลับมิได้ร้องไห้ ตอนนั้นนางไม่รู้สึกตัวใดๆ ทั้งนั้น ทว่ากลับแอบวิตก ไม่คลอดออกมาเสียที เด็กอึดอัดอยู่นานแล้ว กลัวว่าจะขาดอากาศ
จนกระทั่งถูกเนี่ยมอมอตีก้นแรงๆ หลายที เสียงร้องไห้ลั่นฟ้าสะเทือนดินจึงได้เข้ามาในโสต นางจึงได้วางใจลง สลบไสลไป
ได้เห็นลูกชายอีกครั้ง ใจนางก็อ่อนยวบลง นางรับห่อผ้าอ้อมมาอุ้มแนบไว้กับใบหน้า ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวหยอกล้อกับนิ้วของทารก “บัวลอยน้อย…”
“ยังจะใช้ชื่อนี้เรียกอยู่จริงๆ หรือเจ้าคะ” ชูซย่าอดหัวเราะออกมาไม่ได้
อวิ๋นหว่านชิ่นหัวเราะออกมา ชื่อจริงๆ ยังไม่ได้ตั้ง จำต้องมีชื่อเล่นเอาไว้เรียก ทั้งเรียกจนชินแล้ว และคร้านจะเปลี่ยนด้วย ก้อมกลมๆ ในอ้อมอก เหมือนบัวลอยมากกว่าตอนอยู่ในท้องเสียอีก
ชูซย่ากลัวว่าแผลนางจะปริ จึงไม่ให้นางอุ้มมากนัก รับบัวลอยน้อยมา วางไว้ในอกของเนี่ยมอมออีกครั้ง
“นายหญิงเพคะ ท่านดูสิ เหมือนท่านมากเลย” เนี่ยมอมอแม้จะทำคลอดในวังมานาน แต่เคยเห็นเด็กผู้ชายที่รูปงามเพียงนี้ได้อย่างยากยิ่ง จึงเอ่ยชมไม่ขาดปาก
“ให้บ่าวดู กลับเหมือนฝ่าบาทอยู่เหมือนกัน ดั้งจมูกโด่งลักษณะสูงส่ง ทั้งยังอนาคตไกล ต่อไปต้องมีแต่ความผาสุกแน่ ภายหน้าต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แน่เพคะ” ชีมอมอที่อยู่ด้านข้างด้วยไม่รอช้าเอ่ยเยินยอ
ประโยคนี้ออกมา ชูซย่าแววตาขยับไหว เอ่ยอย่างน้ำเสียงเนิบช้าว่า “เนี่ยมอมอ อุ้มองค์ชายน้อยไปไว้อีกด้าน”
เนี่ยมอมอขานรับ
ชีมอมอเห็นบรรยากาศไม่ชอบมาพากล ก็กลั้นหายใจ ได้ยินเสียงสตรีในม่านเตียงที่เพิ่งจะคลอดลูกลอยมาว่า “ชีมอมอวาดหวังไว้กับองค์ชายน้อยสูงเพียงนี้ เหตุใดจึงลงมืออำมหิตกับเขาบนเตียงคลอดเล่า”
ประโยคนี้จบลง เนี่ยมอมอก็ตกใจ หรือว่าที่เหม่ยเหรินคลอดยากเพราะโดนแม่นางชีทำร้ายเข้า
ชีมอมอสมองแล่นฉับไว ไม่กล้าโกรธเกรี้ยว “เหตุใดเหม่ยเหรินจึงกล่าวเช่นนี้เพคะ บ่าวมะ…ไม่เข้าใจที่ท่านพูด…”
“กินบนเรือนขี้บนหลังคา ยังจะกล้าเถียงข้างๆ คูๆ อีก” ชูซย่าเอ่ยเสียงเย็น “ยาช่วยคลอดถูกเจ้าสับเปลี่ยนกลายเป็นยาห้ามคลอด ทาไปบนปากมดลูกแล้ว จะทำให้ปากมดลูกปิด เด็กออกมาไม่ได้ แม่ก็จะมีอันตราย วิธีอำมหิตที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว บอกมา เป็นใครให้เจ้าทำเช่นนี้!”
ชีมอมอเห็นคนตรงหน้ารู้อย่างกระจ่างแจ้ง ไหนเลยจะปิดบังไว้อีก แข้งขาอ่อนยวบ คุกเข่าลงกับพื้นโดยพลัน “บ่าวผิดไม่แล้ว! เป็นฮุ่ยเฟิยส่งคนมาบังคับบ่าวให้ทำเพคะ…บ่าวก็จนปัญญาเช่นกัน…ขอเหม่ยเหรินและแม่นางชูซย่าให้โอกาสแก่บ่าวอีกสักครั้งด้วยเถิด บ่าวจะไม่ทำผิดอีกแน่นอนเพคะ!”
“ถุย!” ชูซย่าถ่มน้ำลายใส่หน้านาง เห็นนางยอมรับออกมาแล้วก็หันกลับไปเอ่ยว่า “เช่นนั้นบ่าวกับฉีไหวเอินจะเอาตัวนางไปให้ทางเหนียนกงกง ให้ฝ่าบาทลงโทษ”
“เดี๋ยวก่อน” อวิ๋นหว่านชิ่นมองชีมอมอที่ตัวสั่นเทาเหมือนฝัดข้าว หากนำตัวชีมอมอคนนี้ไปให้ทางฝ่าบาท ให้ตายอย่างไรเจี่ยงอวี๋ก็ไม่ยอมรับแน่ แม้ว่าจะกล้าจัดการมอมอคนนี้ แต่คงมีการรับมือในภายหลังเช่นกัน หากยอมอ่อนข้อให้ เจี่ยงอวี๋ปิดบังไว้ไม่ได้ ยอมรับสารภาพ ฝ่าบาทจะทรงลงโทษเจี่ยงอวี๋ให้ถึงตายหรือ
คำตอบคือใช่ เป็นไปได้มากว่าจะไม่ทำเช่นนั้น
แม้พระองค์จะให้เกียรตินาง และปกป้องนางอยู่ แต่เด็กคนนี้ อย่างไรเสียก็มิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์
อย่างไรเสียเจี่ยงอวี๋ก็เป็นคนเก่าคนแก่ของตงกง และมีคุณงามความดีต่อพระองค์ ยามนี้ยังมีตำแหน่งที่สูงที่สุดในวังหลังอย่างฮุ่ยเฟยอีก
พระองค์ไม่มีทางทำร้ายคนที่ไว้ใจข้างกายเพื่อลูกชายของฉินอ๋องได้หรอก อย่างมากก็แค่ลงโทษเล็กๆ น้อยๆ กำชับไม่ให้ทำผิดอีก คงไม่ลงโทษเจี่ยงอวี๋หนักแน่นอน
หากวันนี้ฉีกหน้า แต่โจมตีเจี่ยงอวี๋ไม่ได้ เจี่ยงอวี๋จะต้องเอาคืนอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจอะไรอีกแน่
ดังนั้นแล้ว ความเสี่ยงของการทูลฟ้องเรื่องนี้ นางไม่อาจเสี่ยงได้
อวิ๋นหว่านชิ่นไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “เรื่องนี้เอาไว้ก่อน คิดเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้น”
ชูซย่าคิ้วกระตุก แต่เชื่อฟังคำสั่งของนายหญิงพยักหน้ารับ ชีมอมอปรีดายิ่ง คิดว่าอวิ๋นเหม่ยเหรินหวาดกลัวตำแหน่งของฮู่ยเฟย จึงฝืนทนอดกลั้น นึกว่าตนผ่านพ้นโทษแล้ว จึงรีบโขกหัวเหมือนจิกข้าวเปลือก “ขอบพระทัยเหม่ยเหรินเพคะ ต่อไปนี้บ่าวจะไม่ฟังคนอื่น…”
“จับชีมอมอไปถ่วงน้ำหลังเรือน” อวิ๋นหว่านชิ่นโพล่งขึ้น “คนไม่จงรักภักดี ข้าไม่กล้าใช้”
ชีมอมอรอยยิ้มแข็งค้างบนใบหน้า ร้องห่มร้องไห้ออกมายกใหญ่ “นายหญิงโปรดไว้ชีวิตด้วย…ท่านเว้นโทษให้บ่าวสักคราเถิด…”
ชูซย่าเลิกม่านขึ้น กวักมือให้ด้านนอก ฉีไหวเอินที่รออยู่นานแล้วจึงก้าวเข้ามา ฟาดมีดพกไปยังหลังคอชีมอมอ
ชีมอมอเสียงร้องหยุดลง แล้วล้มลงไป!
ฉีไหวเอินแบกชีมอมอไว้บนหลัง กำลังจะออกไป อวิ๋นหว่านชิ่นเอ่ยว่า “อย่าให้ใครเห็น ทำเหมือนว่านางก้าวพลาดตกน้ำไป”