ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 253.3 เสน่ห์ความงามเพิ่มมากขึ้น แยกออกจากกัน (3)
ดูท่าแล้วคังเฟยระบายอารมณ์ออกมาไม่น้อยทีเดียว แม้จะมิได้แตกหักกับเจี่ยงอวี๋ แต่ก็เกิดความคับแค้นใจไม่น้อยเช่นกัน
อวิ๋นหว่านชิ่นเงียบงันไม่เอ่ยคำใด อุ้มลูกชายขึ้นมาแนบกับแก้มน้อยนุ่มๆ บัวลอยน้อยหัวเราะคิกคักออกมา
ในชั่วขณะที่อุ้มลูกขึ้นมานั้น แขนเสื้อก็ร่นลง เผยให้เห็นข้อมือขาวผ่องครึ่งหนึ่ง รอยแดงเล็กๆ ที่แต่งแต้มยังไม่จางหายไป ตัดกันกับผิวขาวหิมะชัดเจนอย่างยิ่ง ชูซย่าอดจะเอ่ยขึ้นไม่ได้ว่า “ไม่เป็นไรแล้วหรือเจ้าคะ หลายวันเข้าไปแล้ว ยังไม่หายดีอีก” เพื่อมิให้คังเฟยเกิดความสงสัย ตอนนั้นนายหญิงจึงทาเกสรดอกไม้ไปด้วย หลายวันก่อนตุ่มลายเต็มตัว ไม่กี่วันมานี้จึงค่อยจางลง แต่ก็ยังมีรอยอยู่ ยังไม่หายไปจนหมด
อวิ๋นหว่านชิ่นเหลือบมองรอยแดงบนข้อมือ “ไม่เป็นไรหรอก” นางเว้นไปครู่หนึ่ง “ชูซย่า เจ้าไปทักทายปราศรัยแทนข้าที ดูว่าทางด้านคังเฟยหายดีหรือยัง หากยังไม่หาย บอกไปว่าข้ามีสบู่อาบน้ำดอกไม้ที่ระงับอาการคันและรักษาตุ่ม ข้าหายไปกว่าครึ่งแล้ว เดิมทีให้คังเฟยมาหาคงไม่เหมาะ ควรจะเป็นข้าที่ไปถวายยาให้เอง แต่ยานั่นเป็นของเหลวที่คั้นจากดอกไม้สดที่เด็ดในสวนที่นี่ เพื่อรักษาความสดใหม่ไว้ คังเฟยมาอาบเองจะดีที่สุด ถือโอกาสนั่งเล่นที่นี่ให้ข้าได้รับใช้ได้ด้วย”
ชูซย่ารู้ดีว่าควรจะพูดเช่นไร จึงขานรับแล้วไปจัดการ…
อวิ๋นหว่านชิ่นเรียกตัวฉีไหวเอินให้เข้ามา ขนตาขยับไหว “เจ้าไปหาเหนียนกงกง หากวันนี้ฝ่าบาทราชกิจเสร็จสิ้นแล้ว หากมีเวลาว่าง ข้าอยากจะทูลเชิญฝ่าบาทเสด็จมาหอเหยาไถหลังค่ำไปแล้ว”
“หา” ฉีไหวเอินตกใจ แต่เห็นนายหญิงเอ่ยเสียงเข้มขึ้นว่า “ไป”
ย่ำค่ำมาถึง ราตรีคล้อยลง เสียงรายงานว่าสวีคังเฟยมาถึงแล้วดังขึ้นจากด้านนอกหอเหยาไถ
อวิ๋นหว่านชิ่นนำนางกำนัลมารออยู่ด้านล่างระเบียงนานแล้ว เห็นเงาร่างอันคุ้นเคยคลุมเสื้อกันลมลายผีเสื้อล้อมดอกเหมยเป็นก้นหอยปรากฏขึ้น จึงสาวเท้าเข้าไปต้อนรับ คำนับให้อย่างคล่องแคล่ว
สวีคังเฟยมองสวนดอกไม้เล็กๆ ที่บุกเบิกที่ว่างเปล่าเพื่อเพาะปลูกภายในลานบ้าน “ที่นี่ของเจ้าราวกับคนละโลกจริงๆ เป็นที่ที่เงียบสงบไม่น้อยเลย ทางด้านข้ากับฮุ่ยเฟยดูแล้วคึกคักสีสันเจริญตา แต่ก็ไม่มีเอกลักษณ์เท่าที่นี่ของเหม่ยเหรินที่สามารถรกร้างถางพงทำสวนในที่พักแห่งนี้ได้ วังหลังมีเพียงเจ้าคนเดียว สุดท้ายฝ่าบาททรงยังคงสงสารเหม่ยเหรินอยู่”
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นนางแม้จะมาแล้ว แต่ก็ยังมีเจตนาการเป็นศัตรูอยู่ จึงยิ้มบาง “คังเฟยล้อกันเล่นแล้วเพคะ มีเอกลักษณ์ที่ไหนกัน ที่นี่ถูกหม่อมฉันทำจนกลายเป็นเหมือนสวนไร่ในชนบทเท่านั้นเอง คังเฟยสูงส่ง เสด็จมาหอเหยาไถด้วยตัวเอง เป็นหม่อมฉันที่เนรคุณไร้คุณธรรมเสียจริง”
เบื้องล่างระเบียงแสงไฟส่องสว่าง สวีคังเฟยเห็นใบหน้ารูปไข่ของนางขาวดั่งหยก ลำคอและบนแขนที่เผยออกมาก็สะอาดสะอ้าน ผื่นได้หายไปนานแล้ว ฟื้นตัวได้ดีกว่าตนอย่างมาก น้ำดอกไม้ที่ใช้อาบนั่นน่าจะไม่เลวทีเดียว น้ำเสียงจึงอ่อนโยนขึ้นมาไม่น้อย “ในเมื่อน้ำดอกไม้นั่นต้องเด็ดสดๆ คั้นสดๆ ข้าจึงได้มาด้วยตัวเอง ก็มิได้เป็นเรื่องใหญ่อันใด ลองดูกันเถิด”
ที่วันนี้มาหาด้วยตัวเอง หนึ่งเพราะได้ยินมาว่ายาของนางที่นี่มีผลดีชะงัด สองก็เพราะกลัวว่าเจี่ยงอวี๋จะรู้ว่าแม่นางอวิ๋นมาหาตนด้วยตัวเอง รู้ว่าตนได้พบปะกับแม่นางอวิ๋น จะไม่พอใจเอาได้ แม้หลังจากเรื่องในครานี้ สวีคังเฟยจะมีโทสะต่อเจี่ยงอวี๋ขึ้นในใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นแตกหักกัน ดังนั้นจึงใช้เวลาหลังค่ำพาสาวใช้คนสนิทแอบมาหา
อวิ๋นหว่านชิ่นเดินนำสวีคังเฟยเข้ามาในห้อง นั่งลงกันก่อน ให้คนไปรินสุราหวานมา จากนั้นก็สั่งให้ชูซย่าพานางกำนัลไปเด็ดดอกไม้สดในสวนมาคั้นเป็นน้ำ แล้วเอาไปต้มให้ร้อน เอ่ยขึ้นว่า “คังเฟยรอสักครู่ ดื่มสุราหวานไปก่อน อบอุ่นร่างกายแล้วค่อยอาบน้ำ ให้เลือดลมหมุนเวียน ผลลัพธ์จะดีกว่าเดิมมากเพคะ”
สวีคังเฟยพออกพอใจกับการรับใช้ของนางมาก สีหน้าก็ไม่บูดบึ้งเหมือนตอนที่เพิ่งจะเข้ามา ก่อนหน้านี้ที่มุ่งเป้าไปยังอวิ๋นหว่านชิ่นเป็นเพราะช่วยเจี่ยงอวี๋ ไม่ได้มาออกมาจากใจจริง ยามนี้ท่าทางจึงได้ดีขึ้นมามาก หางตาเหลือบมองพินิจนาง “มิน่าเล่าฝ่าบาทจึงได้มองเจ้าเป็นของล้ำค่า แบกรับความกดดันเพื่อปกป้องเจ้าเอาไว้ ที่แท้อวิ๋นเหม่ยเหรินก็เป็นคนที่เอาใจใส่ดูแลคนเพียงนี้นี่เอง”
ภายใต้แสงโคม อวิ๋นหว่านชิ่นน้ำเสียงถ่อมตน “เหตุใดคังเฟยจึงต้องเอาหมวกใบใหญ่เพียงนี้มาให้หม่อมฉันใส่เหมือนฮุ่ยเฟยด้วยเพคะ ของล้ำค่าอันใดกัน ฝ่าบาทมาหอเหยาไถน้อยครั้งจนนับนิ้วได้ ต่อให้เป็นของล้ำค่า เช่นนั้นก็ต้องเป็นฮุ่ยเฟยแล้ว ฝ่าบาทมิได้เสด็จมาวังหลังนาน พอเสด็จมาก็ไปหอถงกวงเลย”
สวีคังเฟยได้ยินเรื่องที่ทำให้ตนเดือดดาลอีกครั้ง สีหน้าก็อึมครึม หัวเราะเยาะออกมาเบาๆ
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นมันอยู่ในสายตา นางก้มหน้าเอ่ยเสียงเบาว่า “หม่อมฉันพลั้งปากไปเพคะ ไม่เพียงแค่ฮุ่ยเฟยเท่านั้น คังเฟยย่อมเป็นคนสำคัญในสายตาของฝ่าบาทเช่นกัน แต่ว่าครานี้…น่าเสียดายอยู่เล็กน้อย คังเฟยบังเอิญมีผื่นขึ้นพอดี หากไม่มีล่ะก็ ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถทำให้คังเฟยขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งก็ได้”
สวีคังเฟยยิ่งโกรธเคืองขึ้นมาในใจมากกว่าเดิม แต่ความโกรธของตนที่มีต่อเจี่ยงอวี๋ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจให้แม่นางอวิ๋นเห็นเข้าได้ เช่นนั้นจะไม่โดนหัวเราะเยาะเอาหรือไร จึงจำต้องระงับมันเอาไว้ เอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ข้าจะไปเปรียบเทียบกับฮุ่ยเฟยได้อย่างไร นางอยู่ที่ตงกงก็ลำดับขั้นสูงกว่าข้าขั้นหนึ่งแล้ว ยามนี้ดูแลวังหลัง ได้รับการพึ่งพาจากบรรดาสนม ยิ่งทำให้ข้าเทียบมิได้” น้ำเสียงกลับมีความอิจฉาแฝงไว้
“คังเฟยช่างดูถูกตัวเองจนเกินไปแล้วเพคะ ตำแหน่งฮุ่ยเฟยสูงส่ง แต่คังเฟยก็ไม่ได้ต่างกันเท่าใดเลย ยิ่งไปกว่านั้นมีจุดหนึ่ง ที่ฮุ่ยเฟยเทียบมิได้ คังเฟยมีองค์หญิงองค์โตให้แก่ฝ่าบาท” อวิ๋นหว่านชิ่นหัวเราะเบาๆ “อีกอย่าง ยามนี้ผู้ที่ดูแลวังหลัง นอกจากฮุ่ยเฟยแล้ว ท่านก็ด้วยเช่นกันนี่เพคะ เหตุใดจึงได้ลืมตัวเองไปได้เล่า”
จะว่าไปแล้ว สวีคังเฟยก็ยิ่งเดือดดาล นางร่วมดูแลดูแลวังหลังกันกับเจี่ยงอวี๋แค่ในนาม แต่พอจัดการดำเนินการล้วนเป็นนางทั้งสิ้น ผู้ที่ได้รับคุณงามความดีและรางวัลล้วนเป็นเจี่ยงอวี๋ อย่างเช่นงานเลี้ยงเล็กครั้งนั้นเมื่อก่อนหน้านี้ ตื่นแต่เช้าทำงานหนัก จัดวางสุราผลไม้ล้วนเป็นนางทั้งสิ้น บรรดาสนมของฝ่าบาทกลับขอบคุณเจี่ยงอวี๋เป็นเสียงเดียวกัน
ก่อนหน้านี้เดิมทีคิดว่าไม่เป็นไร ใครให้เจี่ยงอวี๋ตำแหน่งสูงกว่าตนขั้นหนึ่งเล่า
พอแม่นางอวิ๋นเอ่ยถึงขั้นมา กลับทำให้โทสะของสวีคงเฟยที่ระบายออกมามิได้ยิ่งลุกโชนขึ้นมา
พูดได้ถูกต้อง ตนมีอันใดสู้เจี่ยงอวี๋ไม่ได้กัน สวีคังเฟยโศกเศร้าอาดูร ดูจากวันคืนที่เคียงข้างฝ่าบาท ตนมาก่อนเจี่ยงอวี๋ ดูจากลำดับขั้น นางอาศัยท่านป้าผีฮองเฮาที่ตายไป จึงสูงกว่าตนอยู่นิดหน่อยเท่านั้น อย่างไรเสียก็มิได้ห่างชั้นกันเกินไป
ที่สำคัญก็คือ ดีร้ายอย่างไรตนก็มีองค์หญิงให้ฝ่าบาท แล้วเจี่ยงอวี๋เล่า แม้กระทั่งไข่ยังไม่มีเลย
มีสิทธิอันใดมาโดนนางกดเอาไว้
อวิ๋นหว่านชิ่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสวีคังเฟยอยู่เงียบๆ แล้วไม่ได้พูดอันใดอีก เห็นเพียงชูซย่าเข้ามา จึงได้ลุกขึ้น “เตรียมน้ำร้อนเสร็จแล้วเพคะ เชิญคังเฟยเสด็จเข้าห้องเถิด”
สวีคังเฟยเก็บอารมณ์ไว้ ส่งเสียงอืมคำหนึ่ง แล้วเดินไปทางด้านใน
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นนางโดนนางกำนัลพาเข้าไปแล้ว จึงมองไปด้านนอกหน้าต่างที่แง้มไว้เล็กน้อย ตรงประตูหลักที่ตรงข้ามกันกับหอเหยาไถ
นางลุกขึ้น เป่าเทียนทั้งหมดภายในห้องให้ดับ ให้คนดับไฟระเบียง แล้วให้นางกำนัลที่รับใช้ทั้งหมดกลับไปที่ห้องตัวเอง
ทั่วทั้งหอเหยาไถตกเข้าสู่ความมืดมิดไปทั้งบริเวณ ได้ยินเพียงเสียงน้ำดังขึ้นในห้องเบาๆ คงเป็นสวีคังเฟยที่ถอดเสื้อผ้าลงน้ำแล้ว ลอดผ่านช่องหน้าต่างบางๆ จะเห็นเงาร่างสตรีที่สะท้อนลงบนผืนหน้าต่างลางๆ
ดวงเดือนเคลื่อนคล้อย ประตูใหญ่มีเสียงฝีเท้าและแสงโคมของวังหลวง นางรู้อยู่ในใจ ฝ่าบาทเสด็จมาแล้ว จึงไม่ลังเลอีกต่อไป หันหลังเดินไปห้องข้างๆ หลังเรือนอย่างเงียบๆ
คืนนี้จะยกห้องหลักไว้ให้พวกเขา
พอพระองค์เห็นว่าไม่ใช่นาง จะต้องตกใจแน่ แต่นางกลับเชื่อในตัวสวีคังเฟย สตรีในวังหลังคนนี้ ได้มีโอกาสเข้าใกล้ฝ่าบาทอย่างหาได้ยากยิ่ง นางจะต้องทำทุกวิถีทางแน่นอน