ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 254.5 เลี้ยงธิดาบุญธรรมหวังจะได้โอรส แอบเซ่นไหว้ผู้วายชน (5)
- Home
- ยอดหญิงอันดับหนึ่ง
- ตอนที่ 254.5 เลี้ยงธิดาบุญธรรมหวังจะได้โอรส แอบเซ่นไหว้ผู้วายชน (5)
กล่าวจบ เจี่ยงอวี๋ก็ลุกขึ้น ธุระวันนี้เป็นอันเสร็จสิ้น นับได้ว่าได้วางเรื่องหนักใจลงแล้ว ในขณะที่กำลังจะออกจากตำหนักคนตายแห่งนี้ ด้านหลังกลับมีลมเย็นเยียบพัดมา
นางตกตะลึง ชะงักฝีเท้าโดยพลัน ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดมากไปหรือไม่ มีเสียงฝีเท้าเดินมา ทันใดนั้นนางก็ตกใจจนคุกเข่าลงไปโขกหัว “ท่านป้า ข้าทำขนาดนี้แล้ว ท่านยังจะเอาอันใดอีก ท่านอย่ามาปรากฏตัว…”
ยังพูดไม่ทันจบ กลับรู้สึกถึงความเย็นบริเวณลำคอ คล้ายมีคนมาบีบไว้ เจี่ยงอวี๋อกสั่นขวัญกระเจิง ไม่สนใจว่าจะโดนใครพบเข้า ในขณะที่กำลังจะกรีดร้องออกมา แรงที่บีบก็หนักขึ้น สติพลันดับลง ล้มตึงลงไป
คนด้านหลังเห็นนางไม่รู้สึกตัวก็แบกนางขึ้นมา วางกลับไปยังด้านข้างกระดาษเงินและธูปเทียนที่ค่อยๆ มอดดับกองนั้น
กดจุดนี้เอาไว้ เกรงว่าพรุ่งนี้ตะวันโด่งแล้วก็ยังไม่ได้สติคืนมา
บุรุษคนนั้นมองสตรีที่นอนอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง แล้วออกจากประตูด้านข้างของตำหนักเฟิ่งจ๋าไปอย่างรวดเร็ว พอออกมาได้ไกลแล้วฝีเท้าก็ค่อยๆ ช้าลง ราวกับไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นมาก่อน
องครักษ์ที่ลาดตะเวนยามวิกาลเห็นเขาเข้าก็เอ่ยทักว่า “องครักษ์เฉินคืนนี้ก็เข้าเวรเหมือนกันหรือ”
เฉินจ้าวสีหน้ายังคงเหมือนเดิม ไร้อารมณ์ใดปรากฏ ทำเพียงแค่ส่งเสียงอืมคำหนึ่ง แล้วค่อยๆ เดินไปช้าๆ พอห่างจากองครักษ์คนนั้นมาแล้วจึงได้สาวเท้าเร่งรีบไปยังบริเวณหนึ่งของวังอันเงียบสงบไร้ผู้คนที่มีไว้ยืนเฝ้ายามให้ยามกะกลางคืนได้แลกเปลี่ยนเวรกันและพักผ่อน
ด้านข้างที่เฝ้ายาม ชูซย่ารออยู่นานแล้ว เห็นคนมาก็รู้ว่าทำธุระเรียบร้อย เฉินจ้าวทำงานในวัง วันนี้แลกเวรกลางคืนเข้าวังมาลาดตะเวน แล้วไปจัดการเจี่ยงอวี๋ที่ตำหนักเฟิ่งจ๋าทำได้อย่างง่ายดายยิ่ง เช่นนั้นก็รอดูละครดีในวันพรุ่งนี้ได้แล้ว ชูซย่าเดินเข้าไปหา “ลำบากใต้เท้าเฉินแล้ว บ่าวขอบคุณใต้เท้าเฉินแทนนายหญิงยิ่งเจ้าค่ะ”
นางกับตน แต่ไหนแต่ไรมามีอันใดให้ต้องขอบคุณกัน เฉินจ้าวเอ่ยเพียงว่า “ดึกมากแล้ว กลับไปเถิด จะได้ไม่โดนใครพบเข้า”
“เจ้าค่ะ” ชูซย่ารีบหันหลังจากไป
วันรุ่งขึ้น ลานกว้างหน้าวัดบรรพชน บรรดาสนมของวังจุดธูปอาบน้ำตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง รวมตัวกันมาถึงงานแต่ไม่เห็นฮุ่ยเฟย
เห็นว่าตะวันขึ้นสูงเรื่อยๆ แล้ว เหนียนกงกงเห็นสีพระพักตร์ฝ่าบาทดูไม่ได้ขึ้นเรื่อยๆ ก็อยู่ไม่สุข ฮุ่ยเฟยนางนี้ เหตุใดจึงมาสายในเวลานี้เอาเสียได้
ในขณะนั้นเอง นางกำนัลที่ไปเชิญฮุ่ยเฟยที่ตำหนักถงกวงก็เดินกลับมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าตื่นตระหนก กระซิบรายงานว่า “เหนียนกงกง ฮุ่ยเฟยไม่อยู่ที่ตำหนักถงกวง ถามสาวใช้ข้างกายแล้ว บอกว่ามิได้กลับตำหนักมาทั้งคืนเจ้าค่ะ”
“ว่าอย่างไรนะ!” เหนียนกงกงตกใจยกใหญ่ “ฮุ่ยเฟยไปไหน เหตุใดจะออกไปไหนมาไหนจึงไม่พาใครไปด้วยเล่า”
นางกำนัลคนนั้นเหมือนยากจะยั้งปากไว้ได้ ขยับไปข้างหูเหนียนกงกง “สาวใช้บอกว่าฮุ่ยเฟยไม่ให้ใครตามไปด้วย ออกไปข้างนอกในยามวิกาลคนเดียว ก่อนจะไปยังให้นางเตรียมเทียนแท่งกับกระดาษเงิน…”
นี่เห็นได้ชัดว่าไปกราบไหว้คนตาย อีกทั้งยังแอบลับๆ ล่อๆ ด้วย จะไปไหว้ใครกัน อีกไม่กี่วันก็เป็นวันครบรอบวันสิ้นพระชนม์ของเจี่ยงฮองเฮาแล้วมิใช่หรือ
เหนียนกงกงกระจ่างทันใด ขมวดคิ้วมุ่น สั่งว่า “ไปหาที่ตำหนักเฟิ่งจ๋า!”
พอหันหน้ากลับมา เห็นฝ่าบาทที่อยู่บนบันไดได้ยินอย่างชัดแจ้ง สีพระพักตร์พังทลายลง เงียบงันไม่เอ่ยคำใด
หลังจากนั้นสองเค่อ[1] ประตูใหญ่ของลานตำหนักก็มีเสียงฝีเท้าทยอยกันมา บรรดาสนมหันไปมองตามเสียง พอมองไปก็ต่างประหลาดใจ พากันซุบซิบขึ้นมา
เห็นฮุ่ยเฟยโดนนางกำนัลพยุงเข้ามา อย่าว่าแต่อาบน้ำจุดธูปไว้ล่วงหน้าก่อนเลย ยามนี้กระทั่งผมเผ้าก็กระเซอะกระเซิง ชุดทางการก็มิได้สวมใส่ ทั่วทั้งร่างไม่เรียบร้อย แค่ดูก็รู้ว่าลนลานรีบมา ไม่พูดถึงที่เปลือยกายไม่เคารพต่อผู้วายชน ดูท่าแล้วยังหลับสะลึมสะลืออยู่เลย ระหว่างทางเดินมาสองขาสั่นไหว เหมือนเพิ่งจะโดนคนฝืนปลุกให้ตื่น!
บรรดาสนมและนางกำนัลไม่กล้าหายใจแรง มาสายก็แล้วไปเถิด นึกไม่ถึงว่ายังมาด้วยสภาพเช่นนี้อีก การเซ่นไหว้วันนี้ กระทั่งฝ่าบาทยังตื่นบรรทมมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่แจ้ง ให้ความสำคัญยิ่งต่อการกราบไหว้พระมารดาในปีแรกอย่างผ่าเผย
แต่ฮุ่ยเฟยนางนี้…กลับกระทำตรงกันข้าม ไม่คิดเลยว่าจะเหยียบย่ำเรื่องสำคัญที่สุดของฝ่าบาทได้
คนบนบันไดสีพระพักตร์อึมครึมเหมือนสภาพอากาศที่ใกล้จะมีลมพายุฝนกระหน่ำ กระทั่งเหนียนกงกงยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ทำเพียงรีบตะหวาดว่า “ฮุ่ยเฟย รีบมาเข้าแถว ใกล้จะได้เวลาเซ่นไหว้แล้ว!”
ทว่าได้ยินคนบนบันไดตรัสเสียงเข้มว่า “ไปเจอฮุ่ยเฟยที่ใด”
นางกำนัลที่พาเจี่ยงอวี๋มาเห็นสีพระพักตร์ฝ่าบาทไหนเลยจะกล้าปิดบัง จำต้องตอบไปตัวสั่นว่า “ตำหนักเฟิ่งจ๋าเพคะ”
เสียงหัวเราะเย็นชาดังขึ้น เสียงของพระองค์ยิ่งเย็นเยียบกว่าเดิม “ฮุ่ยเฟยไปทำอันใดที่ตำหนักเฟิ่งจ๋ารึ”
“ดูเหมือนว่าฮุ่ยเฟยจะไปเผากระดาษเงินมาทั้งคืน ร่างกายคงไม่ไหว เป็นลมยะ…อยู่หน้าที่ตั้งโลงพระศพของฮองเฮาพระองค์ก่อนเพคะ” นางกำนัลเอ่ยตอบแต่โดยดี
บรรดาสนมพลันซุบซิบกันขึ้น ฝ่าบาทกับฮองเฮาพระองค์ก่อนมีความสัมพันธ์กันอย่างไรใครบ้างจะไม่ทราบ ฮุ่ยเฟยแอบไปเซ่นไหว้เจี่ยงฮองเฮาเป็นการส่วนตัวก็ช่างเถิด ยังไม่ให้ความเคารพลืมเวล่ำเวลาของพระมารดาหยวนของฝ่าบาทเพราะเจี่ยงฮองเฮาอีก!
เจี่ยงอวี๋คุกเข่าลงโดยพลัน สมองยังไม่ได้สติแจ่มชัด แต่รู้ซึ้งว่าโทษทัณฑ์ใหญ่มาจ่อรอแล้ว “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะด้วย หม่อมฉัน หม่อมฉัน…” ในหัวยุ่งเหยิงไปหมด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี รู้เพียงแค่ตนติดหลุมพรางเข้าให้แล้ว ทว่าก็ไร้หลักฐานอีก กระทั่งเป็นใครที่ทำร้ายตนกันแน่ และทำร้ายตนอย่างไรก็ยังไม่รู้ อีกทั้ง ต่อให้บอกไปแล้วจะมีประโยชน์ใด ตนได้ทำฝ่าบาทมีโทสะเข้าให้แล้วจริงๆ
เจี่ยงอวี๋ทรุดตัวลง อ่อนยวบลงมา
“ฮุ่ยเฟยแอบเซ่นไหว้คนตายโดยการส่วนตัว ผิดกฎของวังหลวง ทั้งยังเสียมารยาทมาช้าในวันเซ่นไหว้เซี่ยวฮุ่ยเซิ่งจวงเลี่ยฮองไทเฮาอีก กักบริเวณไว้ที่ตำหนักถงกวง ไร้ราชโองการก็ห้ามออกมา” บุรุษบนบันไดสีพระพักตร์รังเกียจ ไม่อยากให้นางมาทำให้พิธีเสีย จึงโบกหัตถ์ให้คนส่งเจี่ยงอวี๋กลับไป
ภายในวันเดียว ข่าวคราวที่เจี่ยงอวี๋ทำให้ฝ่าบาทกริ้วและสูญเสียอำนาจก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งวังหลวง
ลงโทษโดยการกักบริเวณ แม้ว่าจะยังมีพระสมัญญานามอยู่ แต่ลดขั้นจากฮุ่ยเฟยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวังหลังยามนี้เหลือเพียงผิน[2] ลำดับขั้นเดียวกันกับมารดาแท้ๆ ของเซี่ยวเอ๋อร์อย่างหลานผิน
เนื่องจากเสียกิริยามารยาทอย่างใหญ่หลวง ไม่เหมาะจะดูแลวังหลัง ผู้รับผิดชอบดูแลวังหลังจึงตกเป็นของสวีคังเฟย
เรียกได้ว่าเจี่ยงอวี๋ตกจากสวรรค์มาสู่นรกภายในคืนเดียว
ชูซย่ากลับไปรายงานที่หอเหยาไถเสร็จก็ส่ายหน้า “ดูท่าแล้วฝ่าบาทยามนี้จะกริ้วหนักไม่น้อยเลย”
อวิ๋นหว่านชิ่นกลับไม่แปลกใจ ฝ่าบาทแก้แค้นให้พระมารดา กระทั่งไม่เสียดายชีวิตที่จะตาต่อตาฟันต่อฟันกันกับเจี่ยงฮองเฮา ตำแหน่งของพระสนมหยวนในใจพระองค์ไม่ต้องคิดก็รู้ ยามนี้เจี่ยงอวี๋ไปล่วงเกินในที่ที่ไม่อาจแตะต้องของพระองค์เข้า จะไม่กริ้วได้อย่างไร ไม่สังหารนางไป ณ ที่นั้นก็เรียกได้ว่าเห็นแก่ที่นางเป็นคนเก่าคนแก่อยู่มานานหลายปีแล้ว
ในขณะนั้นเอง สาวใช้คนสนิทของสวีคังเฟยก็มาหา บอกกับอวิ๋นหว่านชิ่นว่า เพราะการกระทำไร้มารยาทนี้ ไม่เหมาะจะดูแลองค์หญิง องค์หญิงติ้งอี๋จึงกลับไปยังสำนักลูกยาเธอ กลับไปเลี้ยงดูในนามฮุ่ยเฟยดังเดิม
“เหนียงเหนียงให้บ่าวมาขอบคุณอวิ๋นเหม่ยเหรินโดยเฉพาะเพคะ” สาวใช้เอ่ยอย่างเคารพนบนอบ “ยามนี้คังเฟยไม่หวาดกลัวนางอีกต่อไปแล้ว แต่นี้ไปหากมีเรื่องใดก็จะมาปรึกษาหารือกับอวิ๋นเหม่ยเหริน อวิ๋นเหม่ยเหรินมีเรื่องลำบากใด คังเฟยก็จะออกหน้าให้ท่าน”
อวิ๋นหว่านชิ่นแอบยิ้มอยู่ในใจ สวีคังเฟยคิดจะดึงตนเข้ามาอยู่ด้วย ตนเพียงแค่จะแยกเจี่ยงอวี๋กับสวีคังเฟยออกจากกันเท่านั้น ทำลายความเย่อหยิ่งผยองในความยิ่งใหญ่ในวังหลังของเจี่ยงอวี๋ลง เจี่ยงอวี๋จะได้ไม่มาทำร้ายตนอีก ไหนเลยจะคิดไปขอพึ่งใคร ยิ่งไม่เคยเสนอให้ใครมาสร้างพรรคสร้างพวกในวังหลัง จึงเอ่ยไปว่า “เตือนเหนียงเหนียงของเจ้าให้หาโอกาสไปตำหนักถงกวง เปลี่ยนธูปที่ทำให้คนหมดสติออกมาก็พอ นานวันไปเกรงว่าจะโดนพบเข้า”
ดอกท้อมอมเมาเซียนในสวนสองเค่อ[3] ดอกแกะสองเค่อ รวมกับอ้างเรื่องที่บัวลอยน้อยป่วยไข้ ไปสำนักแพทย์หลวงขอชวนอูกับเฉ่าอูที่ใช้แก้ปวดและลดไข้มาอย่างละสองเค่อ ตากให้แห้งบดเป็นผงผสมกับธูปไล่มดหรือกำยานล้วนไร้ฤทธิ์ของพิษแม้แต่น้อย ทว่ามีฤทธิ์เป็นยานอนหลับได้
————————
[1] เค่อ 1 เค่อ 15 นาที
[2] ผิน สนมเอก
[3] เค่อ (หน่วยตัวงของจีน) กรัม