ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 263.2 สมรสพระราชทานร่วมกัน ปมในใจของแม่นางหัน (2)
การกระทำนี้ของฝ่าบาทได้ประโยชน์เป็นหมื่นเท่าเสียยิ่งกว่าหลังจากอวี้เหวินผิงตายลงแรงกำลังจนถึงที่สุดไปล้างตระกูลอวี้ทั้งตระกูลเสียอีก ภายใต้การตักเตือนสั่งสอนของผู้นำตระกูลคนใหม่ ไม่ช้าก็เร็วตระกูลอวี้ก็จะค่อยๆ กลายเป็นมือเท้าของฮ่องเต้พระองค์ใหม่
ทางด้านครอบครัวฝั่งพระมารดาของฝ่าบาทนั้นเนื่องจากทัวป๋าจวิ้นได้รับการข่มเหงจากเจี่ยงฮองเฮาตั้งแต่แรกเริ่มจึงปกปิดตัวตนและชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริง หลังจากแต่งงานแล้วก็ใช้ชีวิตปกติธรรมดาทั่วไป พอฝ่าบาทขึ้นครองราชย์แล้ว ก็กลับราชสำนักตามฝ่าบาท เปลี่ยนแซ่สกุลใหม่อีกครั้ง ถูกแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองพันหน้าซ้ายขวาควบตำแหน่งขุนนางฝ่ายทหารแห่งนครหลวง และมอบตำแหน่งปั๋วเจวี๋ย[1] พร้อมกับพระราชทานจวนปั๋วเจวี๋ยให้ ภรรยาเย่ว์อู่เหนียงร่วมเฝ้ารักษาการณ์กับสามี จึงพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นฮูหยิน
ซือเหยาอันดำรงตำแหน่งองครักษ์ใหญ่ ลำดับขั้นหนึ่ง รับผิดชอบขึ้นตรงต่อฮ่องเต้โดยตรง พระราชทานคฤหาสน์ให้นอกวัง ที่นาพันฉิ่ง[2] คนรับใช้หลายร้อย แต่เนื่องจากตำแหน่งนี้เทียบเท่ากับผู้บัญชาการองครักษ์ข้างกายของฮ่องเต้ เวลาส่วนใหญ่จึงพักอยู่ในวังหลวง ติดตามอยู่ข้างกายฝ่าบาท
อีกทั้ง ก่อนฝ่าบาทจะขึ้นครองราชย์ คนรับใช้และสมาชิกในจวนอ๋องที่อยู่ที่เขตส่านซีก็มาถึงเมืองหลวงแล้วเช่นกัน ได้ถูกจัดให้พักในวัง
ชุยอินหลัวลูกพี่ลูกน้องของฝ่าบาทที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในจวนฉินอ๋องมาตั้งแต่เด็กก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นตันหยางจวิ้นจู่ เนื่องจากยังไม่ถึงวัยออกเรือน จึงเลี้ยงดูภายในวังชั่วคราว พระราชทานพี่เลี้ยง แม่นม มอมอ นางกำนัลจำนวนมาก พำนักอยู่ที่ตำหนักฉางหวา
แม่นางหันสนมจวนฉินอ๋องเข้าพำนักยังตำหนักเซียนจวีของวังหลวงพร้อมองค์หญิงที่เกิดในเขตปกครองส่านซี รอเพียงเวลาอีกไม่นานที่จะจัดพิธีแต่งตั้งบรรดาศักดิ์
เทียบกับแม่นางหันแล้ว ยามนี้คนในวังให้ความสนใจกับสตรีอีกท่านในวังหลังยิ่งกว่าเสียอีก
หลังจากฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ สตรีวังหลังของหลงชังฮ่องเต้แทบทั้งหมดได้ย้ายเข้าตำหนักไทเฟย และอารามแม่ชีของราชวงศ์เป็นต้น เนื่องเพราะหลงชังฮ่องเต้ดำรงตำแหน่งไม่นาน อย่าว่าแต่ฮองเฮาเลย กระทั่งบรรดาชายาสนมที่ลำดับขั้นสูงๆ ยังมีน้อยนิด คนในวังหลังจึงเรียกได้ว่าไม่มาก ดังนั้นจึงจัดการได้อย่างว่องไว มีเพียงคนเดียวที่กลับอยู่ในสายตาของบรรดาคนในวัง แอบดิ้นรนหลงเหลืออยู่…นั่นคืออวิ๋นเหม่ยเหรินแห่งหอเหยาไถ
เพราะใกล้จะเข้าวังหลังของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ไม่เหมาะจะใช้คำเรียกว่าเหม่ยเหรินอีกแล้ว ก่อนที่จะถูกแต่งตั้ง บรรดาคนในวังจึงเรียกนางว่า ‘ฮูหยิน’
นี่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องพะวงสักนิด ไม่ว่าใครก็ต่างรู้ถึงฐานันดรก่อนหน้านี้ของแม่นางอวิ๋น แต่ว่าต่างพากันคาดเดาอยู่ว่านางจะโดนแต่งตั้งในตำแหน่งไหน
มีคนบอกว่า ยังไม่ต้องพูดถึงแม่นางอวิ๋นเคยเป็นเหม่ยเหรินของหลงชังฮ่องเต้มาก่อน ตามหลักการแล้ว สตรีที่รอการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ควรจะย้ายมายังตำหนักใหม่ รอราชโองการแต่งตั้ง ทว่าจนถึงบัดนี้กลุ่มแม่นางอวิ๋นทุกคนกลับยังคงอยู่ที่หอเหยาไถ ก็แสดงว่าฝ่าบาททรงไม่ให้ความสำคัญเท่าใดแล้ว บางทีอาจมีตำแหน่งสูงได้ไม่เท่าสนมหันผู้นั้นก็เป็นได้
บางคนกลับไม่เห็นด้วย ก็เพราะแม่นางอวิ๋นเคยเป็นเหม่ยเหรินของหลงชังฮ่องเต้นี่แหละ ฝ่าบาทจึงไม่ถือสา ยังคงรับนางเข้าวังหลัง ก็หมายความว่าทรงรู้สึกพิเศษต่อแม่นางอวิ๋น ในเมื่อรู้สึกพิเศษ แล้วจะคิดแบบวิธีปกติได้อย่างไร พระทัยฮ่องเต้เหมือนเข็มในมหาสมุทร
คนรับใช้ในวังหลังต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานาอย่างสนุกสนาน แอบพนันเล็กๆ กันอย่างลับๆ ใช้เงินเดือนในวังหลวงหลายปีมาเดิมพันกันว่าสุดท้ายแล้วสตรีนางนั้นแห่งหอเหยาไถจะได้อยู่บรรดาศักดิ์ใด
หากแต่ในความเป็นจริงแล้ว ก่อนซย่าโหวซื่อถิงจะแต่งตั้งยังคงทำตามเดิม เดิมทีอยากจะเปลี่ยนที่พำนักที่คึกคักกว่านี้ให้สองแม่ลูก ได้เลือกสถานที่ที่สวยงามติดภูเขาลำธารแห่งหนึ่งภายในวังหลังไว้ให้แล้ว แต่จนใจที่บัวลอยน้อยอยู่หอเหยาไถจนชินเสียแล้ว ถูกแม่นมอุ้มไปลองเปลี่ยนสภาพแวดล้อมวันแรกก็ร้องไห้ทึ้งหูทึ้งหน้า จนคอน้อยๆ แหบแห้งไปหมด แทบเหมือนโดนเปลี่ยนให้ไปอยู่ในคุกอย่างไรอย่างนั้น อวิ๋นหว่านชิ่นสงสาร และหักใจทิ้งสวนดอกไม้ที่เพิ่งปลูกออกดอกผลไปไม่ลง
การที่ซย่าโหวซื่อถิงให้สองแม่ลูกเปลี่ยนตำหนักที่พำนักก็เป็นความรู้สึกส่วนตัวเช่นกัน หอเหยาไถอยู่ค่อนข้างห่างไกล ยังห่างวันแต่งตั้งอีกประมาณหนึ่ง ไปหานางไม่ค่อยสะดวก เห็นได้ชัดว่าเจ้าหนูน้อยหากความต้องการไม่สำเร็จก็จะไม่ลดละ จึงจำต้องล้มเลิก เด็กคนนี้มาทำให้เขาแอบลักหยกขโมยบุปผากับมารดาเด็กน้อยได้ยากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้แล้ว ยังแต่งตั้งเกาจ๋างสื่อให้เป็นหัวหน้ากองกิจการภายใน ส่วนหมออิงขุนนางแพทย์ของจวนอ๋องเข้าสำนักแพทย์หลวง กลายเป็นเพื่อนร่วมหน่วยงานกับเหยากวงเหย้า
บรรดาสนมที่ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนพระราชทานให้เลี้ยงไว้ในมุมไกลๆ อันเยือกเย็นและเงียบเหงาในจวนฉินอ๋อง ซย่าโหวซื่อถิงก็เชิญขุนนางหนุ่มระดับธรรมดาสองสามคนที่ยังไม่ได้แต่งงานให้มาหน้าตำหนัก ให้แต่ละคนเลือกหญิงงามที่ตนพอใจ รับหญิงงามกลับจวนไปเป็นภรรยา หรือไม่ก็อนุ กระทั่งเป็นสาวใช้ ก็สุดแล้วแต่พวกเขา
ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้ด้วยพระองค์เอง มีใครตาถั่วกล้าให้นางมาเป็นอนุหรือสาวใช้บ้าง
ดังนั้น บรรดาสนมของจวนฉินอ๋องที่แห้งมาหลายปีจนจะกลายเป็นปลาเค็มแล้ว ก็ได้กลายมาเป็นภรรยาหลวงกันทุกคน แม้จะสูงส่งล้นฟ้าสู้จวนอ๋องและในวังหลวงไม่ได้ แต่ก็พอที่จะคู่ควรกับการเป็นภรรยาของบรรดาทหารขุนนาง และนี่ก็โชคดีมากแล้ว
สมรสพระราชทานรวมครั้งนี้ ไม่เพียงซื้อใจบรรดาขุนนางทหารระดับล่างของเมืองหลวงเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นเรื่องราวดีๆ อีกด้วย
สาวใช้ข้างกายคนสนิททั้งสี่ตำหนักฉุยหมิงของพระสนมเอกเฮ่อเหลียนมาจากจวนฉินอ๋อง หลังนายหญิงสวรรคต เดิมทีได้มอบหมายให้ไปรับใช้ที่ตำหนักชิงเหลิ่งของตำหนักไทเฟย หลังจากฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ก็ถูกเรียกให้มาแต่งงานด้วย
ซย่าโหวซื่อถิงจับคู่ไม่เก่ง ก่อนหน้านี้มอบสนมให้แก่ขุนนางทหารระดับล่างพวกนั้นก็ให้พวกเขาเลือกกันเอาเอง เหมือนกับสุ่มเอาอย่างไรอย่างนั้น ไม่ออกแรงสมองเลยสักนิด ยามนี้สาวใช้ทั้งสี่กลับไม่เหมือนบรรดาสนมเหล่านั้น อย่างไรเสียก็เป็นคนที่เคยปรนนิบัติรับใช้นายหญิงในวังหลวงมาก่อน ฐานะสูง คุณสมบัติ หน้าตา ความสามารถของแต่ละคนโดดเด่นกันทั้งสิ้น ปณิธานจึงใหญ่กว่ามาก ไหนจะชิงฉานอีก กระทั่งยังมีน้องสาวฝาแฝดของหมออิงอีก จับคู่ให้ไม่ดี ยังจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของกษัตริย์และขุนนาง ด้วยเหตุนี้ ซย่าโหวซื่อถิงจึงมอบเรื่องผูกด้ายแดงนี้ให้กับเกาจ๋างสื่อให้แอบไปให้อวิ๋นหว่านชิ่นจัดการ
อวิ๋นหว่านชิ่นอาศัยจังหวะอากาศดีๆ ในวันนี้ เรียกสาวใช้ทั้งสี่มายังทะเลสาบข้างหอเหยาไถ แล้วเชิญเมี่ยวเอ๋อร์มาปรึกษาด้วยกัน
ทั้งสองสนุกสนานกันไม่น้อย แยกกันวิเคราะห์รายชื่อขุนนางที่ฝ่าบาทส่งให้มาทีละแผ่น
ชิงฉาน หลานถิง จื่อซวงและชื่อสยาทั้งสี่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยใบหน้าแดงก่ำ แต่ก็แอบมองรายชื่อด้วยความสนใจใคร่รู้เช่นกัน ดูว่าตัวเองจะชะตาต้องกับผู้ใด
ในรายชื่อทั้งสี่คนล้วนเป็นขุนนางในเมืองหลวงที่เอนเอียงมาทางฝ่าบาท หลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว ก็ล้วนได้เลื่อนตำแหน่ง แม้ว่ายามนี้ตำแหน่งของบางคนจะยังไม่เรียกได้ว่าโดดเด่น แต่คนหนุ่มมีกำลัง ตำแหน่งขุนนางก็คือศักยภาพที่ไม่มี่สิ้นสุด ภายหน้าจะต้องมีอนาคตที่ยาวไกลมากแน่
อวิ๋นหว่านชิ่นเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของเฉินจ้าวมาโดยตลอด สาวใช้ของพระสนมเอกเฮ่อเหลียนทั้งสี่นั้นความสวยและความสามารถล้วนครบครัน มีประสบการณ์ความรู้มาก่อน มีความสัมพันธ์อันดีต่อราชวงศ์ ซ้ำครานี้ยังเป็นท่านอ๋องพระราชทานสมรสให้ หากจับคู่ให้เฉินจ้าว จะไม่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อพวกนางแน่นอน ดังนั้นจึงอยากจะเหลือเอาไว้คนหนึ่ง นางจึงบอกความตั้งใจของตัวเองกับเมี่ยวเอ๋อร์ เอ่ยว่า “เจ้าว่าพี่ใหญ่เฉินจะชอบใคร คนไหนเหมาะสมกับเขามากกว่ากัน”
เมี่ยวเอ๋อร์ฟังจบก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าว่าไม่ว่าคนไหนก็ไม่เหมาะ”
“เอ๋” อวิ๋นหว่านชิ่นคิดไม่ถึงว่าแค่พูดขึ้นก็ถูกเมี่ยวเอ๋อร์ปัดตกไป
เมี่ยวเอ๋อร์มองไปยังสตรีทั้งสี่โดยรอบ น้ำเสียงฟังดูเหมือนเป็นกลางไม่เข้าข้างใคร “ใต้เท้าเฉินนิสัยอย่างไรเจ้ากับข้าล้วนกระจ่างแจ้งดี อย่างกับก้อนหินอย่างไรอย่างนั้นแหน่ะ เป็นคนเก็บอารมณ์เกินไป ซ้ำยังไม่เข้าใจหลักประเพณี และไม่ค่อยชอบเอาใจใส่ดูแลเท่าใดด้วย สตรีทั่วไปเกรงว่าจะคุยกับเขาได้ยาก หลานถิงนั้นแค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนเปิดเผยร่าเริง ย่อมไม่เหมาะกันแน่ ชิงฉานทั้งใสซื่อบริสุทธิ์และขี้กลัว เป็นคนที่ไม่มีข้อคิดเห็นใด ควรจะจับคู่กับสามีที่ปกป้องดูแลนางไว้กลางฝ่ามือ รักการต่อสู้ฝึกยุทธ เดิมทีเรียกได้ว่ามีปณิธานที่ตรงกันกับใต้เท้าเฉินอยู่ จนใจที่นิสัยเหมือนกับใต้เท้าเฉินทุกอย่าง เงียบงันพูดน้อย แต่ไหนแต่ไรมาไม่ชอบแสดงออก สองคนนี้มาอยู่ด้วยกัน อาจจะไม่พูดไม่จากันเป็นสิบวันครึ่งเดือนเลยก็ได้ ส่วนจื่อซวงแค่มองก็รู้ว่ารักษากฎระเบียบ ก็เหมาะสมอยู่ แต่อายุน้อยที่สุดนี่สิ ห่างกับใต้เท้าเฉินอยู่มาก บุรุษโตกว่าสตรี เดิมทีก็ปกติอยู่แล้ว แต่ห่างกันสามปี คู่สามีภรรยาห่างกันสามปีก็มีมากมาย…แต่ว่าอายุสามีภรรยาพอๆ กันค่อนข้างสมบูรณ์แบบมีสุขกว่า”
———————
[1] ปั๋วเจวี๋ย ขุนนางขั้นสาม
[2] ฉิ่ง (หน่วยที่ดินของจีน) 1 ฉิ่ง เท่ากับ 66,666.67 ตารางเมตร