ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 264.2 ซาลาเปาพูดคุยกัน ยับยั้งขุนนางที่ปรึกษา (2)
“ตวนเจี่ยร์…” หันเซียงเซียงร้อนรนจนเหงื่อแตก รีบนั่งยองๆ ลง กลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับลูก ขอบตาก็แดงก่ำ
ถุย ช่างเป็นตัวซวยเสียจริง หลี่ว์ชีเอ๋อร์ถุยออกมา แต่ก็จำต้องนั่งยองๆ ลงไปด้วย
บัวลอยน้อยเห็นตวนเจี่ยร์ล้ม ก็สูดหายใจลึก เบิกตากลมโตมอง อวิ๋นหว่านชิ่นสั่งว่า “ยังไม่ไปดูเด็กอีกว่าเป็นอย่างไร”
ชูซย่าเข้าใจทันที พาขันทีน้อยทั้งสองเดินไปดูตวนเจี่ยร์ เอ่ยว่า “เหตุใดมือเท้าพระสนมจึงไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้ อุ้มเด็กอยู่ก็ทำให้ล้มได้ โชคดีที่พื้นหญ้าหนา องค์หญิงจึงปลอดภัย แต่เหมือนว่าจะได้รับความตกใจ อย่าเพิ่งให้เดินไปไหนเลย ปลอบก่อนเถอะ”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์รีบเอ่ยว่า “แม่นางชูซย่าพูดถูกเจ้าค่ะ”
หันเซียงเซียงถลึงตาใส่หลี่ว์ชีเอ๋อร์ ทว่าก็จนใจ จำต้องพยักหน้าทั้งน้ำตา อุ้มลูกสาวขึ้นมา ลูบมือเท้าน้อยๆ ของนางไปพลาง ปลอบโยนนางบนพื้น
อวิ๋นหว่านชิ่นเดินไปหา สายตาตกอยู่ที่ตวนเจี่ยร์ในอ้อมอกหันเซียงเซียงที่หยุดร้องไห้ไปแล้ว
หันเซียงเซียงเห็นนางเดินมาใกล้ สีหน้าก็แข็งค้าง ทำเพียงกดศีรษะลูกสาวซ่อนไว้ในอก ปกป้องอย่างแน่นหนา เอ่ยเรียกเหมือนดังเก่าก่อน “ไม่ได้พบพระชายามานานมากแล้ว”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์เห็นหันเซียงเซียงเป็นเช่นนี้ ในใจก็แทบจะกระอักเลือด
อวิ่นหว่านชิ่นสายตายังคงอยู่บนร่างตวนเจี่ยร์ไม่ย้ายไปไหน “ไม่มีใครเรียกเช่นนี้มานานแล้ว” หยุดเว้นไปครู่หนึ่ง “เด็กคนนี้ดูๆ แล้วผ่ายผอมนัก แต่ก็รู้ความไม่น้อย ล้มแรงเพียงนั้นปลอบครู่เดียวก็หายแล้ว”
หันเซียงเซียงเห็นนางสนใจต่อลูกสาว ก็อุ้มลูกไว้แน่นกว่าเดิมโดยยากจะสังเกตเห็นได้ ก้มหน้าลง “แค่เด็กน้อยที่ไม่มีประโยชน์อันใดเท่านั้นเพคะ”
“พระสนมอย่าดูถูกลูกสาวเช่นนี้ ราชวงศ์ต้าเซวียนของเรา เดิมทีสตรีก็ต่ำกว่าชาย หากกระทั่งมารดาแท้ๆ ของตัวเองยังดูถูก นั่นก็ช่างน่าโศกเศร้าเกินไปแล้ว” อวิ๋นหว่านชิ่นวางบัวลอยน้อยลง แล้วชี้ไปยังตวนเจี่ยร์ที่กำลังมองลูกชายตนอย่างสนใจใคร่รู้ “ไปเล่นกับพี่สาวตัวน้อยดีหรือไม่”
บัวลอยน้อยพร้อมลุยอยู่นานแล้ว พอเท้าแตะพื้นก็เดินเตาะแตะโซเซอยู่สองสามก้าว หลังจากฝีเท้ามั่นคงแล้ว ก็สาวเท้าไปหาตวนเจี่ยร์
ตวนเจี่ยร์ก็ตื่นเต้นยิ่ง โวยวายจะลงมา หันเซียงเซียงจนใจ จำต้องปล่อยลูกสาวลง
ซาลาเปาน้อยทั้งสองใช้ภาษาของตัวเองที่คนอื่นฟังไม่รู้ค่อยรู้เรื่องมาสื่อสารกันสักพัก ครู่ต่อมาก็สนิทกันแล้ว นั่งอยู่บนเบาะสีเขียวเล่นต้นไม้ใบหญ้า
บัวลอยน้อยเดิมทีก็ร่าเริงอยู่ไม่สุกอยู่แล้ว ยามนี้ยิ่งคึกคักกว่าเดิม ถอนหญ้ามาต้นหนึ่งส่งให้ตวนเจี่ยร์ พูดด้วยน้ำเสียงเด็กน้อยอย่างจริงจังว่า “!@#$%^&*…”
ตวนเจี่ยร์รับมา ดีใจจนใบหน้าดวงน้อยแดงก่ำ รีบพยักหน้า “อื้ม !@#$%^&*…”
ด้านข้าง บรรดานางกำนัลที่ยืนเฝ้าทั้งสองคนอยู่ไม่ไกล เจินจูหัวเราะออกมา “พี่ชูซย่า บัวลอยน้อยวันนี้พูดเก่งเสียจริง ดูท่าแล้วจะมีความสุขมากทีเดียว”
“แต่ไม่รู้ว่ากำลังพูดอันใดอยู่” ชูซย่ายิ้มเอ่ย
หลี่ว์ชีเอ๋อร์เบ้ปาก ส่งเสียงถุยออกมา พึมพำอยู่สองคำว่า มารหัวขนที่สถานะกระอักกระอ่วนคนหนึ่ง ยังเอามาเป็นโอรสล้ำค่าเสียได้ มีเพียงฝ่าบาทถูกภูตผีมัวเมาจิตใจเห็นแม่นางอวิ๋นเป็นยอดดวงใจ จึงได้รักไปถึงลูกด้วย เด็กนั่นจึงได้ดีเข้า
ฉิงเสวี่ยสังเกตุเห็นก็สะกิดชูซย่า
ชูซย่าเหลือบไปมอง เดินไปหา หลี่ว์ชีเอ๋อร์รีบเก็บปากเก็บคำ ปากยิ้มตาไม่ยิ้ม “แม่นางชูซย่า ไม่พบกันนานเลยเจ้าค่ะ”
“นั่นน่ะสิ ไม่พบกันนานเลย” ชูซย่าแย้มยิ้ม โน้มตัวลง จงใจเอ่ยว่า “สองปีมานี้แม่นางชีเอ๋อร์ร่างกายแข็งแรงดีหรือ”
ประโยคนี้มีสองความหมาย หลี่ว์ชีเอ๋อร์จะฟังไม่ออกได้อย่างไร ยาพิษอะไรกัน หลังจากเรื่องนั้นนางเคยให้คนตรวจดู วันที่จวนอ๋องรับสนมเข้ามา นางถูกชูซย่าป้อนเข้าไปในท้องนั่น เป็นแค่ปาโต้ว[1]เท่านั้น ซ้ำยังทำเอาตนตกอกตกใจหวาดกลัวอยู่หลายวัน จนถึงเขตส่านซีจึงกล้าไปหาหมอให้มาตรวจทั่วทั้งร่างกาย
นางกัดฟัน ฝืนเผยรอยยิ้มออกมา พลางยืดอก “ลำบากแม่นางชูซย่าเป็นห่วงแล้ว ร่างกายข้าแข็งแรงดี ต่อไปนี้ก็ยิ่งแข็งแรงมากขึ้นไปอีก” สายตาเหลือบมองหันเซียงเซียงที่อยู่เบื้องหน้าคล้ายมีคล้ายไม่มี มุมปากหยักยกขึ้น
“โอ้ ที่พึ่งใหญ่โตไม่น้อยนี่นา” ชูซย่าแกล้งเย้า
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ฟังคำเหน็บแนมออก สีหน้าก็เหยเก ยังไม่ทันจะตอกกลับไป ชูซย่าก็ขยับมาใกล้หูเสียก่อน “…ในเมื่อมีที่พึ่งแล้ว เช่นนั้นก็พึ่งอย่างสงบเสงี่ยมเสีย อย่าได้บุ่มบ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือ หากกล้าเคลื่อนไหวในวังหลวงเพียงนิดล่ะก็ จะไม่ใช่แค่ป้อนยาง่ายๆ แค่นั้นแล้ว”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ได้ยินนางเตือนตน ก็รู้สึกน่าขัน ตอกกลับไปว่า “เจ้าข่มขู่ข้าในจวนอ๋องก็แล้วไปเถิด แต่ในวังหลวงแห่งนี้มีสิทธิอันใดมาพูดเช่นนี้กับข้า นายหญิงข้าเป็นพระสนมที่ถูกต้องของฝ่าบาท แม่นางชูซย่าอย่าได้คิดว่าคนที่เจ้ารับใช้อยู่จะยังคงเป็นพระชายาฉินอ๋องสิ ภายหน้าราชโองการออกมาแล้ว นายหญิงของเราทั้งสองก็ยังไม่แน่ว่าใครจะใหญ่กว่ากัน”
ชูซย่าไม่โกรธ ทำเพียงแววตาแฝงความท้าทายมากขึ้นเท่านั้น “มีสิทธิอันใดน่ะรึ ก็สิทธิที่ข้าอยู่ในวังหลวงมากกว่าเจ้าปีครึ่งแล้วอย่างไรเล่า คนอย่างเจ้าน่ะ ข้าเห็นมานักต่อนัก จุดจบมีเพียงอย่างเดียว ก็คือตาย แต่วิธีการตายมีร้อยพันอย่าง ไม่เหมือนกันก็เท่านั้นเอง เป็นอย่างไรเล่า จะให้ข้าบอกเจ้าทีละอย่างหรือไม่”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์เหงื่อเย็นท่วมเต็มหลัง นางมองไปยังฉิงเสวี่ยกับเจินจูที่เดินเข้ามา ได้ คนเดียวสู้สามคนไม่ได้ นางจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เดินห่างออกมาหลายก้าว เลี่ยงพวกนางไป
ฉิงเสวี่ยกับเจินจูเดินมาหา มองหลี่ว์ชีเอ๋อร์ที่ใบหน้าแดงแวบหนึ่ง แล้วส่ายหน้า เอ่ยกับชูซย่าว่า “หลี่ว์ชีเอ๋อร์นี่ ตั้งแต่ไปเขตปกครอง ไม่มีเจ้ากับพระชายาอยู่ก็ยิ่งไม่สงบเสงี่ยม หากมิใช่เพราะแม่นางหันถูกฝ่าบาทจัดให้ไปอยู่สวนไผ่เพื่อรอคลอดล่ะก็ เกรงว่าจะทำเรื่องร้ายกาจกว่านี้อีก ต่อให้ขังอยู่ในสวนไผ่ นางก็อยู่ไม่สุข ใช้ความเชื่อใจที่แม่นางหันมีต่อนาง เห็นใครขัดหูขัดตาก็เรียกบ่าวไพร่มาตี แอบหักเงินอย่างลับๆ ใช้หน้าที่การงานของตัวเองหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เอาตัวเองมาเป็นนายอีกคนไปแล้ว แม่นางหันนั่นเดิมทีก็อ่อนแอ พึ่งพานางกึ่งหนึ่ง อีกกึ่งหนึ่งก็ไร้สามารถจะไปคุมนางไว้ได้ ดังนั้นส่วนใหญ่จึงให้ท้ายส่งเสริม…พี่ชูซย่ายังจำสาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวถงที่ติดตามแม่นางหันแต่งเข้าจวนคนนั้นได้หรือไม่ มีวันหนึ่งทะเลาะขัดแย้งกันกับหลี่ว์ชีเอ๋อร์นั่น หลี่ว์ชีเอ๋อร์นั่นเจ้าอารมณ์มากนัก หลังจากบีบคอเสี่ยวถงนั่นตายก็โยนลงในบ่อน้ำ แม่นางหันแม้จะทั้งร้องไห้ทั้งด่าว่าไปหลายยก แต่ก็ปล่อยไปให้มันจบ ดังนั้น จึงยิ่งทำให้นิสัยของหลี่ว์ชีเอ๋อร์ยิ่งกำเริบเสิบสานขึ้นกว่าเดิม”
ชูซย่าขมวดคิ้ว “นึกไม่ถึงว่าแม่นางหันจะปล่อยหลี่ว์ชีเอ๋อร์เช่นนี้ ข้าจำได้ว่าเสี่ยวถงคนนั้นเติบโตมาด้วยกันกับแม่นางหัน ความสัมพันธ์นายบ่าวดียิ่ง หลี่ว์ชีเอ๋อร์โหดเหี้ยมเช่นนี้ ไม่คิดว่าแม่นางหันจะไม่ลงโทษ”
“ใครจะไปรู้ล่ะ บางทีหลี่ว์ชีเอ๋อร์อาจจะเอาอกเอาใจแม่นางหันให้หายแล้วก็ได้” ฉิงเสวี่ยจิ๊ปาก
ห่างไปเบื้องหน้าไม่กี่ก้าว อวิ๋นหว่านชิ่นกำลังมองบัวลอยน้อยและตวนเจี่ยร์นั่งยองๆ กับพื้นวาดวงกลมด้วยแววตาอ่อนโยน การสนทนาของสาวใช้ด้านหลังได้ยินอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ฟังมาถึงตรงนี้ก็ใจกระตุก หันเซียงเซียงต่อให้อ่อนแอกว่านี้ ต่อให้ไม่ชอบหลี่ว์ชีเอ๋อร์กว่านี้ ก็ไม่ถึงขั้นปกป้องคนรับใช้ที่เพิ่งจะมาติดตามตัวเองหรอก ปล่อยปละหลี่ว์ชีเอ๋อร์เช่นนี้ กลับไม่เหมือนการเอ็นดูหลี่ว์ชีเอ๋อร์เพียงอย่างเดียว เหมือนกับ…หลี่ว์ชีเอ๋อร์กุมจุดอ่อนของนางเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
หากเป็นเช่นนั้นจริง จุดอ่อนนั่นจะเป็นอะไร
สายตาอวิ๋นหว่านชิ่นจ้องไปบนร่างตวนเจี่ยร์อย่างสงสัย สมองโลดแล่น ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องรับสนมที่คืนนั้นเยี่ยนอ๋องบุกห้องหอขึ้นมาได้
อันที่จริงสำหรับฐานันดรของตวนเจี่ยร์ ก่อนหน้านี้ตอนหันเซียงเซียงเพิ่งจะเข้าวังมา นางก็อยากจะถามท่านอ๋องอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไม ทุกครั้งที่เห็นเขามาหอเหยาไถ คำอยู่ปลายลิ้นแล้วกลับถามไม่ออก กลัวว่าเขาจะบอกว่าตนเดาผิด บอกตนว่าตวนเจี่ยร์เป็นลูกสาวของเขา
——————————-
[1] ปาโต้ว สมุนไพรที่ใช้ทำเป็นยาถ่าย