ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 265.2 ผู้บงการเบื้องหลัง เยี่ยนอ๋องปฏิเสธสองแม่ลูก (2)
“จริงรึ” หลี่ว์ชีเอ๋อร์ตกใจ หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ หันเซียงเซียงก็จะยิ่งเทียบอวิ๋นหว่านชิ่นไม่ได้น่ะสิ
“จริงสิ ไทฮองไทเฮาทรงอนุญาตแล้ว วันนี้ กระทั่งขุนนางที่ปรึกษาพวกนั้นยังโน้มน้าวฝ่าบาทไม่ได้ ทุกคนต่างยอมจำนนแล้ว” สาวใช้เอ่ย “เด็กผู้ชายคนนี้ ก็อาศัยบารมีมารดา กลายเป็นองค์ชายสุดที่รักของฝ่าบาทแล้ว”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “มีเช่นนี้ด้วยหรือ” เดิมทีกลับเมืองหลวงมาครานี้ยังหวังว่าจะพลิกฐานะตัวเอง สุดท้ายยังจะโดนพวกอวิ๋นหว่านชิ่นกดลงต่ำอีกหรือ ภายหน้าพอเจอชูซย่าเข้าก็ยังต้องหลบพวกนางอีกอย่างนั้นรึ!
นางเหลือบมองบัวลอยน้อยที่ท่าทางกำยำน่าเอ็นดูบนพื้นหญ้าแวบหนึ่ง หมัดกำอย่างแนบแน่น
สาวใช้เห็นสีหน้านางแทบจะพังทลายลงอยู่รอมร่อ ก็หรี่ตาลง เออออตามนางไปว่า “นั่นน่ะสิ น่าโมโหนัก แม้จะบอกว่าองค์หญิงของพวกเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง แต่นางต่างหากที่เป็นองค์หญิงใหญ่แท้ๆ ที่ถูกต้อง มารหัวขนนั่นนับว่าเป็นอันใดได้ ก็แค่ลูกติดไม่ใช่หรือไร พวกสาวใช้ของหอเหยาไถอาศัยมารหัวขนนี่ ทำตัวหยิ่งจองหอง ซ้ำยังจงใจทำให้พี่ชีเอ๋อร์โมโหอีก ในใจบ่าวก็รับไม่ได้เช่นกันเจ้าค่ะ”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ได้ยินนางเหมือนว่ามีความคิดบางอย่างอยู่ “เจ้าคิดจะทำอันใด”
สาวใช้แอบส่งกระเป๋าปักไปให้ในมือนางอย่างเหมาะเจาะ “พี่ชีเอ๋อร์เอาสิ่งนี้ไป ถึงเวลานั้นเอาของข้างในออกมา วางไว้บนพื้นหญ้าข้างกายมารหัวขนนั่น จะต้องทำให้พี่ชีเอ๋อร์หายโมโหได้แน่”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์รับกระเป๋าปักมาลูบ รู้สึกด้านในอ่อนลื่นเป็นเส้นยาว ซ้ำยังขยับไหวในมืออีก นึกไม่ถึงว่าจะเป็นสัตว์มีชีวิต นางตกใจจนเกือบจะหลุดปากร้องออกมา “เจ้าบ้าไปแล้วรึ เกิดมีเรื่องร้ายอันใดขึ้น เรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาจะทำอย่างไร”
“วางใจได้ ไม่ตายหรอก งูนี้เป็นแค่งูเขียวตัวเล็กๆ ธรรมดาเท่านั้น ถอนเขี้ยวออกแล้ว ไม่มีพิษ ฆ่าไก่ยังใช้แค่มีดเชือด จัดการเด็กตัวเล็กๆ ยังต้องใช้งูมีพิษด้วยหรือ ขวัญหายไปหมดแล้ว เด็กน้อยรับความตกใจไม่ได้เป็นที่สุด ล้มป่วยไปไม่กี่วัน ก็สามารถทำให้พี่ชีเอ๋อร์หายโกรธได้แล้ว เกิดตกใจจนตาย เช่นนั้นก็ยิ่งดี ดูซิว่าหอเหยาไถพวกนั้นถึงเวลานั้นจะยังมีหมากอันใดมาโอ้อวดได้อีก แม่นางอวิ๋นเจ็บปวดใจจากการสูญเสียลูก กระทั่งหวงกุ้ยเฟยก็คงจะเป็นได้ไม่มั่นคง ไม่แน่ว่านายหญิงของเจ้าอาจจะมีโอกาสก็ได้” สาวใช้ชี้แนะอย่างจริงใจ
หลี่ว์ชีเอ๋อร์แม้จะกระเหี้ยนกระหือรือเพียงใด แต่ก็ไม่ถึงขั้นโง่จนถูกคนหลอกใช้ คิ้วเรียวขมวดมุ่น “เจ้าเป็นใครกันแน่ นายหญิงเจ้าคือผู้ใด เหตุใดพวกเจ้าจึงช่วยข้า!”
“นายของข้าแม้จะไม่ใช่คนในวัง แต่จากการที่สามารถเข้าออกวังหลวงได้ แม่นางชีเอ๋อร์ก็น่าจะเดาได้ว่าจวนของข้ามีตำแหน่งใดในราชสำนัก นายของข้า กระทั่งฝ่าบาทก็ยังต้องเคารพให้หลายส่วน และที่สำคัญก็คือ นายของข้าก็เหมือนแม่นางชีเอ๋อร์ ต่างมองพวกหอเหยาไถแล้วขัดหูขัดตา” สาวใช้เขย่งเท้าขยับใกล้ข้างหูหลี่ว์ชีเอ๋อร์ บอกชื่อออกมา
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ตกตะลึง ทว่าก็ยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม “นายของเจ้าเป็นศัตรูกันกับแม่นางอวิ๋นได้อย่างไร” ตามหลักการแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นน่าจะไม่เคยได้ทักทายกับคนๆ นี้มาก่อนด้วยซ้ำ
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่พี่ชีเอ๋อร์ต้องรู้แล้ว” สาวใช้ดวงตาขยับไหว กะพริบตาปริบๆ “อย่างไรเสียนายของข้าก็อยู่ฝั่งเดียวกันกับเจ้าแล้ว ก็ตามแต่ใจเจ้าแล้วกัน”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์เห็นสาวใช้คนนั้นคล้ายจะเอากระเป๋าปักคืน ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ยัดมันเข้าไปในแขนเสื้อเดินออกมาทันที แล้วกลับไปยังใต้ต้นถงตามเดิม
สาวใช้จ้องแผ่นหลังหลี่ว์ชีเอ๋อร์นิ่ง มุมปากหยักยก หันหลังเดินจากไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน
สักพักหนึ่ง หลี่ว์ชีเอ๋อร์ก็วางแผนเสร็จสรรพ ไปอุ้มตวนเจี่ยร์ขึ้นมาก่อน อาศัยจังหวะนี้ปล่อยงูลงบนพื้นหญ้าทำให้มารหัวขนเสียขวัญ คิดพลางเดินไปยังข้างกายของเด็กน้อยทั้งสอง นั่งยองๆ ส่งยิ้มตาหยีให้ตวนเจี่ยร์ “นายน้อยเล่นอยู่นานแล้ว ไปฉี่เสียหน่อยดีหรือไม่” พูดจบก็อุ้มตวนเจี่ยร์ที่กำลังเล่นติดลมได้ที่ขึ้นมา
ชูซย่า ฉิงเสวี่ยและเจินจูเห็นนางพาตวนเจี่ยร์ไปฉี่ก็ไม่ได้สนใจ หลี่ว์ชีเอ๋อร์อาศัยจังหวะที่พวกนางไม่สนใจ แขนเสื้อไหลลงด้านล่าง งูสีเดียวกันกับหญ้าตัวหนึ่งก็ส่งเสียง ‘ชี่’ กลิ้งลงบนพื้นหญ้า คิดไม่ถึงว่าระหว่างนั้นจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ตวนเจี่ยร์ที่เดิมทีไม่อยากเข้าห้องน้ำ เห็นหลี่ว์ชีเอ๋อร์อุ้มตนขึ้นมา ไหนเลยจะอยากไป ร้องไห้ออกมาเสียงดัง ร่างน้อยๆ ชี้ไปด้านล่างอย่างสุดชีวิต “ละ…ลง…จะลง…ฮือออ….จะลงไป…”
บัวลอยน้อยเห็นเพื่อนเล่นหาย ก็ร้อนใจ วิ่งไปข้างหน้า ยกมือป้อมๆ ขึ้น ตีขากางเกงของหลี่ว์ชีเอ๋อร์ พูดเป็นนกแก้วเลียนเสียงช่วยตวนเจี่ยร์ว่า “ลงไป!”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์เกือบจะเตะเขาออกอยู่รอมร่อ มารหัวขนนี่ ร้ายกาจไม่เบาทีเดียว แต่จำต้องใช้ใบหน้าปากยิ้มตาไม่ยิ้มเอ่ยกับเด็กน้อยบนพื้นว่า “องค์ชายน้อยเพคะ บ่าวจะพาตวนเจี่ยร์ไปฉี่ เด็กผู้หญิงทำกางเกงเปียกแล้วน่าอายมากนะ ใช่หรือไม่”
ยามนี้ อวิ๋นหว่านชิ่นกับหันเซียงเซียงได้ยินเสียงโวยวายสายตาก็มองไป
หันเซียงเซียงเห็นลูกสาวร้องไห้อย่างหนัก ก็ขมวดคิ้ว “นางไม่อยากไปก็ช่างเถิด วางนางลงให้เล่นต่อเสีย เจ้าหลีกไป”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์เห็นนายหญิงเอ่ยขึ้นก็จนปัญญา จำต้องปล่อยตวนเจี่ยร์ลง แล้วถอยไปอยู่อีกด้าน
ตวนเจี่ยร์พอเท้าแตะพื้นก็อดใจไม่ไหวกลับไปยังข้างกายบัวลอยน้อย เด็กน้อยทั้งสองนั่งยองๆ กันลงไปใหม่ เล่นกันต่อ
หันเซียงเซียงไม่เคยเห็นลูกสาวร่าเริงเท่าวันนี้มาก่อน ในใจก็เกิดหลากหลายอารมณ์ขึ้น หากตอนนั้นสามารถปล่อยวางไข้ใจที่ไร้การสมหวังลงได้ หาสามีที่ยินยอมพร้อมใจสักคน ก็คงไม่ถึงขั้นตกต่ำอย่างวันนี้ที่ต้องเฝ้าห้องหับอย่างเดียวดาย อย่างน้อยก็สามารถทำให้ลูกได้มีพ่อแท้ๆ ที่รักและปกป้องนางไว้ได้
แตงที่แข็งย่อมไม่หวาน นี่เป็นหลักสัจธรรมที่กระจ่างแจ้งตั้งแต่เล็กแท้ๆ เหตุใดจะต้องให้เจอตอเข้าก่อนจึงได้เข้าใจกันนะ
คำสั่งสอนของเยี่ยนอ๋องในตอนนั้นดังก้องวนอยู่ในแก้วหู เหตุใดจะต้องเสียเวลาไปทั้งชีวิตกับคนผู้หนึ่งที่ไม่ได้รักตนเลยสักนิดด้วย
ภายในหนึ่งร้อยก้าว ต้องมีหญ้าหอม แต่ตอนนั้นนางดันจิตใจโง่เขลา ฟังไม่เข้าหู
ความหมกมุ่นนี้ ทำร้ายตัวเองยังพอทำเนา แต่นี่ยังมาทำร้ายลูกสาวให้ไม่มีความสุขในวัยเด็กด้วย
หันเซียงเซียงจมดิ่งสู่อารมณ์ความคิด ขอบตาแดงก่ำ ในขณะนั้นเอง เสียงหวีดร้องของลูกสาวก็ลอยมา
นางหลุดจากภวังค์ มองไปเห็นก้นลูกสาวนั่งลงกับพื้นหญ้าเหมือนได้รับความตกใจเกินจะรับไหว เสียขวัญจนร้องไห้โยเยออกมา บัวลอยน้อยฟุบอยู่บนพื้น กำลังจ้องบางอย่างด้วยความสนอกสนใจ
ตรงกลางระหว่างเด็กทั้งสอง จู่ๆ ก็มีงูเขียวน้อยยาวราวๆ สี่ชุ่นขดอยู่ แล่บลิ้นส่งเสียง ‘ชี่ ชี่’ ออกมา หนังงูกับสีหญ้ากลืนเป็นสีเดียวกัน มองผ่านๆ แยกไม่ออกว่าเป็นหญ้าหรืองู
หันเซียงเซียงวิงเวียนศีรษะ กรีดร้องออกมา “ตวนเจี่ยร์…”
อวิ๋นหว่านชิ่นกลัวงูตัวนั้น ไม่กล้าเดินไปข้างกายบัวลอยน้อย แต่เห็นบัวลอยน้อยไม่มีวี่แววหวาดกลัวเลยสักนิด ซ้ำยังชี้งูยิ้มตาหยีมองมาทางมารดาอีก
ชูซย่าและคนอื่นๆ ตกใจจนหน้าถอดสี แต่ก็เหมือนกับนายหญิงที่ไม่กล้าขยับสุ่มสี่สุ่มห้า บัวลอยน้อยไหนเลยจะรู้ว่าคนอื่นๆ ต่างมีเหงื่อเย็นผุดซึม เขาคลานไปข้างหน้าอีกนิด ยกมือนุ่มนิ่มขึ้น คิดจะจับงูเขียวตัวนั้น ในขณะที่ทุกคนแทบจะกรีดร้องกันออกมานั้นเอง ด้านหลังก็มีฝีเท้าย่ำมา พอหันไปมอง ร่างน้อยๆ ของบัวลอยน้อยก็ลอยจากพื้นขึ้นมาอยู่บนอากาศ
ในชั่วขณะที่คนผู้นั้นอุ้มบัวลอยน้อยขึ้น เตะงูเขียวบนพื้นออกไปด้านนอกให้ไกล องครักษ์ข้างกายรีบไปจับงูเขียวเจ็ดชุ่นนั้นไว้
ทุกคนจึงได้วางใจลง และได้เห็นว่าฝ่าบาทเสด็จมา จึงรีบพากันคุกเข่าลง “ฝ่าบาท…”
มีเพียงหันเซียงเซียงที่ไม่สนใจ โซเซเข้าไปอุ้มลูกสาวมา สำรวจดูตั้งแต่หัวจรดเท้าว่าไม่โดนกัด “เจ็บตรงไหนหรือไม่ บอกแม่มา…”