ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 265.3 ผู้บงการเบื้องหลัง เยี่ยนอ๋องปฏิเสธสองแม่ลูก (3)
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ก็รีบร้อนเข้าไปเช่นกัน นางตรวจดูตวนเจี่ยร์ที่ร้องไห้ไม่หยุดด้วยกันกับนายหญิง แอบถ่มน้ำลายอยู่ในใจ ให้ตายเถอะ มารหัวขนนี่กลับใจกล้ามากนัก กลับทำให้องค์หญิงของตนขวัญเสียเสียเอง
อวิ๋นหว่านชิ่นสาวเท้าไปข้างกายซย่าโหวซื่อถิง เห็นบัวลอยน้อยในอ้อมอกเขาแม้จะงุนงงเล็กน้อย แต่ก็เห็นได้ชัดว่ายังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เขายังชี้ไปยังงูเขียวตัวนั้นในมือขององครักษ์ อือๆ อาๆ คล้ายกำลังบอกคนอื่นว่าตัวเองเจอของเล่นพิเศษเข้า
ซย่าโหวซื่อถิงตรวจดูบัวลอยน้อยครู่หนึ่ง ก็กระซิบว่า “ไม่เป็นไร” อวิ๋นหว่านชิ่นได้วางใจลง ได้ยินองครักษ์รายงานเสียงดังว่า “ฝ่าบาทวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ งูตัวนี้ไม่มีพิษ”
“ในสวนหลวงจะมีงูได้อย่างไร” ซย่าโหวซื่อถิงขมวดคิ้วมุ่น น้ำเสียงไม่พอใจ เหลือบมองสองแม่ลูกสกุลหันที่อยู่ไม่ไกล “ตวนเจี่ยร์ไม่เป็นไรกระมัง”
หันเซียงเซียงรีบอุ้มลูกสาวคุกเข่าลง “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเป็นห่วง ไม่เป็นไรเพคะ”
ซย่าโหวซื่อถิงดึงสายตากลับ ไม่ได้พูดอะไรอีก
ฉีไหวเอินเห็นสีหน้าฝ่าบาทก็สั่งไปว่า “ไม่รู้ว่าทำงานกันอย่างไร ไปเรียกนางกำนัลที่ดูแลสวนหลวงมาถาม!”
“ขอรับ” บรรดาองครักษ์รับคำสั่งแล้วออกไป
อวิ๋นหว่านชิ่นเหลือบมองงูเขียวในมือองครักษ์แวบหนึ่ง ดวงตาขยับไหวเล็กน้อย ได้ยินเสียงอ่อนโยนของบุรุษดังขึ้นข้างกาย “เป็นอันใดไปรึ ตกใจอยู่หรือ”
นางหันหน้าไปแย้มยิ้ม “ไม่เป็นไร” ซย่าโหวซื่อถิงเห็นว่าข้างกายล้วนเป็นคนรับใช้คนสนิทก็ไม่เคร่งครัดมาก มือหนึ่งอุ้มบัวลอยน้อย อีกมือโอบเอวนางเข้ามาในอ้อมอกเบาๆ แล้วเย้าว่า “ยังจะบอกว่าไม่ได้ตกใจอีกหรือ หน้าซีดหมดแล้ว ยังใจกล้าไม่เท่าบัวลอยน้อยเลย ใช่หรือไม่ บัวลอยน้อย”
บัวลอยน้อยยังคงสนใจงูตัวนั้นที่ค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยๆ ฟุบลงบนไหล่ของบิดา จ้องเงาร่างองครักษ์อย่างอาลัยอาวรณ์ ไม่ได้สนใจเลยสักนิด
ซย่าโหวซื่อถิงรู้สึกหมดสนุกขึ้น สีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย อวิ๋นหว่านชิ่นอดหัวเราะไม่ได้ ช่วยเขากู้หน้าโดยการอุ้มบัวลอยน้อยมา “ท่านอ๋องมาได้อย่างไรเจ้าคะ”
ซย่าโหวซื่อถิงส่งลูกชายให้ถึงมือนาง เหลือบมองหันเซียงเซียงสองนายบ่าวแวบหนึ่ง เอ่ยเพียงว่า “ฉีไหวเอิน เชิญแม่นางหันไปหอหมิงกวงด้านข้างด้วย”
อวิ๋นหว่านชิ่นฉงน กลับเห็นเขาก้มหน้าลงเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าก็ไปด้วยกันด้วย”
นางจงใจทำหน้าดุใส่ “แม่นางหันไป ข้าไม่ไป”
นี่จึงเป็นเรื่องที่เขาได้ฟังเมื่อครู่แล้วกังวลมาจนถึงตอนนี้ กลัวว่านางจะเข้าใจผิดเข้า
“ไม่ไปก็ต้องไป” เขาอาศัยจังหวะที่คนไม่สนใจ ตีบั้นท้ายนาง เอ่ยเร่งว่า “เร็วสิ”
นางตีมือเขา แล้วส่งบัวลอยน้อยไปให้ฉิงเสวี่ยกับเจินจูให้กลับไปหอเหยาไถก่อน แล้วไปหอหมิงกวงกับชูซย่า
ไม่ไกลกันนั้น หันเซียงเซียงปลอบลูกสาวเรียบร้อย ยามนี้เห็นฝ่าบาทกับแม่นางอวิ๋นอยู่ด้วยกันเหมือนครอบครัวสามคน ไหนเลยจะเหมือนฮ่องเต้ผู้สูงส่งและสนมที่ระมัดระวังสำรวม ทันใดนั้นก็ก้มหน้าลง น้ำตาหลั่งไหลพรั่งพรูลงมา นางรีบเช็ดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ส่งลูกสาวให้หลี่ว์ชีเอ๋อร์ แล้วเดินไปทางหอหมิงกวงเพียงคนเดียว
ณ หอหมิงกวง
เยี่ยนอ๋องถูกเรียกตัวเข้าวังมาจากจวน ก่อนถูกเรียกตัวบรรดากงกงนำมายังที่นี่ ยังรู้สึกแปลกๆ ไม่น้อย หากจะพูดคุยเรื่องทางการก็น่าจะไปที่พระที่นั่งอี้เจิ้งหรือไม่ก็ห้องหนังสือส่วนพระองค์สิ หากจะพูดเรื่องครอบครัวก็น่าจะไปตำหนักเฉียนเต๋อ เหตุใดจึงให้มาที่นี่เล่า
รออยู่ครู่ใหญ่ เยี่ยนอ๋องก็ได้ยินเสียงฝีเท้าบุรุษดังขึ้นจากหน้าประตู แค่ฟังก็รู้ว่าเป็นเสียงของเสด็จพี่ จึงรีบลุกขึ้นต้อนรับ “พี่สามเหตุใดเรียกน้องมาที่นี่เล่า…” เพราะความสัมพันธ์พี่น้องดีมาก ทั้งสองพบเจอกันจึงยังคงใช้คำเรียกดังเดิมอยู่
เพิ่งจะเอ่ยขึ้น เยี่ยนอ๋องกลับเห็นสีหน้าของบุรุษที่ก้าวเข้าประตูมาแปลกพิกลไป
ซย่าโหวซื่อถิงไม่ได้ขานรับ พอเข้ามาก็เอามือไพล่หลังนั่งลงไป
เยี่ยนอ๋องแปลกใจ เดินตามเขาไป “คงไม่ใช่ว่าแดนเหนือเกิดเรื่องขึ้นกระมัง หรือว่าในราชสำนักมีเรื่องที่จัดการยากหรือ”
ซย่าโหวซื่อถิงมองเขาอย่างอึมครึม “ทัพหน้าสงบอยู่ตอนนี้”
“เช่นนั้นไอ้ตาถั่วคนไหนมันคิดกบฏพี่สามเข้า!” เยี่ยนอ๋องเอ่ยด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม
ซย่าโหวซื่อถิงไม่ได้ปฏิเสธ
เยี่ยนอ๋องตบเข่าฉาด ก่นด่าไปชุดหนึ่ง “สมควรตายนัก! พวกขุนนางฝั่งหลงชังฮ่องเต้ใช่หรือไม่ รามือกันไปแล้วมิใช่หรือ ก่อเรื่องเล่นลูกไม้ใดขึ้นอีกเล่า”
ซย่าโหวซื่อถิงส่ายหน้า เงยหน้าขึ้น “คิดถึงแต่คนอื่น มั่นอกมั่นใจต่อตัวเองเพียงนั้นเชียวรึ”
“ข้ารึ…น้องจะล่วงเกินพี่สามได้อย่างไร” เยี่ยนอ๋องประหลาดใจ
ซย่าโหวซื่อถิงถือถ้วยชาไว้ เปิดฝาลายครามออก เอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “ตอนนั้นเราให้เจ้าทำการใหญ่เรื่องหนึ่ง เจ้าทำได้ดียิ่ง แต่มือเท้าไม่ค่อยจะคล่องแคล่ว จัดการไม่ได้สะอาดหมดจด ทิ้งปัญหาตามมาเอาไว้”
เยี่ยนอ๋องมุนงงไปหมด อ้าปากออก “ที่พี่สามพูด เหตุใดข้าจึงฟังไม่เข้าใจเลยแม้แต่คำเดียว”
ซย่าโหวซื่อถิงหัวเราะเสียงเย็นชา “ดูไม่ออกเลยนะเจ้าน่ะ ขนยังขึ้นไม่หมดเลย ยังสามารถทำให้เจ้าได้ลูกสาวมาคนหนึ่งได้ เรายังไม่มีเลย มีแบบนี้ที่ไหนกัน!”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอิจฉาอันเข้มข้น หลังฉากบังลม อวิ๋นหว่านชิ่นอดหัวเราะไร้เสียงออกมาไม่ได้ ด้านข้าง หันเซียงเซียงกลับจับผ้าเช็ดหน้าไว้พลางกลั้นหายใจ
ตั้งแต่ชั่วขณะที่เห็นเยี่ยนอ๋องเข้าห้องโถงมา นางก็เสียขวัญไปเล็กน้อย ลอดทางช่องว่างพินิจมองบุรุษที่ไม่ได้พบกันมาสองปีกว่าโตขึ้นมาไม่น้อย
เยี่ยนอ๋องได้ยินประโยคนี้เข้ากลับตกใจยกใหญ่ ลุกพรวดพราดขึ้น ทว่าก็เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ชะงักค้างไปทั่วร่าง
ตอนนั้น…คืนรับสนม…
ลูกสาวคนนั้นที่แม่นางหันพากลับเมืองหลวงมา…
ตน…เก่งกาจเพียงนั้นเชียวรึ ไม่หรอกกระมัง!
“จำได้แล้วรึ” คิ้วคมของซย่าโหวซื่อถิงเลิกคิ้ว
ทว่าเห็นเยี่ยนอ๋องนิ่งงันไปนาน คุกเข่าลงเปลี่ยนคำเรียกเป็นระหว่างกษัตริย์กับขุนนางแทน “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะด้วย…”
“นี่เจ้ายอมรับแล้วหรือ” ประโยคนี้ของซย่าโหวซื่อถิงเสียงดังมาก เหลือบมองด้านหลังฉากกันลมแวบหนึ่ง เพื่อให้คนบางคนได้ยิน เช่นนี้แล้ว ภารกิจวันนี้ก็จะเสร็จสิ้นแล้ว
เยี่ยนอ๋องลูกระเดือกขยับไหว “คืนนั้นกระหม่อมกลัวว่านางจะคิดสั้น จึงได้เข้าไปดู เห็นนางร่ำสุราไม่หยุด กลัวว่าจะกินจนตาย จึงได้ดื่มสุราที่เหลือของนางจนหมด แต่ประเมินคอตัวเองสูงไป ทำให้หลังจากดื่มไร้สติขึ้น” พูดถึงตรงนี้ก็กัดฟัน “ฝ่าบาทโปรดลงโทษด้วย!”
“ลงโทษอย่างนั้นรึ” ซย่าโหวซื่อถิงแววตาดุดัน “ลูกที่คลอดออกมา สามารถยัดกลับคืนไปได้หรือไม่”
เยี่ยนอ๋องเสียงอ่อย “ไม่ได้…”
ซย่าโหวซื่อถิงจึงเฉลยว่า “ตอนนั้นเป็นความคิดของเรา เราจะไปโทษเจ้าได้อย่างไร เอาล่ะ คืนรับตัวสนมคืนนั้น กระทั่งจวนอ๋องเรายังไม่ได้กลับ ทุกอย่างล้วนอาศัยเจ้าจัดการแทนเรา สุดท้ายก็เป็นเจ้าเข้าหอแทนเรา พิธีนี้ กลับเหมือนงานแต่งงานของพวกเจ้า จะว่าไปแล้ว ก็เรียกได้ว่าเป็นบุพเพของเจ้ากับแม่นางหัน”
“ฝ่าบาทหมายความว่าอย่างไร” เยี่ยนอ๋องตกใจ
ซย่าโหวซื่อถิงเอ่ยเสียงเรียบว่า “สนมท้ายจวนของเจ้า มีเพียงนางกำนัลที่ชี้แนะเรื่องห้องหอให้เจ้าไม่กี่คน เราจะหาโอกาสยกสองแม่ลูกสกุลหันให้เจ้า แต่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้หมั้นหมายกับคุณหนูสายตรงของอำมาตย์สกุลเฉินให้เป็นพระชายาของเจ้าแล้ว เรื่องงานแต่งนี้ไม่อาจฝ่าฝืนพระราชโองการได้ แม่นางหันจึงจำต้องเป็นสนมอย่างไม่เป็นธรรม เจ้าคิดว่าอย่างไร”
ด้านหลังฉากบังลม หันเซียงเซียงสีหน้ารอฟังคำตอบของเยี่ยนอ๋องด้วยความตึงเครียด ผ้าเช็ดหน้าแทบจะโดนจิกขาด
“ไม่ดีเลยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!” เยี่ยนอ๋องตะโกนขึ้น