ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 265.4 ผู้บงการเบื้องหลัง เยี่ยนอ๋องปฏิเสธสองแม่ลูก (4)
“เจ้าไม่ยอมให้พวกนางสองแม่ลูกเป็นน้อยรึ”
ใบหน้าขาวรูปงามของเยี่ยนอ๋องร้องห่มร้องไห้ “ฝ่าบาทปล่อยกันไปเถิด! สตรีของฮ่องเต้ กระหม่อมไหนเลยจะกล้าเอามา แม่นางหันนั่นหากเข้าจวนเยี่ยนอ๋องมา จะไม่เป็นการเตือนกระหม่อมว่าเคยหักหลังฝ่าบาททุกวันหรือไร”
หันเซียงเซียงสีหน้าขาวซีด ผ้าเช็ดหน้าลอดนิ้วร่วงลงมา
“สตรีของฮ่องเต้อะไรกัน เรากับนางไม่เคยมีอะไรกันเลยด้วยซ้ำ!” ซย่าโหวซื่อถิงเดือดดาล กลัวว่าคนด้านหลังฉากกั้นได้ยินจะเข้าใจผิดอีก กดเสียงต่ำเอ่ยว่า “เราบอกแล้วว่าไม่โทษเจ้า ตอนนั้นเจ้ากับนางเช็ดปืนแต่กระสุนลั่น เราก็เกี่ยวข้องไปด้วย ไม่ว่าอย่างไรก็นับว่าเราเป็นตัวกลางทำให้เกิด ยามนี้มอบนางสองแม่ลูกให้เจ้า ก็ถูกต้องเหมาะสมแล้ว ไหนเลยจะมีหักหลังอันใดนั่นได้”
เยี่ยนอ๋องครานี้กลับแน่วแน่มาก ทำเพียงโขกหัวอยู่หลายครั้ง “ไม่ว่าอย่างไร แม่นางหันก็เป็นพระสนมในจวนเก่าของฝ่าบาทอยู่ดี พี่สามจิตใจกว้างขวาง แต่กระหม่อมกลับไม่อาจยอมเพราะตอนนั้นอารมณ์ชั่ววูบจึงจับพลัดจับผลูไปได้หรอก ซ้ำยังทำให้ระหว่างตัวเองกับพี่สามต้องบาดหมางกัน และยิ่งไม่อยากให้ตัวเองรู้สึกติดค้างพี่สามแม้แต่นิดเดียว!”
อารมณ์ชั่ววูบจึงจับพลัดจับผลูไป…หันเซียงเซียงสีหน้าซีดเผือดลงกว่าเดิม น้ำตาไหลรินลงมาอย่างไร้เสียง มุมปากกลับมีรอยยิ้มขมขื่นเผยออกมา ไม่ใช่ว่าหาเรื่องใส่ตัวเองหรือไร ตอนนั้นเยี่ยนอ๋องตามมาพูดโน้มน้าวนางทั้งวัน นางก็ยังจะกระโดดลงไปในหลุม ยามนี้ตัวเองคิดได้แล้ว แต่สวรรค์อภัยให้แต่ชายเจ้าชู้ได้กลับคืน ไหนเลยจะยกโทษให้สตรีที่เดินทางผิดได้ กลายเป็นเทพธิดามีใจ กษัตริย์กลับเมิน
บาดหมางอะไรกัน ซย่าโหวซื่อถิงสีหน้ายับย่น เจ้าแปดนี่ ครานี้เหตุใดจึงได้ดื้อรั้นนัก…แต่คิดให้ดีแล้ว เจ้าแปดจะปฏิเสธก็ไม่แปลก ตั้งแต่เล็กเขากับตนสนิทกันมากที่สุด อย่าว่าแต่สตรีเลย กระทั่งชีวิตก็ยังเสียสละให้ได้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองไร้มลทินราวกับกระดาษขาวมาแต่ไหนแต่ไร ยามนี้มีลูกกับสตรีในวังหลัง ซ้ำยังรับสตรีวังหลังมาอีก เขาต้องรู้สึกผิดต่อตนแน่ และไม่ยอมทำลายความสัมพันธ์ระหว่างกันลง
ซย่าโหวซื่อถิงก็ไม่ใช้อำนาจมาบีบบังคับ สุดท้ายเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าไม่รับสองแม่ลูกสกุลหันไป เราก็จะไม่บังคับ แต่ในวังหลวงแห่งนี้ก็ไม่อาจให้สตรีที่ไม่บริสุทธ์และองค์หญิงที่มิใช่ทายาทของเราอยู่ได้เช่นกัน หากเราแอบลงโทษพวกนางสองแม่ลูก เจ้าก็คงจะไม่โกรธแค้นเราหรอกกระมัง”
หันเซียงเซียงได้ยินประโยคนี้เข้าก็คล้ายเสาไม้ ไร้ปฏิกิริยาใดตอบสนอง ราวกับว่าหลังได้ยินเยี่ยนอ๋องปฏิเสธแล้วก็จิตใจเป็นเถ้าดับมอดไป จะเป็นหรือตายล้วนไม่สำคัญแล้ว น้ำตานางร่วงลงมาไม่ขาดสาย อวิ๋นหว่านชิ่นกลับรู้ดีแก่ใจ คำพูดนี้ของท่านอ๋อง เกรงว่าจะอยากกระตุ้นความคิดของเยี่ยนอ๋องดูว่าเยี่ยนอ๋องรู้สึกต่อหันเซียงเซียงหรือไม่ นางไม่เชื่อหรอก และคิดว่าท่านอ๋องก็คงไม่เชื่อด้วย
เงียบงันไปพักหนึ่ง เยี่ยนอ๋องสีหน้าสับสนยิ่ง ฝ่ามือกำเป็นหมัดช้าๆ แน่นเข้า ทว่าสุดท้ายก็ยังคงตอบไปว่า “ไม่โกรธแค้น”
สามคำนี้เอ่ยออกมา ซย่าโหวซื่อถิงขมวดคิ้วมุ่น “ออกไปเถิด”
เยี่ยนอ๋องลุกขึ้นอย่างห่อเหี่ยว หันหลังจากไป ในชั่วขณะที่แผ่นหลังจะหายลับไปจากหน้าประตูใหญ่นั้นเอง ด้านหลังฉากบังลมก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้น แม้จะกดไว้ต่ำมาก แต่ผิดหวังและเศร้าโศกเสียใจสุดแสน
อวิ๋นหว่านชิ่นเดินออกมาพร้อมกับหันเซียงเซียงที่ร้องห่มร้องไห้ เอ่ยว่า “เยี่ยนอ๋องยังไม่ออกจากหอหมิงกวงไป พระสนมยังสามารถไปพบได้” แล้วมองไปยังซย่าโหวซื่อถิง
ซย่าโหวซื่อถิงไม่ได้เอ่ยคำใด ปล่อยให้นางจัดการ
ไปพบรึ ให้ไปขอร้องเยี่ยนอ๋องให้รับตนไว้อย่างนั้นรึ ยามนี้ฝ่าบาทแบไพ่ออกจนหมดแล้ว รู้ว่าตวนเจี่ยร์มิใช่ลูกแท้ๆ ของพระองค์ เยี่ยนอ๋องเห็นตนเป็นเหมือนเผือกร้อนในมือ ไม่อยากแตะต้องแม้แต่น้อย เช่นนั้นก็สุดแล้วแต่สวรรค์เถิด! หันเซียงเซียงเผยรอยยิ้มขมขื่น คุกเข่าลงทั้งน้ำตา “พระชายา ปีนั้นเป็นข้าที่พอเข้าจวนอ๋องมาก็ดอกซิ่งแดงโผล่ออกจากกำแพงแล้ว[1] หลังจากดื่มสุรากับเยี่ยนอ๋องก็สติหลุดไป หลังจากทราบว่าท้องก็กลัวเหลือเกิน เพื่อปกปิดเอาไว้ ระหว่างทางไปเขตปกครองใช้ยานอนหลับทำให้ฝ่าบาทสลบ ให้ฝ่าบาททรงคิดว่าเด็กในท้องเป็นของพระองค์ จึงได้รักษาชีวิตเราสองแม่ลูกไว้ได้ ทว่ายามนี้ดูท่าแล้ว ที่แท้ฝ่าบาทก็ทรงรู้ตั้งนานแล้ว กลับเป็นข้าที่น่าขันนัก…ก็เหมือนที่เยี่ยนอ๋องว่า ชีวิตต่ำต้อยของข้า จะสามารถทำลายความสัมพันธ์ของฝ่าบาทกับเยี่ยนอ๋องได้อย่างไร ช่างเถิด แล้วแต่ฝ่าบาทจะทรงจัดการ”
“หากคิดแต่จะลงโทษเจ้า เช่นนั้นก็ง่ายมาก เหตุใดฝ่าบาทจะต้องเสียกำลังกายใจเรียกเยี่ยนอ๋องเข้ามาในวังจัดฉากนี้ขึ้นเล่า” อวิ๋นหว่านชิ่นจ้องนางนิ่ง “ตวนเจี่ยร์ก็เป็นหลานสาวของฝ่าบาท ซ้ำยังเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเยี่ยนอ๋องอีก จึงได้ใช้สมองครุ่นคิดขึ้น ฝ่าบาทไม่อยากลงโทษพวกเจ้าสองแม่ลูกไปแล้ว เยี่ยนอ๋องจึงพบว่าตัวเองมาเสียใจภายหลัง จากนั้นก็สะสมความเคียดแค้นไว้”
หันเซียงเซียงได้ยินคำว่าลูกสาวก็ได้สติขึ้น ชีวิตของนางเองไม่เอาก็ได้ แต่ลูกสาวเล่า เสียงร้องนางหยุดลง หมอบฟุบลงไป “ขอบพระทัยพระชายาที่ชี้แนะเพคะ!” แล้วมองไปยังฝ่าบาท หลังจากได้รับอนุญาตก็โขกหัวลงสองครั้ง โซเซเร่งรุดไปยังด้านนอก
ภายในห้องว่างเปล่า อวิ๋นหว่านชิ่นถอนหายใจออกมา พอหันหลังไป เห็นบุรุษที่นั่งอยู่สีหน้าผ่อนคลายลงมากนัก กำลังถือถ้วยชาอมยิ้มให้ “จู่ๆ เราก็รู้สึกว่าสบายอกสบายใจขึ้นมา”
“ท่านอ๋องให้ข้ามาแสดงละครฉากหนึ่ง ก็เพียงแค่เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองเท่านั้น ต้องทำถึงเพียงนี้เชียวรึ บอกมาตรงๆ ก็ได้แล้วมิใช่หรือไร” อวิ๋นหว่านชิ่นยู่ปากน้อยๆ
หากนางเป็นคนรับมือด้วยง่าย เขาก็คงสบายไปนานแล้ว หลังจากแม่นางหันพาลูกสาวเข้าวังมา เขาก็อยากจะพูดกับนางตลอด แต่นางไม่ได้ถาม เขาจึงระงับเอาไว้ชั่วคราว ยามนี้เยี่ยนอ๋องไม่อาจแยกร่างจัดการเรื่องราวได้ ทั้งยังไม่ได้อยู่เมืองหลวง ต้องรอให้เขากลับมา พอว่างก็เข้าวัง แล้วค่อยโยนความจริงไว้ตรงหน้านาง ให้นางยอมรับทั้งปากทั้งใจ
“หลังจากแม่นางหันป้อนยาสลบให้แล้ว ฝ่าบาทไม่มีอะไรกับแม่นางหันจริงๆ น่ะหรือ” นางเหลือบมอง
รอยยิ้มเขาแข็งทื่อ ได้รับความไม่เป็นธรรม จมูกก็แดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย “กินยาสลบเข้าไปยังจะเป็นคนเช่นไรได้ เจ้าหามาให้ข้าดูซิ”
นางหลุดขำ เดินเข้าไปหาสองสามก้าว เห็นเขาแอบไม่สบอารมณ์ก็เชยคางเขาขึ้น “แล้วหลังจากไปเขตปกครองเล่า โอกาสทองทีเดียว”
เขาเห็นนางหัวเราะก็รู้ทันทีว่าจงใจหยอกเย้าตนเข้าแล้ว ทั้งโกรธทั้งขำพลางดึงแขนมาให้นั่งลงบนตัก ขยับชิดริมหู “หลังจากไปเขตปกครอง เราก็เริ่มครุ่นคิดหาวิธีต่างๆ นานา คิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถรีบกลับมาศิโรราบกับปีศาจน้อยอย่างเจ้าได้ไวๆ” กล่าวจบก็งับเบาๆ ทีหนึ่ง
ทว่าด้านลานเรือนนั้น เยี่ยนอ๋องเนื่องจากจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงเดินช้า ใกล้จะถึงหน้าประตู ได้ยินเสียงเรียกมาจากด้านหลัง จู่ๆ ก็เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
หันเซียงเซียงเห็นเขาจะไป ดวงใจก็เจ็บปวด ทว่านางกัดฟัน วิ่งไปหาอย่างรวดเร็ว แล้วคว้าเขาเอาไว้ “เยี่ยนอ๋องหรือว่ากระทั่งพบก็ยังไม่อยากจะพบข้าสักครั้งเลยหรือ”
เยี่ยนอ๋องสะบัดนางออก ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว “พระสนมมีอันใดก็ใช้ปากพูดก็พอ”
หันเซียงเซียงขื่นขม “เมื่อก่อนเป็นข้าหลบเลี่ยงเยี่ยนอ๋อง ยามนี้เป็นเยี่ยนอ๋องที่เลี่ยงข้า หากตอนนั้นข้าฟังคำแนะนำของเยี่ยนอ๋อง เรื่องก็คงไม่ถึงขั้นต้องทำให้ทุกคนลำบากใจเช่นนี้”
“ยามนี้เจ้าพูดเช่นนี้ไปจะมีประโยชน์อันใด” เยี่ยนอ๋องก้มหน้าลง ไม่กล้ามองนาง นึกไม่ถึงว่านางจะมีลูกสาวให้กับตน ลูกสาวตัวเป็นๆ เชียวนะ! เขายังไม่เต็มสิบเจ็ดดี ราชนิกูลฝ่ายพระราชชนนีที่อายุอานามพอๆ กับเขา มีโอรสธิดาของสนมก็ไม่แปลก ทว่าไม่รวมเขาไว้ในนั้นเด็ดขาด
คืนนั้นเขารีบร้อนจากไป คิดไปว่าฝัน แม้ก่อนหน้านี้พี่สามจะให้เขาใกล้ชิดแม่นางหัน โน้มน้าวนางให้ยอมแพ้ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะโน้มน้าวคนเขาถึงเตียง และยิ่งไม่คิดเลยว่าจะโน้มน้าวจนมีลูกสาวเกิดมา!
สตรีธรรมดาก็แล้วไปเถิด แต่นางเป็นสนมของพี่สามเชียวนะ นี่มันเป็นตรงกันข้ามกับคุณธรรมสัจธรรมที่เขารับยามปกติโดยสิ้นเชิงเลย
————————-
[1] ดอกซิ่งแดงโผล่ออกจากกำแพงแล้ว คบชู้สู่ชาย