ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 267.1 ข่าวร้ายจากแดนเหนือ (1)
เขาจึงได้พอใจขึ้นมา มือที่กุมนางไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม “ตอนอยู่ที่เขตปกครอง แต่ละวันล้วนคิดอยู่เช่นนี้ เพื่อให้กำลังใจตัวเอง”
ดวงใจนางกระตุกเต้น เหมือนว่าความอบอุ่นอ่อนนุ่มเอ่อล้นขึ้นมา
เก้าอี้ใต้ร่างที่เขานั่งอยู่ตัวนั้นเป็นของแผ่นดิน แต่คนบนเก้าอี้นั้นกลับเป็นของนางเพียงผู้เดียวตลอดไป
นางกางแขนออก จู่ๆ ก็พลิกตัวเข้าซุกบนร่างเขาทันที
เขาทำอะไรไม่ถูก โดนกดจนครางเครือ ทว่าลมหายใจค่อยๆ หนักขึ้น ดวงตาแดงก่ำ “เดิมทีว่าจะพูดคุยกับเจ้าเสียหน่อย ในเมื่อเจ้าอดรนทนไม่ไหวเช่นนี้แล้ว อย่างนั้นข้าก็คงต้องจำใจทำเสียแล้ว…”
อวิ๋นหว่านชิ่นปัดมือเขาออกเสียงดังเพี๊ยะ ยามนี้ร่างกายไร้พิษแล้วก็ลืมเลือนไปทุกอย่างแล้ว ทำเพียงเลื่อนตัวลง ศีรษะก็ก้มลงด้วย
เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีเรื่องดีๆ เช่นนี้เกิดขึ้นได้ น้ำเสียงสั่นพร่า “ที่รัก เจ้าจะทำอันใดหรือ” ทว่ารู้สึกเย็นๆ ที่ข้อเท้า
นางเลิกเสื้อคลุมของเขาขึ้น รอยเหล็กบนน่องจางไปมาก จึงพรูลมออกมา
บริเวณนี้เป็นรอยที่เขาได้มาจากเขตปกครอง เดิมทีเขาก็ไม่ได้บอกนางหรอก แต่ก่อนหน้านี้มีครั้งหนึ่งฝนตกหนักเขามาที่หอเหยาไถ เท้าเปื้อนโคลนไปหมด ตอนเข้าห้องมาเปลี่ยนรองเท้า นางจึงได้เห็นแผลบริเวณนี้ของเขา ได้ยินฉีไหวเอินบอกว่ามาจากตกลงไปในหุบเขาบงกชหิมะครานั้น แม้แผลจะหายดีแล้ว แต่รอยแผลเป็นกลับน่าตื่นตะลึง ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นเขาอดทนได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้นางจึงปรุงยาสมุนไพรรักษาแผลเป็นกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ให้ฉีไหวเอินทาให้เขาอย่างตรงเวลา ยามนี้กลับให้ผลที่ดีจริงๆ
นางดูแผลบนขาของเขาเสร็จก็ปีนขึ้นมา มองใบหน้าผิดหวังเหลือแสนของเขา “ท่านคิดว่าข้าจะทำอันใดหรือ”
“เปล่า” เขาปรับสีหน้าดังเดิม ทว่าแอบถอนหายใจออกมาโดยยากจะสังเกตเห็นได้
นางเขี่ยฝ่ามือเขาไปมา จงใจเอ่ยว่า “อ้อ ดี เช่นนั้นข้าก็จะไม่ทำอันใดแล้ว”
เห็นได้ชัดว่านางจงใจ เขาร้อนรนขึ้นมา แววตาเคร่งขรึม ศอกสองข้างงอขึ้น พลิกตัวนางกดไว้เบื้องล่าง ลมหายใจเขาไม่มั่นคงแล้ว แต่นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงล้วงเอาสิ่งหนึ่งออกมาจากอก
ระหว่างนิ้วเรียวหนีบเยื่อใสบางๆ ไว้ทำให้อวิ๋นหว่านชิ่นนิ่งอึ้ง “นี่คือ…” เหมือนจะคุ้นตาอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่แน่ใจ คิดไปคิดมาสีหน้าก็ร้อนผ่าว หรือว่านี่จะเป็น…
“ใส่ให้ข้าหน่อย” ลมหายใจของเขาร้อนระอุขึ้น
นางกระจ่างแจ้งแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาเพิ่งจะกลับวังมา เหยาย่วนพั่นก็ไม่ลืมเกริ่นบอกกับเขาว่าตอนนางคลอดบัวลอยน้อยนั้นใช้การผ่าคลอด จะต้องรอให้ร่างกายฟื้นฟูสภาพเดิมก่อน ทางที่ดีสองสามปีนี้อย่าให้มีการคลอดอีก มิฉะนั้นจะมีอันตรายได้
เดิมทีนางได้วางแผนไว้ว่าจะคุมกำเนิดแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะเอาของสิ่งนี้ออกมา
การคุมกำเนิดของชายหญิง มากกว่าครึ่งเป็นสตรีที่ต้องรับหน้าที่ดื่มยาคุมกำเนิด น้อยมากที่จะมีบุรุษเสียสละความสุข คุมกำเนิดเอง นึกไม่ถึงว่าเขาจะยอม
สิ่งของคุมกำเนิดในหมู่ผู้ชายของชาวบ้านมีมากมาย โดยทั่วไปจะทำมาจากไส้แพะ ไส้ปลา นางก็ไม่ใช่เด็กสาวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ย่อมรู้ดี ทว่ายังไม่เคยเห็นมาก่อน และยิ่งไม่นึกเลยว่าคนที่เป็นฮ่องเต้ยังจะใช้สิ่งนี้
ยามนี้สิ่งที่เขาหนีบเอาไว้ ไม่มีกลิ่นคาวของไส้แพะ ไส้ปลาเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับมีกลิ่นหอมบางเบา หอมมากทีเดียว
อวิ๋นหว่านชิ่นสนใจใคร่รู้ สนใจเกินกว่าเรื่องอื่นๆ เสียอีก เพียงไม่นาน นางขยับไปใกล้วัสดุของเยื่อบางนี้ละเอียดและเนียนราวกับผ้าไหม ใสแวววาว แต่ก็อ่อนนุ่ม ดูๆ แล้วเล็กมาก ไม่รู้ว่า…เป่าแล้ว…จะใหญ่ขึ้นมาบ้างหรือไม่
“ยาคุมกำเนิดดื่มมากๆ ไม่ดี” เขาคร้านจะอธิบายกับนางให้มากความ น้ำเสียงร้อนรนขึ้น ทำให้นางเหมือนจะไม่ค่อยคุ้นเท่าใดนัก คิ้วหล่อเหลาขมวดขึ้น เอ่ยอย่างไม่ค่อยวางใจนัก “เจ้าทำเป็นหรือไม่ ไม่อย่างนั้นข้า…”
ใบหน้ารูปไข่ของนางแย้มบาน แพรวพรายเสียยิ่งกว่ากุหลาบที่กองอยู่เบื้องล่างทั้งคู่ไม่น้อย ริมฝีปากสีชาดแย้มบานดั่งหมู่เมฆแผ่คลุม เอ่ยด้วยเสียงเบาราวกับยุงว่า “ดูถูกกันนี่นา มีอันใดที่ทำไม่เป็นกัน” นางยกมือขึ้น แขนเสื้อไหมลื่นลง แขนเรียวขาวราวหิมะเผยสู่สายตา หยิบเครื่องป้องกันน่าละอายนั่นมาอย่างรวดเร็ว แล้วใส่ลงไปไหลลื่นเหมือนหางปลา
ครึ่งเดือนต่อมา พระนามจริงของโอรสหวงกุ้ยเฟยก็ตั้งว่า ‘ซวิน’ ในแผนภูมิหยกประจำราชวงศ์ เห็นได้ชัดว่าพระนามนี้ฝ่าบาททรงตั้งความหวังไว้กับโอรสพระองค์นี้ให้บรรลุอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก
ฝ่าบาทออกราชโองการโดยไม่ต้องคิด พระราชทานดินแดนอุดมสมบูรณ์ทางแดนใต้ให้เป็นเขตการปกครอง และแต่งตั้งให้เป็นสู่อ๋อง
หนึ่งปีต่อมา เรื่องของแม่นางหันกับองค์หญิงก็หายเข้ากลีบเมฆไป จางไปจากสายตาของผู้คน ในขณะเดียวกัน จวนเยี่ยนอ๋องในเมืองหลวงก็รับสนมนางหนึ่งสกุลจางเข้าจวนไป ซ้ำยังมีเด็กน้อยน่ารักคนหนึ่งติดไปด้วย
จ๋างสื่อของจวนรายงานกับสำนักพระราชวังว่า สองแม่ลูกคู่นี้เป็นบ้านเล็กที่เยี่ยนอ๋องเลี้ยงไว้นอกจวน พวกนางเป็นสตรีธรรมดาในชนบท ถูกเยี่ยนอ๋องที่ออกเที่ยวพบเข้า เพราะฐานะค่อนข้างต่ำต้อย จึงเลี้ยงไว้ที่เรือนอื่น
ในไม่กี่ปีมานี้ อนุนางนี้ให้กำเนิดบุตรสาว เยี่ยนอ๋องจึงได้ยื่นฎีกาขอร้องเป็นพิเศษ รับพวกนางสองแม่ลูกสกุลจางเข้าจวนมา
หลังจากทรงอนุญาตแล้ว สองแม่ลูกเข้าจวนมา แต่งตั้งขึ้นเป็นสนม พักอยู่ที่เรือนเล็กด้านตะวันออกเฉียงเหนือท้ายจวนเยี่ยนอ๋อง คนรับใช้ที่อยู่ในจวนบอกว่า อนุจางที่เพิ่งจะเข้าจวนมาใหม่นางนี้นิสัยอ่อนน้อม น้อยนักจะออกจากห้อง ต่อให้เป็นคนรับใช้ของจวนอ๋องก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นนาง ยามปกติเกรงว่าคงจะเอาแต่เย็บปักถักร้อย อ่านตำรา เลี้ยงดูลูกสาวอยู่ในเรือนเล็ก
ทว่าลูกสาวของแม่นางจางนั้น ได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากเยี่ยนอ๋องยิ่ง เยี่ยนอ๋องเป็นคนอยู่ไม่นิ่ง ไม่ชอบอยู่จวน ตั้งแต่รับลูกสาวคนนี้เข้าจวนมา กลับดูเหมือนว่าจะเจอของเล่นน่าสนใจอีกชิ้นเจอ แต่ละวันกลับจวนมาไวไม่น้อย รักใคร่เอ็นดูลูกสาวไม่ยอมห่าง
บรรดาคนรับใช้ในเรือนต่างทอดถอนใจ ลูกสาวคนนี้แม้จะเป็นลูกสาวสายรองที่มาจากอนุ แต่ได้ความรักจากเยี่ยนอ๋องเช่นนี้ ภายหน้าก็จะไม่ย่ำแย่แน่นอน
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ผ่านเรื่องร้อนหนาวมาหนึ่งปีกว่า ราชวงศ์ใหม่อย่างหงจยายิ่งใหญ่ ภายใต้ผลงานทางด้านการเมืองแต่ละเรื่อง ใจขุนนางรวมเป็นหนึ่ง
ในราชสำนักมีเพียงฝ่ายของฮ่องเต้พระองค์ก่อนส่วนเดียวที่แม้จะยอมรับฮ่องเต้พระองค์ใหม่เงียบๆ อย่างจนใจไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมทิ้งเรื่องช่วยเหลือหลงชังฮ่องเต้ไปเลยสักนิด มักจะเข้ามาโน้มน้าวอยู่เรื่อย
ซย่าโหวซื่อถิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ ทุกวันสองวันก็ยังส่งอี๋ซื่ออ๋องไปไกล่เกลี่ยที่เหมิงหนู จากนั้นก็ให้อี๋ซื่ออ๋องมารายงานที่เมืองหลวงถึงเรื่องที่ได้รับการตอบกลับมา เช่นนี้แล้ว อี๋ซื่ออ๋องจึงเข้าเมืองหลวงบ่อยขึ้น
อี๋ซื่ออ๋องยังคงตั้งค่ายที่เมืองเจียงเป่ย ตั้งแต่ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ได้ไม่นานก็กลับไปแล้ว ทำเพียงกลับเมืองหลวงมารายงานเป็นครั้งคราว ยามนี้เนื่องจากเรื่องของหลงชังฮ่องเต้ จึงไปๆ มาๆ หนักกว่าเดิม
บรรดาขุนนางต่างเห็นกันหมด อี๋ซื่ออ๋องเดิมทีก็สร้างคุณูปการให้แก่ฝ่าบาท ในราชสำนัก ฝ่าบาททรงให้ความกรุณาและสนับสนุนเขา แทบจะไม่ด้อยไปกว่าจิ่งหยางอ๋องและเยี่ยนอ๋องเลย
ดังนั้นในยามนี้ อำนาจในเยี่ยจิงของอี๋ซื่ออ๋องจึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ณ พระที่นั่งอี้เจิ้งยามบ่าย ขุนนางกลุ่มหนึ่งคุกเข่าตั้งแถวกันตัวสั่น กำลังโน้มน้าวเรื่องช่วยเหลือหลงชังฮ่องเต้
แต่ละคนพูดจนน้ำลายแตกฟอง มีที่อายุมากบางคนร่างกายแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว กลับยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดพูดเลย
ตั้งแต่หลงชังฮ่องเต้ถูกจับไปเป็นเชลย จากการที่ฝ่าบาทส่งอี๋ซื่ออ๋องไปแอบสืบถามทางแดนเหนือ จึงทราบเรื่องทราบราว ที่แท้หลังจากหลงชังฮ่องเต้ถูกจับเป็นเชลย ในฐานะที่เป็นกษัตริย์ จึงถูกราชวงศ์เหมิงหนูจัดการให้พำนักอยู่ในคฤหาสน์แห่งหนึ่งใกล้วังหลวงในเมืองหลวงมาโดยตลอด มีทหารและขุนนางของราชสำนักเฝ้าไว้
ทว่าต่อให้รู้ไปก็ไร้ประโยชน์ ทางเหมิงหนูไม่บอกอะไรเลยสักนิด คิดอยากจะช่วยเหลือก็ไร้กำลัง
จนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้ว ในที่สุดเหมิงหนูก็ส่งข่าวมา บอกว่ายินยอมคืนหลงชังฮ่องเต้ให้แก่ต้าเซวียน ระบุเพียงว่าให้เอาคูเมืองทั้งสี่ของแดนเหนือมาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน