ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 269.3 ร้องเพลงถวายอย่างขายหน้า (3)
“เตรียมพร้อมแล้วขอรับ”
อี๋ซื่ออ๋องส่งเสียงอืมออกมาคำหนึ่ง ลุกขึ้นยืน ประสานมือไปทางศาลาริมน้ำ “ก่อนหน้านี้น้องสาวกระหม่อมได้เตรียมของขวัญเอาไว้ เพื่อเล่นถวายไทฮองไทเฮาในงานเลี้ยงหาคู่ ยามนี้กำลังรออยู่ด้านหลัง รอเพียงไทฮองไทเฮาเรียกเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ภายในศาลาริมน้ำ ชูซย่าโน้มตัวไปข้างหูอวิ๋นหว่านชิ่น “สตรีนางนั้นตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ เลียนแบบคนอื่นเก่งที่สุด เมื่อก่อนพวกบทกลอนกวีต่างๆ ที่ถวายแด่ฮ่องเต้พระองค์ก่อน ล้วนไม่ใช่ทางของนางเลยสักนิด หาคนมาแต่งให้ เรื่องพวกนั้นเอาไว้ก่อน แต่ในงานเลี้ยงหาคู่วันนี้ เห็นได้ชัดว่าเอาอย่างเหนียงเหนียงในปีนั้น ถุย”
งานเลี้ยงหาคู่เดิมทีไม่มีการมอบของขวัญอะไร
ทว่าอวิ๋นหว่านชิ่นเข้าร่วมงานเลี้ยงหาคู่ครั้งแรกไม่รู้เรื่องรู้ราว เตรียมฉากบังลมปักลายมาเป็นของขวัญ จับพลัดจับผลูได้รับความชื่นชอบจากไทฮองไทเฮา ถูกไทฮองไทเฮาประทานปิ่นให้ สองปีต่อมา ก็มีพวกคุณหนูเริ่มเอาอย่าง ทำขอเล่นเล็กๆ น้อยๆ มาประทานให้ไทฮองไทเฮาในงานเลี้ยงบ้าง
คิดไม่ถึงว่าวันนี้ แม่นาง…อู๋โยวก็มีของขวัญมามอบให้เช่นกัน
ไทฮองไทเฮาเห็นอี๋ซื่ออ๋องเอ่ยปากเองเช่นนี้ก็ไว้หน้าให้อย่างมาก “ข้าก็ว่าอยู่ วันนี้เดิมทีก็เรียกแม่นางอู๋โยวมางานเลี้ยงเช่นกัน เหตุใดนานนมเพียงนี้แล้วยังไม่เห็นเงา ที่แท้ก็เตรียมของขวัญให้ข้าอยู่นี่เอง เอาเถิด เช่นนั้นก็เรียกตัวเข้ามา”
“ขอบพระทัยไทฮองไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ” อี๋ซื่ออ๋องสายตาเบนไปตกยังร่างอวิ๋นหว่านชิ่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ถลกชุดคลุมนั่งลง
เมื่อก่อนอวิ๋นหว่านชิ่นล้วนแต่ได้ยินกิตติศัพท์มา วันนี้ได้มาเห็นอี๋ซื่ออ๋องเป็นครั้งแรก ไม่เหมือนกับที่ตนคิดไว้จริงๆ ที่แท้ก็ไม่ใช่ผู้ชายหยาบคาบ
ชูซย่าเห็นแม่นางผู้นั้นจะมาถวายของขวัญก็อดไม่ได้ “บ่าวว่า ไม่สู้บอกไทฮองไทเฮาไปตรงๆ เลยดีกว่า ว่าถังอู๋โยวผู้นี้ก็คือซย่าโหวเซวียน ให้ไทฮองไทเฮาฉีกหน้านางต่อหน้าธารกำนัลไปเลย ให้นางไสหัวออกจากวังไป”
“เจ้าพูดต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ ที่โดนฉีกมิใช่หน้านาง แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างไทฮองไทเฮา ฝ่าบาทและอี๋ซื่ออ๋อง” อวิ๋นหว่านชิ่นหยิบถ้วยชาขึ้นจิบเบาๆ คำหนึ่ง “ไทฮองไทเฮาคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม ไม่ต้องพูดถึงว่าจะไต่สวนต่อหน้าธารกำนัลหรือไม่ ต่อให้ไต่สวน อี๋ซื่ออ๋องจะยอมรับหรือไร หากยืนกรานไม่ยอมรับ ไทฮองไทเฮาจะปิดฉากอย่างไร นางผู้นั้นสามารถกลับมาได้ จะต้องคิดคำนึงมาอย่างรอบคอบแน่แล้ว เมื่อสองวันก่อนข้าให้ใต้เท้าเฉินตรวจสอบเอกสารตัวตนของนางที่ส่วนราชการมาแล้ว ภูมิหลังสะอาดหมดจด ไร้พิรุธแม้แต่น้อย บ้านเกิดบิดามารดาทุกอย่างครบถ้วน เกิดที่ไหน วัยเด็กใช้ชีวิตที่ใด กระทั่งเพื่อนบ้าน สหายเพื่อนเล่นที่รู้จักนาง อี๋ซื่ออ๋องล้วนจัดเตรียมพยานบุคคลไว้ให้นางเรียบร้อย เจ้าต้องจำไว้ว่า ท่านหญิงหย่งจยาถูกลบออกจากโลกนี้ไปแล้ว อีกเดี๋ยวคนที่เราจะเห็นคือ ถังอู๋โยวที่สมบูรณ์แบบ”
ชูซย่าพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง หน้าทางเข้างานก็มีเสียงกระดิ่งหยกรื่นหูดังขึ้น พร้อมกับเด็กสาวในกระโปรงผ้าไหมสีเหลืองอ่อนสูงถึงอกหอบพิณโบราณเข้ามา
พิณโบราณสีม่วงอมแดง ทำจากไม้ซาน ตัวพิณแกะสลักลายเกล็ดงู ขอบพิณเจาะเป็นรูเล็กๆ สองสามรู ร้อยด้วยพู่หยกทรงกลม ยามยกขึ้นเดิน พู่หยกกระทบกับไม้ซาน เกิดเป็นเสียงใสกังวาน
ภายใต้การนำทางของขันที เด็กสาวเดินมายังด้านล่างของศาลาริมน้ำ คุกเข่าลง ก้มหน้าลงต่ำ เอ่ยเสียงนุ่มนวลสุภาพว่า “คารวะไทฮองไทเฮา ขอไทฮองไทเฮาทรงพระเจริญ พระชนมายุยิ่งยืนนาน”
นางยังคงผอมบางเหมือนดังก่อน กระทั่งส่วนสูงก็ยังพอๆ กัน แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ รูปร่างไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด
ใบหน้าเปลี่ยนแปลงได้ รูปร่างกลับยากที่จะทำ โดยเฉพาะสูงเตี้ยผอมอ้วนล้วนเปลี่ยนไม่ได้ รูปร่างยิ่งยากจะเปลี่ยน ทว่าคนตรงหน้านี้ รูปร่างเปลี่ยนไปเป็นอีกคนโดยสิ้นเชิง
เช่นนั้นก็มีเพียงเหตุผลเดียวแล้ว
อวิ๋นหว่านชิ่นเคยเห็นในตำราแพทย์ ชาวบ้านมีปรมาจารย์จัดกระดูกฝีมือดีเยี่ยม ไม่ตัดกระดูก ไม่ทำร้ายร่างกาย สามารถใช้สองมือจัดกระดูกทั่วร่างของคนได้
มีบางคนเกิดมาหลังค่อม บางคนพิการแขนขาลีบแต่เด็ก ทำให้กระดูกขาทั้งสองข้างสั้นข้างยาวข้าง บางคนเจ็บปวดจากเอวและไหล่ยื่นออกมา บางคนตอนบาดเจ็บไม่ได้รักษาให้หายดี กระดูกงอกเอียง นอกจากรูปร่างแล้ว กระทั่งยังมีบางคนกรามล่างกว้างเกินไป…ได้พบปรมาจารย์จัดกระดูกที่ฝีมือชำนาญ ล้วนสามารถใช้มือจัดให้เข้าที่เข้าทางได้
กระดูกเป็นโครงร่างของร่างกายมนุษย์ หลังจากจัดแล้ว รูปร่างทั้งหมดย่อมเปลี่ยนไปอย่างมาก
ถังอู๋โยวผู้นี้ ทั่วทั้งร่างเคยจัดกระดูกมาก่อน
ขณะนั้นเอง ไทฮองไทเฮาก็ตรัสขึ้นว่า “เจ้าตั้งใจนัก ลุกขึ้นเถิด”
เด็กสาวทำตามประสงค์ ลุกขึ้นอย่างอ้อนแอ้น พอหยัดกายยืนขึ้น คิ้วงามขมวดน้อยๆ คล้ายสั่นไหว น่าสงสารราวกับความงามได้เพิ่มมากขึ้นยามอยู่ในสภาวะทุกข์ใจ เรียกสายตาจากบรรดาคุณชายที่รักหยกถนอมบุปผาได้ทั่วบริเวณ
ชูซย่ามองพลางขมวดคิ้วมุ่น พึมพำว่า “เสแสร้งอะไร”
หากแต่อวิ๋นหว่านชิ่นกลับรู้ดี นางอาจจะไม่ได้เสแสร้งจริงๆ ความเจ็บปวดจากการจัดกระดูก มิใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถรับไหว คิดดูว่า เคลื่อนตำแหน่งเดิมของกระดูกไปยังอีกตำแหน่งหนึ่ง จะไม่เจ็บปวดได้หรือ หลังจากจัดเสร็จ อาการเรื้อรังจากการเคลื่อนกระดูก เกรงว่าหลายปีก็หยุดไม่ได้ ที่สำคัญคือไม่อาจออกกำลังกายหนักๆ ได้ ดูจากสภาพนางตอนนี้ เกรงว่าเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็คงเจ็บแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยกฉินโบราณที่ดูๆ แล้วใหญ่และหนักสิบกว่าจิน[1]เดินรอบงาน เดี๋ยวคุกเข่า เดี๋ยวลุกขึ้นยืนเลย
พอเงยหน้าขึ้น ทั้งสองต่างเห็นใบหน้าใหม่เอี่ยมสะท้อนเข้าสู่สายตา
ดวงหน้าเปลี่ยนไปเรียวเล็ก ยิ่งทำให้ดูผอมบางขึ้นไปใหญ่ สีผิวก็ขาวกว่าเมื่อก่อน เหมือนว่าขัดผิวออกไปหนึ่งชั้น แช่น้ำสมุนไพร รอยสักก็มองไม่เห็นแล้ว มีเพียงหน้าผากที่มีไฝแดงอยู่เม็ดหนึ่ง สะดุดตายิ่ง คงเพราะแผลเป็นตรงบริเวณรอยสักสาหัสมาก ผิวเนื้อตรงหน้าผากทั้งน้อยทั้งบาง ขัดมากไม่ได้ เลยต้องแต้มไฝมาบดบังไว้
บรรดาส่วนสำคัญทั้งหลายล้วนสามารถปรับเปลี่ยนได้ พวกดวงตา คิ้ว จมูก ปาก จะเปลี่ยนก็ไม่ยากแล้ว
ดูแค่หางตา เครื่องสำอางปกปิดเสียหนาเตอะ คล้ายปกปิดรอยฝีเข็มที่เคยเย็บ
เพื่อกลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นภาพวาดหนังมนุษย์ ปรับเปลี่ยนทั่วทั้งร่าง คิ้ว ปาก แขน ผิวหนัง กระดูกล้วนแทบจะเปลี่ยนใหม่หมด ไม่ใช่ตัวตนของตัวเองแล้ว เช่นนี้…คุ้มค่าหรือ
ไทฮองไทเฮาสังเกตเห็นพิณในอ้อมอกของถังอู๋โยวตั้งนานแล้ว จึงตรัสด้วยความแปลกใจและปรีดาว่า “นี่คือพิณเสียงหยก ณ สวรรค์เก้าชั้นฟ้าหรือ เจ้าจะใช้มันดีดถวายข้าหรือ”
พิณเสียงหยก ณ สวรรค์เก้าชั้นฟ้าเป็นพิณสมัยราชวงศ์ถังรูปแบบฝูซี เป็นที่รู้จักของนักดีดพิณในนามพิณเซียน คุณภาพเสียงโดดเด่นไม่เหมือนใคร ว่ากันว่า ต่อให้เป็นคนหูเพี้ยน แค่ใช้พิณเสียงหยก ณ สวรรค์เก้าชั้นฟ้ามาฝึกฝนสักระยะหนึ่ง ก็จะสามารถกลายเป็นคนเงยหน้ารับเสียงดนตรีได้แล้ว
“ทูลไทฮองไทเฮา อู๋โยวแต่งกลอนมาถวายไทฮองไทเฮา และแต่งทำนองเพลงด้วยอีกบทหนึ่ง วันนี้ตั้งใจใช้พิณเสียงหยก ณ สวรรค์เก้าชั้นฟ้ามาดีดขับร้อง เพื่อถวายพระพรไทฮองไทเฮาเพคะ” เด็กสาวทูลเสียงนุ่ม
ไม่นึกเลยว่าลูกพี่ลูกน้องสกุลถังของอี๋ซื่ออ๋องผู้นี้ หน้าตาดีไม่พอ ยังแต่งกลอนประพันธ์ทำนองเป็นอีกด้วย บรรดาคุณชายของตระกูลชั้นสูงต่างซุบซิบกันขึ้นมา ในแววตายิ่งเกิดความสนใจเพิ่มมากขึ้น
“ดี” ไทฮองไทเฮาเรียกจูซุ่นให้หาเก้าอี้มาให้นั่ง
ถังอู๋โยวหอบพิณนั่งอยู่ด้านหลัง นิ้วเรียวเกี่ยวลง สายพิณขยับไหว เสียงเพลงราวอัญมณี ทำลายความเงียบงันลง จากนั้นแขนเสื้อก็ชูขึ้น เสียงมหัศจรรย์บรรเลงลอยอวลมาจากปลายนิ้ว
ไม่พูดถึงฝีมือการดีดว่าเป็นอย่างไร พิณหยก ณ สวรรค์เก้าชั้นฟ้าบรรเลงร้อง เสียงไพเราะเสนาะหู เสียงสูงดั่งทองคำ เสียงต่ำดังทะเลสาบอันสงบ เพิ่มสีสันให้แก่บทเพลงยิ่งขึ้น
เสียงดนตรีสูงต่ำฟังแล้วรื่นหู ก้องกังวานอยู่รอบๆ ทะเลสาบเฉิงเทียน
พักใหญ่ๆ บรรดาคุณชาย ณ ที่นั้นจำนวนไม่น้อยก็ยกมือขึ้นตีเคาะโต๊ะตามจังหวะ
——————-
[1] จิน 500 กรัม หรือครึ่งกิโลกรัม