ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 272.3 แต่งตั้งธิดาบุญธรรม (3)
“นายหญิงเจ้ามีน้ำใจนัก” เจี่ยไทเฮามองแตงสีแดงและเหลืองที่หั่นเป็นชิ้นๆ แวววาวแช่อยู่ในถาดผลไม้ แล้วหันกลับไปยิ้มมองอวิ๋นหว่านชิ่น หยิบเข้าปากไปชิ้นหนึ่ง พอกัดน้ำที่ทั้งหอมทั้งหวานก็กระจายเต็มปาก เย็นฉ่ำชุ่มคอ ทรงพยักหน้า “รสชาติดี” แล้วหยิบมาอีกชิ้นส่งให้เด็กสาวข้างกาย “น้ำใจของหวงกุ้ยเฟยนี้ อู๋โยวก็ลองชิมดูสิ”
ถังอู๋โยวหัวเราะเบาๆ คนๆ นั้นเห็นตนได้รับความโปรดปรานจากไทฮองไทเฮามากมาย ตอนนี้ยังได้นั่งข้างกายไทฮองไทเฮาอีก ก็ลนลานขึ้นมา รีบเอาอกเอาใจทันที นางเหลือบมองชูซย่าแวบหนึ่ง สีหน้ากลับปรากฏเป็นความหวาดกลัว ยกกระโปรงคุกเข่าลง “เดิมทีควรจะเป็นอู๋โยวที่ปรนนิบัติไทฮองไทเฮา เหตุใดกลับกลายเป็นไทฮองไทเฮาทรงส่งแตงให้อู๋โยวเองเล่าเพคะ อู๋โยวสมควรรับโทษ”
หม่าซื่อรู้ดีว่าไทฮองไทเฮาก็แค่ไม่มีกระจิตกระใจจะทำเท่านั้น จึงยิ้มเอ่ยว่า “ไทฮองไทเฮาทรงโปรดปรานคุณหนูถัง รีบลุกขึ้นเถิด”
ถังอู๋โยวจึงได้ลุกขึ้น รับแตงแล้วกลับไปนั่งที่ด้วยความเกรงใจ ท่าทางเป็นเด็กสาวตัวน้อยๆ “ขอบพระทัยไทฮองไทเฮาเพคะ แต่ว่า อีกเดี๋ยวไทฮองไทเฮาอย่าได้ทำเช่นนี้อีกนะเพคะ ประหารอู๋โยว ให้อู๋โยวปรนนิบัติไทฮองไทเฮาเถิดเพคะ” พูดจบก็ถือผ้าเช็ดปากอย่างอ่อนโยน
เจี่ยไทเฮารับผ้ามา ยิ้มตรัสว่า “เด็กน้อย จะเกรงใจไปทำไมกัน ดูการแข่งเถิด”
บรรดาสตรีบนอัฒจันทร์เห็นไทฮองไทเฮากับถังอู๋โยวสนิทสนมกัน ผู้ใหญ่เมตตาผู้น้อยก็กตัญญู ความสัมพันธ์ดียิ่ง ก็ยิ่งแอบทอดถอนใจกันเงียบๆ ดูท่าแล้วคุณหนูถังเข้าวัง จะเป็นเรื่องที่แน่นอนแน่แล้ว
ถังอู๋โยวคิ้วงามเลิกขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองชูซย่าแวบหนึ่ง
ชูซย่ามองถังอู๋โยวแสดงอำนาจสนิทสนมกับไทฮองไทเฮา แต่ก็ไม่มีความโกรธหรือไม่พอใจเลยสักนิด ซ้ำยังยิ้มเอ่ยว่า “คนที่รู้ว่าคุณหนูถังเป็นลูกพี่ลูกน้องของอี๋อ๋อง คนที่ไม่รู้ คงได้คิดว่าเป็นธิดาของไทฮองไทเฮาเข้าจริงๆ เช่นนั้นหม่อมฉันก็ไม่ทำให้ไทฮองไทเฮาเสียเวลาชมการแข่งขันแล้วเพคะ อีกเดี๋ยวแตงหมดแล้ว ไทฮองไทเฮาค่อยให้หม่ามอมอไปบอก หม่อมฉันจะได้มาถวายให้ใหม่เพคะ” แล้วก็สั่งนางกำนัลที่อุทยานว่า “อีกเดี๋ยวตะวันขึ้น ก็กางร่มเสียหน่อย จะได้ไม่ส่องโดนไทฮองไทเฮา”
เจี่ยไทเฮายิ้มตรัสว่า “ชิ่นเอ๋อร์ เด็กคนนี้ช่างละเอียดอ่อนนัก” ถังอู๋โยวได้ยินไทฮองไทเฮาชมอวิ๋นหว่านชิ่นก็หันหน้าหนี มุมปากกระตุกอย่างอดไม่ได้
ชูซย่าถวายแตงโมคลายร้อนเสร็จก็ไม่อยู่ต่อนาน ทูลลากลับมาทันที
หลังจากขบวนไทฮองไทเฮานั่งกันหมดแล้ว การแข่งขันขี่ม้าตีคลีก็ดำเนินการต่ออย่างดุเดือดดั่งเพลิงกัลป์ ครึ่งแรกเดิมทีเฉินจื่อหลิงฝ่ายแดงเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ คิดไม่ถึงว่ายามครึ่งแรกใกล้จะจบลงอี๋ซื่ออ๋องก็แย่งคลีกลับไปได้ ขวัญกำลังใจของฝ่ายดำถูกกระตุ้นขึ้นมา ค่อยๆ ดึงสถานการณ์กลับมาได้ ครึ่งหลังอาศัยจังหวะไล่ตาม สถานการณ์จะเสมอกันอย่างคาดไม่ถึง ตานี้ใกล้จะถึงจุดจบแล้ว ทั้งสองฝ่ายได้เสมอกันไป
วังหลังมีความบันเทิงน้อยนัก นานๆ จะมีการแข่งขันบันเทิงเช่นนี้ ทั้งสองฝ่ายระดับพอๆ กัน ผู้นำแต่ละฝ่ายก็มีดีกันคนละแบบ การแข่งขันกำลังดุเดือด ตะวันก็ขึ้นสูง เจี่ยไทเฮาชมอย่างใจจดใจจ่อ ดวงเนตรไม่ละหนีไปไหน รู้สึกว่าคอแห้งขึ้นมา จึงยื่นมือไปด้านข้างควานหาแตงที่อยู่บนโต๊ะ พอควานไปกลับไม่เจอแตง แต่ควานเจอของบางอย่างที่ทั้งนิ่มและลื่น เจี่ยไทเฮามองไป ทันใดนั้นสีพระพักตร์ก็ซีดเผือด ร้องออกมาเบาๆ นั่งตัวแข็งอยู่บนเก้าอี้
ทุกคนต่างหันมองไป เห็นในถาดผลไม้มีลูกงูตัวเล็กและเรียวมากที่ไม่รู้ว่าเลื้อยมาเมื่อใด ตัวสีเขียมมะเมื่อมนุ่มนิ่มหมอบอยู่ในถาด ทันใดนั้นก็พลันตกใจ อุทยานแห่งนี้มีไว้สำหรับขี่ม้า สนามกว้างขวาง ด้านข้างมีป่ารกชัฏ ดอกไม้ใบหญ้าแน่นขนัดกว่าสวนหลวง ยามปกติแล้วอัฒจันทร์นั้นไม่ค่อยได้ใช้ จะมีงูเงี้ยวเขี้ยวขอหนอนแมลงต่างๆ ก็ไม่แปลก
คนบนอัฒจันทร์ล้วนเป็นสตรี บางคนขวัญอ่อนก็หดตัวเกร็ง บางคนใจกล้าหน่อยก็ตะโกนขึ้นมาอย่างต่อเนื่องว่า “ใครก็ได้ ใครก็ได้ อย่าทำให้ไทฮองไทเฮาตกพระทัย!”
ถังอู๋โยวตระหนกในใจ ดันเป็นตอนที่ตนปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายไทฮองไทเฮาแล้วเกิดเรื่องนี้ขึ้น ทำไทฮองไทเฮาตกพระทัย คนที่ร่วมเสด็จอยู่ข้างกายด้วยย่อมโดนลงโทษ!
หรือว่านี่จะมีคนทำร้ายตน จึงรีบหันหลังไปมองคนที่อยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว เห็นอวิ๋นหว่านชิ่นแม้จะลุกขึ้นและมองมาทางนี้ด้วย แต่สีหน้ากลับไร้ซึ่งความตกใจ
เมื่อครู่ชูซย่าเดินมาถวายผลไม้ จะต้องใช้จังหวะนั้นปล่อยงูตัวนี้แน่ งูชอบกลิ่นหอมที่สุด คงจะโดนกลิ่นแตงโมหวานๆ ดึงดูดมาแน่
นี่นางริษยาจนขึ้นหัว กลัวว่าตนเข้าวังมาแบ่งความโปรดปราน จึงเลอะเลือนไปกระมัง สุดท้ายไม่กลัวเอาเปรียบแล้วขาดทุนเสียเองอย่างการโดนไทฮองไทเฮาเกลียดชังเข้า!
ดวงตาถังอู๋โยวกลอกหัน ดวงใจก็ปรีดาขึ้น นางเลอะเลือนไป แต่ตนไม่ นี่ไม่ใช่โอกาสของตนหรือไร!
ถังอู๋โยวเคยเลี้ยงงูมาก่อน ทั้งยังใช้งูมาเป็นสิ่งทำร้ายคนอีก ไหนเลยจะกลัวงู นางแย่งหม่าซื่อและจูซุ่นเข้าไปจับงูด้านล่าง ใช้แรงโยนลงไปด้านล่างอัฒจันทร์โดยไม่สนใจอันตราย แล้วลงไปเหยียบกระทืบสองสามครั้ง จนกระทั่งงูตัวนั้นไร้ท่าทีเคลื่อนไหว จึงได้ขึ้นไปคุกเข่า “เกือบทำให้ไทฮองไทเฮาตกพระทัยแล้วเพคะ เป็นอู๋โยวที่สะเพร่า!”
จูซุ่นกับหม่าซื่อจึงได้มีปฏิกิริยาขึ้นมา คนหนึ่งประคองไทฮองไทเฮา คนหนึ่งเข้าไปตรวจดูงูตัวนั้น ในขณะเดียวกัน อวิ๋นหว่านชิ่นก็เดินมาหา พยุงไทฮองไทเฮาพลางเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“ไทฮองไทเฮาไม่เป็นไรใช่หรือไม่เพคะ ให้ตามหมอหลวงหรือไม่เพคะ” หม่าซื่ออกสั่นขวัญแขวน ตรวจดูหัตถ์ที่เจี่ยไทเฮาเพิ่งจะลูบงูตัวนั้น
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก” เจี่ยไทเฮาสงบจิตใจขึ้น ทว่ายังคงหอบอยู่เล็กน้อย
หม่าซื่อเห็นไทฮองไทเฮาปลอดภัย จึงได้วางใจลง ทว่าก็ตำหนิขึ้น “มีอย่างนี้ที่ไหน รู้ทั้งรู้ว่าวันนี้มีการแข่งตีคลี ก็ไม่ตั้งใจทำความสะอาดอัฒจันทร์ในอุทยานให้ละเอียดสักหน่อยรึ!”
ผู้ดูแลอุทยานพาคนใต้บัญชามาคุกเข่าด้วยความขวัญหนีดีฝ่อ ใบหน้าร้องห่มร้องไห้ “พวกบ่าวทำความสะอาดกันไปแล้วนะเจ้าคะ…”
ถังอู๋โยวมองหม่าซื่อที่เดือดดาลจนควันออกหู แล้วเอ่ยว่า “หม่ามอมออย่าใจร้อนไป ไม่แน่ว่าเป็นความผิดของพวกนางกำนัลเสมอไป”
หม่าซื่อเห็นนางเพิ่งจะมีคุณูปการพุ่งเข้าไปจับงูให้ไทฮองไทเฮา ท่าทีจึงอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย ได้ยินนางเอ่ยเป็นนัยๆ จึงเอ่ยว่า “เหตุใดคุณหนูถังจึงเอ่ยเช่นนี้ ที่นั่งต่างกัน เกือบจะทำไทฮองไทเฮาตกพระทัย เกิดงูตัวนั้นมีพิษ ก็จะยิ่งจะมีโทษประหารไม่ได้รับการอภัย ไม่ใช่ความผิดของบรรดานางกำนัลเหล่านี้แล้วจะเป็นความผิดของผู้ใด!”
ถังอู๋โยวเงยหน้าขึ้นอย่างอ่อนแอ เหลือบมองสตรีข้างกายไทฮองไทเฮา “ไม่ใช่ว่าอู๋โยวบังอาจอกตัญญูต่อหวงกุ้ยเฟย แต่…แม่นางชูซย่ายกถาดผลไม้มา แล้วมีงูตัวนี้ปรากฏตัวขึ้น…”
ประโยคนี้เอ่ยออกไป เรียกเสียงอื้ออึงดังขึ้นมาอีกระลอก ความหมายของประโยคนี้คือหวงกุ้ยเฟยจงใจปล่อยงูมาทำร้ายคนอย่างนั้นรึ แต่หวงกุ้ยเฟยจะทำร้ายไทฮองไทเฮาไปเพื่ออะไร วันนี้แม่นางถังอยู่ข้างกายไทฮองไทเฮาตลอด หวงกุ้ยเฟยจิตใจคับแคบ จึงสั่งสอนคุณหนูถังที่เสนอตัวเองแก่ฝ่าบาทและใกล้จะได้เข้าวังมาอย่างนั้นรึ
ท่ามกลางการคาดเดาต่างๆ นานาไม่หยุดหย่อน ถังอู๋โยวก้มหน้าลง มุมปากหยักยกขึ้น
เจี่ยไทเฮากลับไม่เชื่อว่าอวิ๋นหว่านชิ่นจะทำร้ายนาง แต่ถังอู๋โยวพูดเช่นนี้ ก็ยังทรงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองไปยังอวิ๋นหว่านชิ่นที่อยู่ข้างกาย ทว่าเห็นนางท่าทางสบายๆ ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย “เช่นนั้น คุณหนูถังหมายความว่า สาวใช้ของข้าเป็นคนปล่อยของสิ่งนี้ออกมา จงใจทำร้ายไทฮองไทเฮาอย่างนั้นรึ”
ถังอู๋โยวพลันหมอบลงกับพื้น เอ่ยอย่างตระหนกว่า “หวงกุ้ยเฟยโปรดอภัยด้วย อู๋โยวมิได้บอกว่าหวงกุ้ยเฟยทำร้ายไทฮองไทเฮา แต่เกรงว่ากลิ่นหอมบนถาดผลไม้จะรุนแรงเกินไป เรียกงูให้มา…”