ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 272.4 แต่งตั้งธิดาบุญธรรม (4)
คำอธิบายนี้ ไม่สู้ไม่อธิบายดีกว่า เพราะยิ่งชี้ไปว่าอวิ๋นหว่านชิ่นเป็นคนทำ เรียกความสงสารของฝูงชนขึ้นมาโดยพลัน
เจี่ยไทเฮาเงียบงันไป หม่าซื่อก็มองไปยังหวงกุ้ยเฟย บรรยากาศเย็นเยียบไปทั่วทั้งบริเวณ
ในขณะนั้นเอง จูซุ่นจับงูที่โดนเหยียบตายตัวนั้นเดินเข้ามาหา
“จูซุ่น เจ้ายังจะเอางูตัวนั้นมาทำไมอีก อย่าทำให้ไทฮองไทเฮาตกพระทัยสิ ยังไม่ทิ้งไปอีก!” หม่าซื่อตวาดใส่
จูซุ่นไม่ทิ้งไปไม่พอ ยังชูงูตัวนี้ต่อหน้าผู้คนอีกด้วย นางเอ่ยว่า “ไทฮองไทเฮาอย่ากลัวไปเพคะ นี่ไม่ใช่งู แต่เป็นไส้เดือนยักษ์ที่ตัวอวบอ้วนเท่านั้นเพคะ!”
“ว่าอย่างไรนะ ไส้เดือนรึ” หม่าซื่อนิ่งอึ้ง บรรดาสตรีก็พากันซิบซุบขึ้น รีบพินิจมองอย่างละเอียดทันที
“ใช่น่ะสิ! ลายสีเขียวบนตัวเกรงว่าจะโดนน้ำจากใบไม้บนสนามหญ้าอาบย้อมไป อีกทั้งไส้เดือนยักษ์เดิมทีก็ตัวใหญ่อยู่แล้ว เมื่อครู่ตระหนกตกใจ จึงได้เห็นเป็นงูกันหมด ไทฮองไทเฮาอย่าตระหนกไปเพคะ” จูซุ่นเอ่ย
ชูซย่าเดินเข้าไปหาสองสามก้าว ชี้ไส้เดือนยักษ์ที่อยู่ระหว่างนิ้วจูซุ่น แล้วเอ่ยกับถังอู๋โยวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันฉีกหน้าว่า “ดังนั้น ความหมายของคุณหนูถังก็คือนายหญิงของบ่าวใช้ไส้เดือนตัวหนึ่ง…มากัดไทฮองไทเฮาให้ตายอย่างนั้นรึ”
เจี่ยไถเฮาถอนหายใจ
ถังอู๋โยวจึงได้เห็นตัวที่อยู่ในมือจูซุ่นชัดๆ ว่าเป็นไส้เดือนยักษ์ที่เพียงพอจะมองเป็นงูเด็กได้ จึงจำต้องหมอบลง “เมื่อครู่อู๋โยวนึกว่าเป็นงู เป็นห่วงความปลอดภัยของไทฮองไทเฮา กลัวว่าจะมีคนทำร้าย จึงได้พูดไม่คิด ไม่ได้ตั้งใจจะสงสัยหวงกุ้ยเฟย ขอหวงกุ้ยเฟยโปรดอภัย…”
สถานการณ์ยามนี้ ผู้แข่งขันสองฝ่ายในสนามแข่งเห็นความวุ่นวายเล็กๆ บนอัฒจันทร์จึงได้หยุดลงชั่วคราว ดวงตาลุกโชนสองข้างของอี๋ซื่ออ๋องมองไป
ห่วงความปลอดภัยของตนอย่างจริงใจที่ไหนกัน ก็แค่ใช้โอกาสโจมตีหวงกุ้ยเฟยเท่านั้น แม่นางถังผู้นี้ พอได้เข้าวังหลัง กลายเป็นชายาสนมแล้ว ดูท่าคงเป็นคนที่ทำให้น่ากังวลคนหนึ่ง เจี่ยไทเฮาก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำเพียงตรัสอย่างเนิบช้าว่า “ในเมื่อเจ้าปกป้องข้า แล้วจะมีโทษใดได้”
อวิ๋นหว่านชิ่นก็เออออตามประสงค์เจี่ยไทเฮา เดินเข้าไปหาสองสามก้าว พยุงถังอู๋โยวให้ลุกขึ้นด้วยตัวเอง แย้มยิ้มกว้าง “เจ้าช่วยไทฮองไทเฮาไว้มีคุณงามความดี ไม่โดนลงโทษไม่พอ ยังจะได้รับรางวัลอีกด้วย” แล้วก็หันกลับไปเอ่ยอย่างน่าเอ็นดูว่า “ใช่หรือไม่เพคะ ไทฮองไทเฮา”
ทุกคนเห็นหวงกุ้ยเฟยเพิ่งจะโดนแม่นางหันสงสัยเมื่อครู่ แต่กลับไม่โกรธเคืองเลยสักนิด และไม่โจมตีเพื่อแก้แค้นด้วย ตรงกันข้าม ยังเอ่ยปากขอรางวัลแทนแม่นางหันอีก จึงรู้สึกชื่นชมนับถือนางที่จิตใจกว้างใหญ่ไปโดยไม่รู้ตัว
เจี่ยไทเฮาได้ยินก็ยิ้มตรัสว่า “หวงกุ้ยเฟยพูดถูก หวงกุ้ยเฟยมีข้อเสนอดีๆ อันใดเล่า”
ถังอู๋โยวใจกระตุก โอกาสมาแล้ว ยามนี้หากเสนอว่าอยากจะปรนนิบัติฝ่าบาท ไทฮองไทเฮาจะทรงไม่รับปากได้อีกหรือ เห็นอวิ๋นหว่านชิ่นกำลังจะเอ่ยขึ้น กลัวว่านางจะพูดเป็นอย่างอื่นไป ริมฝีปากอวบอิ่มแย้มอ้า หมายจะเอ่ยขอรางวัลเอง
อวิ๋นหว่านชิ่นรู้ว่านางจะพูดอะไร จึงแย้มยิ้มเอ่ยว่า “พี่ชายของคุณหนูถังเป็นอี๋อ๋อง รางวัลธรรมดาๆ ก็เป็นแค่การเพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย[1] เดิมทีควรจะประทานสามีดีๆ ให้สักคนหนึ่ง แต่คุณหนูถังได้แสดงเจตจำนงในงานเลี้ยงว่าไม่อยากแต่งให้ใคร เช่นนั้นก็ประทานฐานันดรให้ดีกว่าเพคะ”
ประโยคนี้เอ่ยออกไป ถังอู๋โยวพลันตกใจ นางจะใจดีเพียงนี้เชียวรึ นางกลืนคำพูดของรางวัลที่กำลังจะโพล่งออกจากปากกลับไป เจี่ยไทเฮาก็นิ่งอึ้งเช่นกัน
อวิ๋นหว่านชิ่นยิ้มบาง “ไทฮองไทเฮาเมตตากรุณา สนิทสนมกับคุณหนูถัง ทั้งยังรักใคร่เอ็นดู หากไทฮองไทเฮารับคุณหนูถังเป็นธิดาบุญธรรม ประทานฐานันดรให้คุณหนูถังสักตำแหน่ง หนึ่งคือเพื่อยกย่องคุณงามความดีของนาง สองนั้นสามารถเพิ่มเกียรติยศให้แก่จวนอี๋ซื่ออ๋องได้ ดีงามทั้งสองอย่างเลยมิใช่หรือเพคะ”
นัยน์ตาถังอู๋โยวหดเกร็ง ดวงใจแทบจะกระเด็นออกมา สีหน้าแดงก่ำทันใด ธิดาบุญธรรมอย่างนั้นรึ
“ไม่เลว ความเห็นนี้ของหวงกุ้ยเฟยไม่เลวทีเดียว” หม่าซื่อยิ้มเอ่ย ไทเฮาในสมัยก่อนๆ รับธิดาบุญธรรมก็มีไม่น้อย นับได้ว่าเป็นเรื่องราวที่ทำให้คนอื่นสรรเสริญ
เจี่ยไทเฮาก็พระทัยกระตุก หากทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ดีงามทั้งสองอย่างจริงๆ ทั้งสามารถทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาท ขัดขวางอี๋ซื่ออ๋องส่งสตรีเข้าวัง และไม่เป็นการฉีกหน้าอี๋ซื่ออ๋องด้วย ให้อี๋ซื่ออ๋องผ่อนคลาย อีกสองสามวันค่อยเลือกสวามีให้กับองค์หญิงใหญ่ที่เป็นธิดาบุญธรรมนางนี้ ทีนี้ก็จะสามารถส่งถังอู๋โยวออกจากวังไปได้แล้ว
ถูกไทฮองไทเฮารับเป็นธิดาบุญธรรม เช่นนั้นตนก็จะกลายเป็น…อาของฝ่าบาทน่ะสิ
กว่าตนจะสลัดสถานะลูกพี่ลูกน้องของเขาไปได้ ก็เพื่อจะได้มีโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันกับเขาอย่างบริสุทธิ์ไร้ข้อกังขา ยามนี้จะกลายเป็นอาเขาอีกแล้ว
ถังอู๋โยวเห็นเจี่ยไทเฮาพระพักตร์ผ่อนคลาย คล้ายมีความตั้งใจจะตกลง ก็ตระหนกขึ้นมา นางโขกหัวทูลว่า “อู๋โยวไหนเลยจะมีวาสนาเป็นถึงธิดาบุญธรรมของไทฮองไทเฮาได้! รางวัลนี้ใหญ่หลวงเกินไป อู๋โยวรับไม่ได้หรอกเพคะ! ขอทรงรับสั่งกลับคืนด้วย!”
“แม้จะเป็นแค่ไส้เดือนที่ทำร้ายคนไม่ได้ตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ก่อนหน้านี้คุณหนูถังไม่รู้ จึงได้ทุ่มชีวิตช่วยเหลือ แสดงถึงความจงรักภักดีโดยไม่เสียดายชีวิตต่อไทฮองไทเฮา นี่เป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ จะรับไว้ไม่ได้ได้อย่างไร” อวิ๋นหว่านชิ่นแย้มยิ้มเอ่ย “คุณหนูถังพักอยู่ที่ตำหนักฉือหนิงมาตั้งนานเพียงนี้ ก็เหมือนเป็นธิดาแท้ๆ ของไทฮองไทเฮาหรอกมิใช่หรือ เว้นเสียแต่ว่า คุณหนูหันไม่เห็นสถานะธิดาบุญธรรมของไทฮองไทเฮาอยู่ในสายตา”
ถังอู๋โยวพูดไม่ออก จะกล้าอกตัญญูต่อไทฮองไทเฮาได้อย่างไร ทว่าชั่วขณะนั้นเอง เจี่ยไทเฮาก็ตัดสินพระทัยอย่างแน่วแน่ ไหนเลยจะอนุญาตให้นางปฏิเสธ ตรัสขึ้นด้วยเสียงนุ่มว่า “อีกเดี๋ยวข้าจะทูลขอราชโองการจากฝ่าบาท พระราชทานบรรดาศักดิ์องค์หญิงใหญ่ให้อู๋โยว คงต้องตามข้าไปพักที่ตำหนักฉือหนิงชั่วคราวก่อน”
ประโยคนี้ตรัสขึ้น ถังอู๋โยวนิ่งงันอยู่กับที่ ไหนเลยจะมีความปรีดาที่จะกลายเป็นธิดาบุญธรรมของไทฮองไทเฮา สีหน้านางซีดเผือด วิญญาณหลุดลอยหายลับ เนิ่นนานทีเดียวภายใต้การเตือนของหม่าซื่อ จึงได้เอ่ยขึ้นเสียงสั่นทีละถ้อยทีละคำคล้ายเดือนสิบสองอันเหน็บหนาวว่า “ขะ…ขอบพระทัยไทฮองไทเฮาเพคะ” จากนั้นก็โดนสาวใช้พยุงไว้ นั่งลงบนที่นั่งด้วยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อ ทว่านั่งนิ่งไม่ขยับ และไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก
อี๋ซื่ออ๋องรู้ว่าเรื่องราวดำเนินไปถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรได้อีก แม้จะไม่ค่อยพอใจ แต่ในเมื่อไทฮองไทเฮาทรงออกราชโองการแล้วจึงหมดหนทาง ยิ่งไปกว่านั้นแต่งตั้งน้องสาวเป็นธิดาบุญธรรมของไทฮองไทเฮา ก็นับได้ว่าไว้หน้ากันมากแล้ว
หากอู๋โยวกลายเป็นธิดาบุญธรรมในราชวงศ์ มีความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติระดับเดียวกันกับไทฮองไทเฮาและฝ่าบาท ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ต่อการโน้มน้าวให้ทำศึกของตน คิดมาถึงตรงนี้ อี๋ซื่ออ๋องก็จำต้องข่มความไม่พอใจเอาไว้ชั่วคราว พลิกตัวลงจากหลังม้า เดินเข้าไปประสานมือไปทางอัฒจันทร์ “ขอบพระทัยไทฮองไทเฮาที่พระราชทานรางวัลให้พ่ะย่ะค่ะ”
“ได้เป็นองค์หญิง เสียเปรียบไปหน่อย” เสียงสตรีดังลอยมาจากม้าอวี้ฮวาชงด้านข้าง
เดิมทีอี๋ซื่ออ๋องก็อารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เขาเดินกลับไปยังม้าตน ทว่าจงใจตบม้าของตัวเองฉาดใหญ่ ม้าหันหลังกลับ แฝงคอดกหนาของม้าก็สะบัดไปโดนหัวม้าอวี้ฮวาชงตัวนั้น บดบังสายตาของม้าขาวไป
ม้าอวี้ฮวาชงได้รับความตกใจ ก้าวถอยไปหลายก้าว เฉินจื่อหลิงเกือบโดนม้าดีดสะบัดตกลงไปอีกครั้ง เมื่อครู่เขาใช้กลโกงไปหนึ่งตา เรื่องราวทั้งสองรวมเข้าด้วยกันนางก็เดือดดาลขึ้นมา ยกแส้ม้าขึ้น สะบัดไปทางอี๋ซื่ออ๋อง เรียกเสียงอุทานขึ้นมาจากด้านข้างว่า “แม่นางตระกูลแม่ทัพเฉินนางนั้นร้ายกาจยิ่ง!”
อี๋ซื่ออ๋องพลิกมือใช้กำลังคว้าแส้ม้าไว้ ทว่ายังคงขวางอันตรายไว้ไม่ได้โดนแส้ฟาดจนสะดุ้ง ก็โกรธเคืองขึ้น เขาใช้กำลังจับแส้แล้วดึงคนบนหลังม้าอวี้ฮวาชงลงมา
เฉินจื่อหลิงไม่ทันได้ปล่อยมือก็ตกลงมาจากหลังม้าตามการดึงของเขา บุรุษผู้นี้โหดเหี้ยมนัก ตกลงกระแทกพื้น ไม่บาดเจ็บถึงเส้นเอ็นและกระดูกก็คงต้องมีหน้าบวมจมูกช้ำกันบ้างล่ะ! ต่อให้ตกม้าเขาก็ต้องร่วมรับกรรมด้วยสิ อยากจะให้นางได้รับบาดเจ็บขายหน้าอยู่คนเดียวรึ จะตายก็ต้องตายด้วยกันสิ
อี๋ซื่ออ๋องไหนเลยจะรู้ว่านางจะไม่ปล่อยมือ และไหนเลยจะคิดว่านางจะโผมาหาตน เขาทำอะไรไม่ถูก ถูกนางชนกระแทกล้มกลิ้งอยู่บนสนามหญ้าหลายตลบ ซ้ำยังถูกนางฟุบอยู่บนท้องน้อยของตัวเองอีก ทับลงมาเสียเต็มเปา
—————————–
[1] เพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย การประดับตกแต่งสิ่งที่สวยงามอยู่แล้วให้สวยงามยิ่งขึ้นไปอีก เปรียบเปรยถึงการกระทำที่ไม่จำเป็น