ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 273.2 รัชทายาทในมารดาเดียวกัน (2)
นางดันน้ำมันสะระแหน่ออกไป มองไปรอบๆ คราหนึ่ง เห็นนางกำนัลมากมาย ก็ไม่กล้าทำเรื่องใหญ่โต พึมพำเบาๆ ว่า “ไม่เป็นไรจริงๆ ข้าไปเข้าเฝ้าไทฮองไทเฮาก่อน อธิบายเรื่องที่อุทยานเสียหน่อย ให้นางหายโกรธจนสิ้น…เรื่องนี้กลับไปค่อยว่ากันได้หรือไม่”
“เจ้าคุกเข่าจนเป็นลมแล้ว ยังจะอธิบายอันใดอีก!” ซย่าโหวซื่อถิงสีหน้าทะมึน เห็นนางดื้อรั้นก็ไประบายโทสะใส่หมอหลวงแทน “พวกหมอหลวงจากสำนักแพทย์หลวงเล่า ต่อให้คลานมาก็ต้องคลานมาแล้วกระมัง!”
ฉีไหวเอินยิ้มขื่น นี่เพิ่งผ่านไปเท่าใดเอง ติดปีกบินยังบินมาไม่ถึงเลย
นางดึงแขนเสื้อเขา แอบบอกเป็นนัยว่า “เรียกเหยาย่วนพั่นมาเถิด”
เวลานี้ ดันเรียกแต่เหยาย่วนพั่นมาคนเดียว ฉีไหวเอินกับชูซย่าตกใจ
เหยาย่วนพั่นเป็นหมอหลวงผดุงครรภ์ตอนที่เหนียงเหนียงตั้งท้องสู่อ๋องนี่นา
กระทั่งซย่าโหวซื่อถิงดวงตายังสั่นไหว
เจี่ยไทเฮากำลังเสด็จมาดูพอดี ได้ยินประโยคนี้เข้า สะดุ้งขึ้นสาวเท้าเข้าไปหา นั่งลงข้างเตียง ตรัสอย่างปรีดาว่า “มีครรภ์แล้วรึ”
ซย่าโหวซื่อถิงกล้ามเนื้อบนหน้ากระตุก
ก่อนหน้านี้ฉีไหวเอินกับชูซย่าและคนอื่นๆ ไม่กล้าเอ่ยขึ้นมั่วซั่ว กลัวว่าจะผิด ได้ยินไทฮองไทเฮาตรัสเช่นนี้ก็หลีกทางให้ด้วยความปรีดา
อวิ๋นหว่านชิ่นลงจากเตียง เลิกกระโปรงคุกเข่าลง “สองวันก่อนรู้สึกว่าร่างกายแปลกๆ อยู่เล็กน้อย จึงจับชีพจรตัวเองดู น่าจะใช่เพคะ เดิมทีหมู่นี้ว่าจะหาโอกาสบอกกับฝ่าบาทเป็นการส่วนตัวก่อน คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะสนิทกับท่านทวด วันนี้พอมาตำหนักฉือหนิงก็ทักทายท่านทวดเลย ทำเอาข้าขายหน้าต่อหน้าพระพักตร์ไทฮองไทเฮาแล้ว”
เจี่ยไทเฮาถูกริมฝีปากน้อยๆ ดั่งดอกบัวพูดเสียพระทัยเบิกบาน ก็แย้มยิ้มไม่หุบ พยุงนางขึ้นด้วยตัวเอง ให้นั่งอยู่ข้างกายตน
หม่าซื่อรู้ดีว่าก่อนหน้านี้หากไทฮองไทเฮาไม่พอใจกับการทำตามใจชอบโดยพลการของหวงกุ้ยเฟย ยามนี้เนื่องจากหวงกุ้ยเฟยตั้งครรภ์ ก็คงหายโกรธไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เด็กคนนี้เป็นดาวนำโชคเสียจริง นางยิ้มทูลว่า “ไทฮองไทเฮาใจจดใจดจ่ออยากจะได้สู่อ๋องน้อยสักคน ก่อนหน้านี้ไทฮองไทเฮายังบ่นกับหม่อมฉันว่าสู่อ๋องค่อยๆ โตขึ้นแล้ว มักจะพูดว่าไม่ให้ใครอุ้ม แล้วก็บอกว่าตัวเองหนักแล้ว กลัวว่าท่านทวดจะปวดเอว ทำเอาไทฮองไทเฮาหดหู่ยิ่ง ยามนี้เรียกได้ว่าดีแล้ว สมดังที่ทรงปรารถนา ไทฮองไทเฮาจะได้ยุ่งขึ้นมาอีกรอบแล้ว”
เจี่ยไทเฮาหน้าแดง ตบมือหม่าซื่อ “ข้าคงเอ็นดูเจ้าจนไร้ขื่อไร้แปเกินไปกระมัง เพ้อเจ้ออันใดกัน” ทุกคนกลับมองออกว่าหม่ามอมอพูดความในใจของไทฮองไทเฮาออกมาอย่างแท้จริง ไทฮองไทเฮามีทายาทไม่มาก มีหนิงซีฮ่องเต้เป็นโอรสเพียงคนเดียว ทรงชอบความครึกครื้นจากเด็กๆ ยิ่ง แต่เมื่อก่อนหนิงซีฮ่องเต้มีสตรีในวังหลังมากมาย แต่ละคนมีแต่แผนการสกปรก เอาทายาทของตัวเองมาเป็นเครื่องปกป้องตัวเอง นอกจากถวายพระพรแล้ว ก็ไม่ค่อยมาคบหาพูดคุย เจี่ยไทเฮาจึงเหงามาโดยตลอด
อวิ๋นหว่านชิ่นจับมือไทฮองไทเฮามาวางบนท้องน้อยแบนราบ ขนตากะพริบไหว “เด็กคนนี้ยังไม่ทันคลอดก็ได้รับความโปรดปรานจากไทฮองไทเฮาแล้ว จะต้องมีวาสนาไม่น้อยแน่ ภายหน้าหวังเพียงว่าเขาจะมีทั้งคุณธรรมและความสามารถภายใต้การเลี้ยงดูสั่งสอนของไทฮองไทเฮา เป็นพระนัดดาที่กตัญญูรู้คุณ อย่าได้เหมือนกับหม่อมฉัน ที่บุ่มบ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือทำให้ไทฮองไทเฮาไม่พอพระทัย”
เจี่ยไทเฮาฟังเสียจนทอดถอนใจ “เจ้าก็นับว่ากำจัดหนามตำมือให้ฝ่าบาทกับข้าแล้ว จะโทษเจ้าได้อย่างไร เจ้ากลับมาก็รีบมาขอโทษขอโพยข้า เห็นได้ชัดว่าเจ้าจริงใจกับข้า ข้าจะมีอันใดให้ไม่เชื่อเจ้าอีก ภายหน้า เรื่องที่หวงกุ้ยเฟยทำ ก็เป็นเจตนาของข้า”
หม่าซื่อทอดถอนใจ ไทฮองไทเฮาตำแหน่งสูงส่งมาทั้งชีวิต สมบูรณ์พูนพร้อมทุกอย่าง ได้รับความรักจากสวามี ได้รับการเคารพนบนอบจากลูกหลาน ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรมาจึงไม่ชอบสตรีในวังหลังเหล่านั้นที่ใช้วิธีการมาโจมตีกันเพราะความหึงหวง
ต่างแย่งชิงความโปรดปรานเช่นเดียวกัน ต่างทำเพื่อไล่พวกเหลือบไรไปกันทั้งนั้น หวงกุ้ยเฟยเพื่อทำลายความตั้งใจของอี๋ซื่ออ๋องในการส่งตัวลูกพี่ลูกน้องหญิงเข้าวัง จึงได้เอาไทฮองไทเฮาเป็นมีด หากเป็นคนอื่น ได้โดนไทฮองไทเฮาเคียดแค้นไปนานแล้ว แต่นี้ไปเป็นปรปักษ์ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ แอบกลั่นแกล้งไม่ให้สงบสุข แต่หวงกุ้ยเฟยกลับปลอบไทฮองไทเฮาจนจิตใจเบิกบานความโกรธสูญสิ้น จริงใจสัตย์ซื่อ คนสองคนไม่อาจเทียบกันได้
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นไทฮองไทเฮาสีหน้าผ่อนคลายลง มุมปากปรากฏเป็นลักยิ้ม ก็ถอนหายใจออกมา แล้วเหลือบมองบุรุษข้างกาย อารมณ์ของทุกคนต่างเบิกบาน ปฏิกิริยาของเขากลับสงบนิ่งกว่าที่นางคิดเอาไว้ ตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงยามนี้หน้าตาไม่ตกใจเลยสักนิด ราวกับเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเขาอย่างไรอย่างนั้น
ในขณะนั้นเอง หมอหลวงก็เข้ามา หลังจากจับชีพจรแล้ว ก็ยืนยันเรื่องตั้งครรภ์ชัดเจน ตำหนักฉือหนิงจึงยิ่งคึกคักขึ้น ซย่าโหวซื่อถิงให้รางวัลแก่ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นอย่างเรียบเฉย สายตาของทุกคนเห็นรางวัลนั้นก็รู้ว่าฝ่าบาททรงปรีดาเพียงใด ขอบพระทัยอย่างเปรมปรีดิ์ พอราชรถตระเตรียมเสร็จ ก็น้อมส่งทั้งสองออกจากตำหนักฉือหนิงไป
ราชรถเคลื่อนเลียบไปตามกำแพงวังอย่างมั่นคง เอวนางตึงขึ้น โดนเขาโอบเข้ามาในอ้อมอก ดวงใจในอกเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง ฝ่ามือก็เปียกชื้น จึงทำให้นางรู้ว่าเขาตื่นเต้น
“ข้ายังคิดว่าท่านไม่ดีใจอันใดเสียอีก” นางพึมพำเสียงเบา
มือใหญ่ของเขาลูบบนท้องนาง ลูบหลายครั้งอย่างรักใคร่ระมัดระวังโดยมีผ้าต่วนผืนบางกั้น “เด็กคนนี้เป็นดาวนำโชคของพวกเรา ช่วยเราขวางกั้นน้ำลายของตาเฒ่าพวกนั้น จะไม่ดีใจได้อย่างไร”
นางเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง เข้าใจที่เขาพูดมา ตั้งแต่ถังอู๋โยวเข้าพักที่ตำหนักฉือหนิง ภายใต้การชี้แนะอย่างลับๆ ของอี๋ซื่ออ๋อง บรรดาขุนนางในราชสำนักเติมเชื้อเพลิงให้เปลวไฟ โน้มน้าวฮ่องเต้ให้มีทายาทมากมายและรับสนม แม้จะไม่ได้บอกตรงๆ แต่ความหมายในคำพูดกลับบอกว่าวังหลังยามนี้มีเพียงองค์ชายพระองค์เดียว หวงกุ้ยเฟยไม่ได้มีทายาทมาสองปีแล้ว
ยามนี้ ถังอู๋โยวถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิงใหญ่ ซ้ำอวิ๋นหว่านชิ่นก็ยังมีข่าวดี นับได้ว่าสามารถปิดปากของขุนนางที่ปรึกษาพวกนี้เอาไว้ได้ชั่วคราว
ทว่าก็กลัวว่าจะได้แค่สักระยะหนึ่งเท่านั้น
เมื่อก่อนเพื่อสงบจิตใจของฝ่ายฮ่องเต้พระองค์เก่าเอาไว้ เขาบอกแค่ว่าเป็นฮ่องเต้ชั่วคราวแทนหลงชังฮ่องเต้เท่านั้น จึงไม่มีใครมาโน้มน้าวให้รับสนม แต่ยามนี้ หลงชังฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ที่แดนเหนือแล้ว บัลลังก์มังกรของเขาค่อยๆ มั่นคง ข้อเสนอเช่นนี้ เกรงว่าจะมากขึ้นมาอีก
“ฮ่องเต้ในประวัติศาสตร์…”
เขารู้ว่านางจะพูดอะไร หางตาเลิกขึ้น โน้มคอลงเล็กน้อย ใช้ไอร้อนหอมหวานขัดคำพูดนางไว้ “ไม่ต้องพูดถึงประวัติศาสตร์อันใด ฮ่องเต้ในประวัติศาสตร์มีมากมาย แต่ไม่มีใครเหมือนเรา เราก็ไม่ชอบไปเลียนแบบใครด้วย เราเกิดจากวังหลวง โตในหมู่ชาวบ้าน ไม่เคยได้รับการสั่งสอนดั้งเดิมแบบองค์ชาย เราคนนี้อยู่ในสายตาคนอื่นไม่อาจเป็นคนที่จะเป็นฮ่องเต้ได้ แต่ดันเป็นฮ่องเต้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ รัชทายาทที่เกิดจากมารดาเดียวกันก็พอจะกลายเป็นความนิยมของราชวงศ์ซย่าโหวได้”
ดวงใจนางกระตุก รู้สึกเพียงฝ่ามือของเขาลูบบนผิวท้องของตนอีกครั้ง พิจารณาอย่างละเอียด
นางอดเย้าขึ้นมาไม่ได้ว่า “ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย”
แต่เขากลับรู้สึกว่าเป็นครั้งแรก นางมีประสบการณ์แล้ว เขากลับยังเป็นมือใหม่ แทบจะไม่รู้อะไรสักอย่าง ตอนตั้งท้องซวินเอ๋อร์ เขาไม่ได้อยู่ข้างกายนาง รู้สึกว่าเพียงพริบตาเดียวก็มีลูกชายเพิ่มขึ้นมาแล้ว ยามนี้เขาจึงได้รู้สึกเป็นพ่อคนอย่างแท้จริง
“เหตุใดจึงไม่มีการเคลื่อนไหวใดเลยเล่า” เขาจิ้มท้องอ่อนนุ่มของนาง น้ำเสียงเป็นกังวล
นางโดนเขาจิ้มโดนเส้นก็หัวเราะออกมา “ท่านเห็นเป็นแมวหรือ เดือนนี้ท้อง เดือนหน้าก็คลอดแล้ว การเคลื่อนไหวของครรภ์ตอนนี้ยังเร็วไปนัก”
เขากระจ่างแจ้ง วางใจได้ลง แง้มม่านขึ้นกึ่งหนึ่ง สั่งด้านนอกว่า “อุ้มซวินเอ๋อมาตำหนักฝูชิง” ในเมื่อมีน้องเพิ่มมาคนหนึ่ง ก็ควรจะร่วมยินดีกันทั้งครอบครัว
ตำหนักฉือหนิงบรรยากาศเปรมปรีดิ์เพิ่งจะจางไป ในตำหนักด้านข้างกลับเกิดความวุ่นวายเล็กๆ ขึ้น
สาวใช้นามเสี่ยนชุนวิ่งกลับมาจากด้านนอก เล่าสาเหตุความคึกคักภายในตำหนักฉือหนิงให้ผู้เป็นนายฟัง