ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 274.5 ตอนอวสาน (5)
ละโมบไม่รู้จักพอ นี่ต้องให้รางวัลอยู่แล้ว คนที่ขายนายตัวเอง ไหนเลยจะไม่ละโมบ ถังอู๋โยวรีบเข้าไป กลัวว่านางกำนัลจะกลับมา บนร่างไม่มีสิ่งใดติดตัวจึงดึงหยกพกยัดใส่มือนางไป
มั่นกู่ไม่ชักช้ายืดยาดอีก ถือหยกพกออกไปด้วยความปรีดา
ถังอู๋โยวเดินย่องเข้าไปในห้องอันริบหรี่ บนโต๊ะไม้แดงตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลเตียงมีเทียนราตรีจุดอยู่
นางกวาดตามองไปยังกระถางกำยานภายในห้อง เดินเข้าไปหา นั่งยองๆ ลง ล้วงห่อยาที่กลับจวนซื่ออ๋องแล้วถือโอกาสเอาเข้าวังมาด้วยห่อนั้นออกมา เปิดออกแล้วเทลงไปหมดห่อ
เพียงไม่นาน อุณหภูมิภายในห้องก็พุ่งสูงขึ้นมาก ทำให้เหงื่อผุดซึม ซ้ำยังมีกลิ่นหอมประหลาดลอยอวลขึ้นด้วย ทำให้จิตวิญญาณคนสั่นสะเทือนตามการสูดดมเข้าไปเบาๆ ยาเสน่ห์ล่อลวงชายในหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้ อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ของธรรมดา นางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีวันที่ต้องใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ ทว่ายามนี้จะทำอะไรได้ จำต้องสู้ตายอย่างเดียวแล้ว
นางเดินไปใกล้เตียง เห็นร่างบุรุษภายในม่านมุ้ง แม้จะมองไม่ชัด แต่ก็พอจะเห็นรูปร่างสูงใหญ่ได้อย่างเลือนลาง
ใจนางเต้น
อาจเพราะบุรุษสูดกลิ่นหอมเข้าไป กึ่งหลับกึ่งตื่นร้อนผะผ่าวยิ่ง พลิกตัวไปมา ดึงทึ้งคอเสื้อออก เผยคอและกล้ามเนื้ออกให้เปิดอ้า
นางเป่าเทียนเล่มสุดท้ายบนโต๊ะนั้นให้ดับลง ภายในห้องตกสู่ความมืดมิดจนยื่นมือไปก็ไม่เห็นนิ้วทั้งห้า
นางเข้าไปเลิกม่านขึ้น นั่งลงข้างเตียง มือขาวลูบผ้าต่วนที่นุ่มลื่นดั่งไหมบนร่างบุรุษ
บุรุษคล้ายโดนนางรบกวน ก็ยิ่งขยับมากยิ่งขึ้น ดึงข้อมือนางมา ร่างนางเอนเอียง ครางออกมาคำหนึ่ง ฟุบลงบนร่างบุรุษ พร้อมกับกลิ่นหอมประหลาดภายในห้องที่เข้มมากขึ้น บุรุษก็ยิ่งรุ่มร้อนมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด มือหนึ่งดึงทึ้งเข็มขัดนางออก ลำคอคำรามราวกับสัตว์ป่าที่หิวโซสุดแสน
กลิ่นหอมบนอาภรณ์ลอยเข้าจมูก
กลิ่นนี้นางเคยได้กลิ่นที่ตำหนักฉือหนิงมาก่อน เป็นกลิ่นที่วันนั้นชูซย่านำมาด้วย
เป็นน้ำหอมกู่หลงอบผ้าที่แม่นางอวิ๋นทำให้เขา มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นจึงจะสามารถใช้ได้
เป็นเขา เป็นเขาจริงๆ
นางนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะมีวันนี้ นึกไม่ถึงว่าจะใกล้ชิดสนิทแนบกับเขาได้เช่นนี้
ต่อให้เป็นฝัน ต่อให้ครั้งนี้ไม่สำเร็จ นางก็คุ้มค่าแล้ว!
อวิ๋นหว่านชิ่น เขาไม่ได้เป็นแค่ผู้ชายของเจ้าคนเดียวแล้ว…
ยิ่งแนบชิดกับเขามากขึ้นเท่าใด น้ำหอมบนอาภรณ์เขาก็ลอยกรุ่นมาไม่ขาดสาย นางกัดฟันแน่น ราวกับเกิดความปรารถนาบางอย่างขึ้น แขนขาวยกขึ้นดึงม่านเตียงลง
ราตรีดึกสงัด จันทราเคลื่อนคล้อย กลิ่นหอมเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ภายในม่านมุ้งพลิกตลบนุ่มนวล พายุคลั่งฝนคะนอง
ยามฟ้าใกล้สาง สตรีที่โดนบุรุษรังแกจนกระดูกทั่วทั้งร่างเกือบหลุดประดับรอยยิ้มพอใจลงจากเตียงไปเงียบๆ ก่อนจะไป ยังไม่ลืมดึงชั้นในยัดไว้ในมุมลับใต้เตียงนั้นด้วย
วันคืนผ่านไปดั่งสายน้ำไหล
ระยะนี้เจี่ยไทเฮารู้สึกข้างหูเงียบๆ แม่นางถังที่พักอยู่ตำหนักด้านข้างไม่ได้มาถวายพระพรหลายวันแล้ว
ตั้งแต่แต่งตั้งให้เป็นองค์หญิงใหญ่ แม่นางถังนางนี้ก็เหมือนมะเขือที่โดนน้ำค้างแข็ง ไร้ชีวิตชีวา แต่อย่างไรเสียคนก็ยังคงพักอยู่ตำหนักฉือหนิง ยังคงต้องทำตามกฎของวัง มาถวายพระพรเป็นระยะๆ อยู่ดี
ครานี้ไม่หน้าเห็นตามาหลายวัน แปลกนัก
หม่าซื่อได้รับพระประสงค์จากไทฮองไทเฮา จึงวิ่งไปตำหนักด้านข้าง ครู่ใหญ่ต่อมาก็รีบร้อนกลับมา
เจี่ยไทเฮากำลังถือกรรไกรเงินด้ามเล็กตัดแต่งต้นไม้ในกระถางอยู่ข้างหน้าต่างด้วยพระองค์เอง เห็นหม่าซื่อหน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดซึม ก็ไม่คิดอะไรมาก ตรัสไปว่า “ตื่นตระหนกอันใด เด็กคนนั้นเป็นอันใดรึ”
หม่าซื่อไล่นางกำนัลในห้องออกไป เจี่ยไทเฮารู้สึกแปลกๆ จึงวางกรรไกรลงแล้วมองนางนิ่ง
หม่าซื่อเข้ามาใกล้ กระซิบเสียงเบาว่า “ไทฮองไทเฮา เสี่ยนชุนบอกว่าหมู่นี้แม่นางถังลงจากเตียงไม่ได้ ไม่ค่อยสบาย บ่าวอยากจะไปดูองค์หญิงใหญ่เซิ่นอี๋เสียหน่อย เสี่ยนชุนกลับสีหน้าตระหนก บ่ายเบี่ยงไปมา บอกแค่ว่าองค์หญิงใหญ่ไม่สะดวกพบใคร”
ป่วยแล้วเหตุใดไม่มารายงานสักคำหรือไม่ก็ไปเชิญหมอหลวงมาเล่า ล้มป่วยแล้วมีอันใดให้ไม่สะดวกพบคนได้ เจี่ยไทเฮาฟังน้ำเสียงหม่าซื่อก็รู้ว่ามีความนัยในนั้น ขนงขมวดมุ่น “เจ้าพูดจาอึกอักเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด มีอันใดก็ว่าตรงๆ”
หม่าซื่อไม่ลังเลอีกต่อไป ทูลว่า “บ่าวสงสัย จึงให้นางกำนัลที่ตำหนักด้านข้างมาถามว่าองค์หญิงใหญ่ป่วยเป็นอะไร มีอาการเช่นไรบ้าง นางกำนัลคนนั้นบอกว่าหมู่นี้องค์หญิงใหญ่กินอะไรก็อาเจียนออกมาหมด มักจะผะอืดผะอม ดูเหมือนว่า…เข็มขัดอนามัยก็ไม่ได้ใช้มาสามสี่เดือนแล้ว”
เสียง ‘ตุ้บ’ ดังขึ้น กรรไกรตกลงบนโต๊ะ เจี่ยไทเฮาตกใจยิ่ง “เจ้าหมายความว่า…” หม่าซื่อขมวดคิ้ว พยักหน้าให้
“แล้วฝ่ายชายเป็นใคร” เจี่ยไทเฮาสีหน้าเปลี่ยน แม่นางถังนอกจากวันนั้นที่กลับจวนซื่ออ๋องไปครึ่งวันแล้ว ระยะนี้พักอยู่แต่ในวังตลอด วังหลวงกฎเกณฑ์เป็นระเบียบ โดยเฉพาะสถานที่สำคัญอย่างวังหลัง บุรุษที่ติดต่อกับสตรีกลุ่มนี้ล้วนเป็นขันที เหตุใดจึงเกิดเรื่องตั้งครรภ์ขึ้นมาได้
“ตอนนั้นบ่าวก็ลากเสี่ยนชุนมาแอบถาม ใครจะคิดว่าเสี่ยนชุนจะร้องไห้ขึ้นมา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมพูด เหมือนกับ…กลัวคนๆ นั้นอย่างไรอย่างนั้น”
แม่นางถังนั่นเป็นลูกพี่ลูกน้องหญิงของอี๋ซื่ออ๋อง ทั้งยังเพื่อจะถูกแต่งตั้งเป็นองค์หญิงใหญ่ จะไปหวาดกลัวใครได้
เจี่ยไทเฮาในใจเกิดประกายวาบทันใด
ในขณะนั้นเอง กลับได้ยินเสียงโวยวายดังเข้ามา มีคนตื่นตระหนกวิ่งเข้ามารายงานว่า “ไทฮองไทเฮาเพคะ แย่แล้ว เกิดเรื่องขึ้นกับองค์หญิงใหญ่เซิ่นอี๋แล้ว!”
“เกิดอันใดขึ้น” หม่าซื่อถามอย่างตกใจ
“หม่ามอมอไปได้ไม่นาน องค์หญิงใหญ่เซิ่นอี๋…นางผูกขื่อแล้ว!”
เจี่ยไทเฮารีบพาหม่าซื่อและจูซุ่นไปตำหนักด้านข้างทันที เพิ่งจะเข้าห้องนอนมา เห็นบนขื่อมีเชือกเปล่าแขวนอยู่ ถังอู๋โยวโดนคนอุ้มมาวางไว้บนเตียง ถูกช่วยลงมาได้ แม้จะอ่อนแรงอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไร ทำเพียงปัดแขนเสี่ยนชุนออก ร้องห่มร้องไห้ยกใหญ่ “เจ้าจะขวางข้าไว้ทำไม ไม่สู้ให้ข้าตายไปอย่างใสสะอาดดีกว่า…”
“องค์หญิงใหญ่อย่านะเพคะ ไทฮองไทเฮาเป็นคนเข้าอกเข้าใจและมีเหตุมีผล ไม่ให้ท่านตายอย่างไร้ความยุติธรรมแน่นอน…” เสี่ยนชุนร้องไห้พลางกอดเอวนายหญิงไว้
ภายในห้องอาภรณ์บอบบาง ผนวกกับการดิ้นของถังอู๋โยวทำให้หลุดลุ่ยลงมาครึ่งหนึ่ง เจี่ยไทเฮากับหม่าซื่อเห็นสตรีผอมบางอ้วนท้วมขึ้นไม่น้อย แววตาเลื่อนลงด้านล่าง เอวนูนขึ้นมา
เจี่ยไทเฮาตกใจและในใจก็เกิดความฉงนขึ้น หลังจากนิ่งอึ้งไปก็ตำหนิว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่! อู๋โยว เจ้าบอกข้ามา! เจ้าตั้งครรภ์ใช่หรือไม่ ในวังหลวงเข้มงวด เจ้าจะบุ่มบ่ามได้อย่างไร นึกไม่ถึงว่าจะตั้งครรภ์มารหัวขน อีกฝ่ายของเจ้าเป็นใครกันแน่!”
เด็กสาวบนเตียงเห็นไทฮองไทเฮาบุกเข้ามาก็ตกใจ ปิดหน้าไว้ คุกเข่าลง ผมเผ้าสยาย ทว่าไม่เอ่ยอะไรออกมา
เจี่ยไทเฮาร้อนใจ เข้าไปบีบคางถังอู๋โยว “อี๋ซื่ออ๋องเลี้ยงลูกพี่ลูกน้องหญิงอย่างเจ้ามา ข้ายังแต่งตั้งเจ้าเป็นองค์หญิงใหญ่ ดี เจ้าไม่บอกว่าสามีเลวนั่นมันเป็นใคร ข้าก็จะไปสืบหาแต่ละที่เอง!”
เสี่ยนชุนกลับคลานเข้าไปหา กอดขาไทฮองไทเฮาไว้ “ไทฮองไทเฮาเพคะ ในท้องขององค์หญิงใหญ่ไม่ใช่มารหัวขน แต่เป็นครรภ์สูงค่าเพคะ! ไทฮองไทเฮาต้องตัดสินให้องค์หญิงใหญ่นะเพคะ!”
ครรภ์สูงค่า เจี่ยไทเฮากับหม่าซื่อสบตากัน การคาดเดาในใจยิ่งชัดเจนขึ้น
ประโยคนี้เอ่ยออกมา ถังอู๋โยวก็ร้องห่มร้องไห้ปิดปากสาวใช้เอาไว้ “พอแล้ว เจ้ายังให้ข้าขายหน้าไม่พอรึ! ไม่ต้องพูดแล้ว ให้ข้าตายไปก็จบแล้ว…” พูดจบ ก็ใช้หัวโขกเสา ทุ่มชีวิตจะปลิดชีพตัวเอง โชคดีที่ถูกเสี่ยนชุนกอดเอาไว้แน่น “นายหญิงตายไปอย่างไร้ความเป็นธรรมเช่นนี้ อี๋ซื่ออ๋องจะเสียใจมากเพียงใดเพคะ ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ ไทฮองไทเฮาจะต้องออกหน้าแทนท่านแน่นอน ไม่ว่าเรื่องใดล้วนสามาถจัดการได้ นายหญิง…”