ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 274.6 ตอนอวสาน (6)
เสียงร้องไห้ดังระงมขึ้นภายในห้อง
เจี่ยไทเฮาฟังเสียงร้องจนพระทัยไม่สงบ ครู่ต่อมาจึงเหลือบมองนายบ่าวที่คิดฆ่าตัวตายแวบหนึ่ง สงบจิตสงบใจลง สั่งจูซุ่นไปเรียกหมอหลวงมา ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งจึงตรัสว่า “ไปทูลเชิญฝ่าบาทกับอี๋ซื่ออ๋องมา”
ณ ห้องบุปผาของตำหนักฉือหนิง
ซย่าโหวซื่อถิงกับเจี่ยไทเฮานั่งอยู่บนตำแหน่งหลัก อี๋ซื่ออ๋องนั่งอยู่ทางซ้ายเบื้องล่าง
ก่อนอี๋ซื่ออ๋องจะโดนเรียกเข้าวังก็ได้ยินเรื่องทางด้านถังอู๋โยวมาก่อนแล้ว คิดไม่ถึงว่านางเป็นธิดาบุญธรรมของไทฮองไทเฮาแล้วเป็นตายร้ายดีก็ยังไม่พอใจ ดื้อดึงจะเป็นชายาสนมในวังหลังให้ได้ ยามนี้ยังทุบหม้อจมเรือ[1] หาวิธีการใกล้ชิดฝ่าบาท ตั้งครรภ์มังกรจนได้
มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถทำลายสถานะธิดาบุญธรรมของไทฮองไทเฮาได้
ปีนั้นน้องสาวนางนี้โดนลดฐานันดรกลายเป็นสามัญชน ลำบากลำบน เดินทางแสนไกลไปขอพึ่งเขาที่เมืองเจียงเป่ย ประโยคแรกก็คือ ‘รบกวนท่านพี่หาหมอมาให้ข้าคนหนึ่ง ข้าจะลบรอยสักบนหน้า เปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ทั้งหมด ต้องมีสักวันข้าจะกลับเมืองหลวง ข้าจะต้องเป็นคนข้างกายเขาให้ได้’
ไม่รู้เหตุใดน้องสาวของเขาคนนี้จึงได้มุ่งมั่นอยากอยู่ข้างกายฝ่าบาทนัก ซย่าโหวซื่อถิงนั่น ก็แค่องค์ชายที่มีสถานะกระอักกระอ่วนคนหนึ่งเท่านั้น ตอนนั้นคิดว่าน้องสาวลุ่มหลงไปเท่านั้น ไม่เห็นด้วยกับนาง แต่ถังอู๋โยวกลับมุ่งมั่นเด็ดขาด พูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า ‘เขามิใช่คนไร้อนาคต ต่อไปจะต้องสูงส่งขึ้นเรื่อยๆ ท่านพี่ก็พยายามสร้างสัมพันธ์อันดีกับเขาเสีย’
ไม่รู้เหมือนกันว่าได้รับผลกระทบจากถังอู๋โยวอยู่ลึกๆ หรือไม่ หลังจากหลงชังฮ่องเต้ขึ้นรองราชย์ ซย่าโหวซื่อถิงก็นำทหารในจวนมาส่านซี อี๋ซื่ออ๋องแอบสังเกตการณ์การทำงานของอีกฝ่าย เป็นดั่งที่น้องสาวว่าไว้จริงๆ ฉินอ๋องผู้นี้ไม่ธรรมดา ดังนั้น ร่วมต้านศัตรูกับเขาที่แดนเหนือ กระทั่งคิดว่าการกลับเมืองหลวงของเขามีแผนการร้ายอยู่
จำต้องบอกว่าถังอู๋โยวสุดท้ายคาดเดาถูกต้องแล้ว ซย่าโหวซื่อถิงมีวันที่ได้ขึ้นครองราชย์จริงๆ
ในยามนี้ เด็กสาวที่ล้างหน้าล้างตา เกล้าผมเรียบร้อยแล้วคลุมชุดกันลมปล่อยให้เสี่ยนชุนพยุงเดินเข้ามาในห้องบุปผา คุกเข่าถวายคำนับผู้อยู่บนตำแหน่งหลักอย่างนุ่มนวล ขอบตาแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง
เจี่ยไทเฮามองฝ่าบาทแวบหนึ่ง ลองหยั่งเชิงว่า “เมื่อครู่ข้าให้หมอหลวงจับชีพจรขององค์หญิงใหญ่เซิ่นอี๋ มีครรภ์สามเดือนกว่าแล้ว”
ซย่าโหวซื่อถิงปรายตามองท้องของสตรีเบื้องล่างที่มีชุดกันลมคลุมอยู่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบช้าว่า “องค์หญิงใหญ่เซิ่นอี๋เป็นธิดาบุญธรรมพระองค์ใหม่ของไทฮองไทเฮา ทำผิดภายในวังหลวง เรื่องนี้ก็ให้ไทฮองไทเฮาเป็นผู้จัดการเถิด เราก็วางใจได้มากแล้ว”
เจี่ยไทเฮาเห็นฝ่าบาทเหมือนอ่านสถานการณ์ไม่ออก ทั้งน้ำเสียงก็ไม่เหมือนคนทำผิด จึงลังเลขึ้นมา
ฮ่องเต้ตรัสขึ้นเช่นนี้ ถังอู๋โยวก็สะอึกสะอื้นขึ้น ราวกับได้รับความไม่เป็นธรรมเหลือแสน
อี๋ซื่ออ๋องเอ่ยอย่างช้าๆ ว่า “หลายปีมานี้องค์หญิงใหญ่อยู่ข้างกายกระหม่อมมาตลอด กระหม่อมก็นับได้ว่าคุ้นเคยในนิสัยของนางดี นางหวงแหนชื่อเสียงของตัวเอง ไม่ทำเรื่องผิดผีเช่นนี้แน่ ทั้งองค์หญิงใหญ่ก็ไม่มีสหายสนิท ยิ่งไปกว่านั้นในวังหลวงยามนี้ ไหนเลยจะมีโอกาสไปพบเจอบุรุษได้ ขอฝ่าบาทและไทฮองไทเฮาโปรดทรงรับฟังน้องสาวอธิบายด้วยพ่ะย่ะค่ะ” แล้วหันหน้าไป “องค์หญิงใหญ่โดนข่มเหงใช่หรือไม่ วันนี้ข้าอยู่ที่นี่ด้วย ทั้งยังมีไทฮองไทเฮากับฝ่าบาทอยู่ด้วย ล้วนเป็นคนที่สายตาเฉียบแหลม เจ้าอย่าได้ปิดบังแม้ครึ่งคำ บอกเล่ามาตามตรง”
ถังอู๋โยวหางตาแอบมองบุรุษด้านบน ร้องไห้เอ่ยว่า “ในคืนวันที่หกเดือนห้านั้น หม่อมฉันนอนไม่หลับ หลับไม่สบาย เห็นอากาศดีจึงพาเสี่ยนชุนไปเดินเล่นที่วังหลัง เดินผ่านเรือนเหวินฮุยด้านข้างตำหนักฝูชิงโดยบังเอิญ ทราบมาว่าฝ่าบาททรงงานอยู่ที่นั่น หม่อมฉันอยากจะถือโอกาสเข้าไปถวายพระพร ไม่นึกเลยว่า…ไม่นึกเลยว่าฝ่าบาททรงบรรทมไปนานแล้ว ในขณะที่กำลังจะกลับ ฝ่าบาทกลับ….” นางพูดต่อไม่ได้อีกแล้ว อับอายจนร้องห่มร้องไห้ยกใหญ่
ดึกดื่นค่อนคืนตัวเองเดินเล่นก็เดินไปสิ เจอฝ่าบาท ทั้งยังจงใจเข้าไปถวายพระพรอีก ไม่รู้จักรักษาระยะห่างระหว่างชายหญิง ไม่รู้ในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่เลยหรือไร นี่ไม่ได้มีแผนการแล้วจะเป็นอะไรได้อีก ฉีไหวเอินขมวดคิ้ว “ช่วงนั้นฝ่าบาททรงงานและพักผ่อนอยู่ที่เรือนเหวินฮุยข้างตำหนักฝูชิงจริงๆ แต่กระหม่อมกับนางกำนัลจำนวนหนึ่งก็ปรนนิบัติอยู่ทุกวี่วัน ไม่มีวันไหนที่เห็นองค์หญิงใหญ่มาเยี่ยมเลยสักวัน”
น้ำตาแวววาวของถังอู๋โยวพรั่งพรูลงมา “คืนนั้นเป็นตอนเปลี่ยนกะพอดี ลานตำหนักไม่มีคน จึงทำให้หม่อมฉันเข้าใจผิดบุกเข้าไปในห้องโดยไม่ตั้งใจ อีกทั้งคืนนั้น หม่อมฉันเจอสาวใช้หน้าตำหนักฝูชิงนามว่ามั่นกู่ นางเป็นคนบอกหม่อมฉันว่าฝ่าบาททรงงานอยู่ที่เรือนเหวินเซิ่ง นางยังเห็นกับตาว่าหม่อมฉันเข้าไป นางเป็นพยานได้เพคะ…”
เสี่ยนชุนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นว่า “ยังมีอีกเรื่องที่องค์หญิงใหญ่ไม่กล้าพูดเพคะ หลังจากกลับมาวันนั้น เสื้อชั้นในขององค์หญิงใหญ่หาอย่างไรก็หาไม่เจอ เกรงว่าไม่ทันระวังคงตกอยู่ที่เรือนเหวินฮุย ไทฮองไทเฮาสามารถไป…ไปหาข้างเตียงในห้องบรรทมของฝ่าบาทดู ก็จะรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ไม่ได้โกหกเพคะ”
อี๋ซื่ออ๋องมองฝ่าบาทแวบหนึ่ง
เจี่ยไทเฮากล้ามเนื้อหน้ากระตุก ส่งคนไปเรียกตัวมั่นกู๋จากตำหนักฝูชิงมา แล้วสั่งให้จูซุ่นไปตรวจสอบที่เหวินฮุยไจ แล้วถือโอกาสเอาบันทึกหลับนอนมาด้วย
เพียงไม่นาน จุซุ่นก็หน้าแดงก่ำถือเสื้อชั้นในสตรีเนื้อผ้าไหมกลับมา เอ่ยว่า “หาเจอที่มุมเตียงในเรือนเหวินฮุยเพคะ ให้คนตรวจสอบแล้ว เป็นของใช้ส่วนตัวขององค์หญิงใหญ่จริงๆ”
เจี่ยไทเฮาเปิดบันทึกหลับนอนดู คืนนั้นตอนถังอู๋โยวไปเรือนเหวินฮุย ฝ่าบาทก็พักอยู่ที่นั่นจริงๆ เช่นนั้นแล้ว ก็ยืนยันความจริงในเรื่องนี้ได้แล้ว บุรุษกระฉับกระเฉงทรงพลังคนหนึ่ง เพราะชายารักท้อง จึงเปล่าเปลี่ยวมานาน บังเอิญเจอสาวงามตั้งใจมาเยี่ยมกลางดึกกลางดื่นพอดี ถือโอกาสเอามาใช้แก้ขัด ก็ไม่น่าแปลก
แม้แม่นางถังจะถูกแต่งตั้งเป็นองค์หญิงใหญ่ แต่อย่างไรเสียก็เป็นธิดาบุญธรรมของราชวงศ์ หากร่วมคืนวสันต์กับฝ่าบาทและตั้งครรภ์มังกรขึ้นมาจริงๆ ฐานันดรนี้ก็จำต้องถอดถอนไป อย่างไรเสียทายาทก็สำคัญที่สุด จะปล่อยให้หลุดออกไปข้างนอกได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเป็นสตรีในตระกูลอี๋ซื่ออ๋องอีก
ครู่ใหญ่ๆ ต่อมา เจี่ยไทเฮาก็หันไปหาฝ่าบาท หยั่งเชิงว่า “ฝ่าบาททรงคิดจะจัดการอย่างไรเพคะ”
ซย่าโหวซื่อถิงใบหน้าเรียบนิ่ง ราวกับฟังเรื่องของคนอื่น ยามนี้ได้ยินคำถามจากไทฮองไทเฮา น้ำเสียงก็แฝงความหยอกล้อว่า “เราร่วมคืนวสันต์กับคนอื่น ที่แท้ตัวเองก็ยังไม่รู้เลยหรือนี่”
ถังอู๋โยวเห็นจวบจนบัดนี้เขาก็ยังไม่ยอมรับก็กัดปาก น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย แม้กลิ่นนั้นจะแรง แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้นางเสียความทรงจำไป วันนั้นเขาดุดันคลุ้มคลั่งในม่านมุ้งทำเอานางกลับไปมีแต่รอยช้ำบนร่างอยู่หลายวัน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อี๋ซื่ออ๋องเห็นฝ่าบาทไม่ยอมรับ ก็ทนไม่ไหว แม้น้ำเสียงจะเคารพ แต่ในแววตากลับมีความไม่พอใจเพิ่มขึ้นมา “กระหม่อมไม่ได้จะยัดเยียดน้องสาวเข้าวังหลังให้ได้เสียหน่อย เพียงแค่ หากเด็กในท้ององค์หญิงใหญ่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท ก็ไม่อาจให้นางได้รับความไม่เป็นธรรมได้ ตั้งฐานันดรให้เป็นเรื่องที่ถูกต้องโดยไม่ต้องสงสัย ก่อนหน้านี้องค์หญิงใหญ่ดวงใจใฝ่หาฝ่าบาท ฝ่าบาทแกล้งไม่รู้ไม่เห็นก็ช่างเถิด ยามนี้ในเมื่อบังเอิญเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ตั้งครรภ์มังกรแล้ว ฝ่าบาทยังทรงไม่รู้ไม่เห็นอีกหรือ ฝ่าบาทกับไทฮองไทเฮาคิดว่าสตรีในตระกูลซย่าโหวเจิ่นของข้าไม่คู่ควรกับการเป็นชายาสนมในวังหลังใช่หรือไม่ หากจริงดังนั้น ขอฝ่าบาทโปรดตรัสมาให้ชัดเจน ภายหน้ากระหม่อมจะไม่หน้าด้านอีกต่อไปแล้ว”
ชัดถ้อยชัดคำ แม้จะบีบคั้นยิ่ง แต่แฝงไว้ด้วยความแค้นเคืองอย่างลึกซึ้ง
เจี่ยไทเฮาเห็นอี๋ซื่ออ๋องไม่พอใจ เกรงว่าจะทำลายความสัมพันธ์ของนายบ่าว ท่าทางไม่ยอมรับของฝ่าบาทนี้ ทำให้ขุนนางที่ทำคุณงามความดีให้ไม่พอใจก็ไม่แปลก นางมองถังอู๋โยวแวบหนึ่ง โน้มน้าวว่า “ฝ่าบาท…”
ซย่าโหวซื่อถิงรู้ดีว่าเจี่ยไทเฮาจะพูดอะไร จึงเอ่ยเสียงเรียบว่า “รอให้มั่นกู่มาก่อนค่อยว่ากัน”
———————-
[1] ทุบหม้อจมเรือ ตัดสินใจที่เด็ดขาดที่เมื่อคิดจะทำแล้วต้องทำต่อไปให้ถึงที่สุด