ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 274.7 ตอนอวสาน (7)
เจี่ยไทเฮาเห็นเขาดื้อดึง จึงปลอบอี๋ซื่ออ๋องว่า “อี๋ซื่ออ๋องอย่าใจร้อนเลย เจ้าติดตามฝ่าบาทนานเพียงนี้ ฝ่าบาทก็มิใช่คนไร้หัวจิตหัวใจ จะต้องจัดการให้เจ้าได้แน่”
ในขณะนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงรายงานดังจากด้านนอกห้องบุปผาว่า “หวงกุ้ยเฟยเสด็จพร้อมด้วยมั่นกู่”
อวิ๋นหว่านชิ่นพามั่นกู่และชูซย่าเข้ามายังห้องบุปผา แล้วถวายคำนับให้
ถังอู๋โยวที่โดนเจี่ยไทเฮาบอกให้ไม่ต้องมากพิธี ถูกเสี่ยนชุนประคองไปนั่งด้านข้าง ยามนี้เห็นท้องของอีกฝ่ายที่นูนออกมาจนชุดกันลมคลุมไม่มิด แววตาก็เข้มขึ้น นางวางมือไว้บนท้อง เกิดความมั่นใจขึ้นเงียบๆ ยืดหลังตั้งตรง มีกลิ่นอายตั้งตัวเพื่อประจันหน้าด้วย
เจี่ยไทเฮาเห็นอวิ๋นหว่านชิ่นมาก็รีบให้คนหาเก้าอี้ให้ “ข้าเรียกมั่นกู่มา เจ้าท้องโตเพียงนี้เดินเหินไม่สะดวก จะมาทำไม”
อวิ๋นหว่านชิ่นไม่สนใจท่าทางลูบท้องอย่างลำพองของถังอู๋โยว เอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “มั่นกู่เป็นคนของตำหนักฝูชิง ในเมื่อไทฮองไทเฮาทรงเรียกนางกำนัลของหม่อมฉันเข้าเฝ้า หม่อมฉันจะไม่มาได้อย่างไรเพคะ” สายตาตกลงบนร่างถังอู๋โยว “ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับองค์หญิงใหญ่เซิ่นอี๋ด้วย”
เจี่ยไทเฮามองมั่นกู่ “คืนหนึ่งในเดือนห้า เจ้าบังเอิญเจอองค์หญิงใหญ่เซิ่นอี๋หน้าเรือนเหวินฮุย เจ้าเป็นคนบอกองค์หญิงใหญ่ว่าฝ่าบาททรงงานอยู่ที่เรือนเหวินฮุย จากนั้นก็เห็นองค์หญิงใหญ่เข้าไปถวายพระพรหรือ”
มั่นกู่คุกเข่าลงกับพื้น เอ่ยด้วยความขลาดกลัวว่า “เพคะ คืนนั้นหม่อมฉันเห็นองค์หญิงใหญ่เข้าไปในเรือนเหวินฮุยเพคะ”
ถังอู๋โยวกระหยิ่มยิ้มย่องขึ้นมาในใจ ปรายตามองแม่นางอวิ๋นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างอดไม่อยู่ มาควบคุมด้วยตัวเองแล้วอย่างไร
ความปรีดายังไม่ทันคลายไป จู่ๆ ใบหน้าซูบผอมของมั่นกู่ก็ตระหนกขึ้นมา “แต่ว่า หม่อมฉันไม่ได้บอกองค์หญิงใหญ่ว่าคืนนั้นฝ่าบาททรงอยู่ที่เรือนเหวินฮุยนี่เพคะ!”
ถังอู๋โยวชะงัก แปลกใจขึ้นมา
เจี่ยไทเฮาตกใจ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร บันทึกหลับนอนก็เขียนอยู่ชัดๆ ว่าคืนนั้นฝ่าบาทพำนักอยู่ที่เรือนเหวินฮุย”
ครานี้ถึงคราวชูซย่าเอ่ยขึ้น “ทูลไทฮองไทเฮา คืนนั้นเดิมทีฝ่าบาททรงงานและพำนักอยู่ที่เรือนเหวินฮุยตามบันทึกจริงๆ เพคะ แต่คืนนั้นเนื่องจากเหนียงเหนียงมีครรภ์ ขาเป็นตะคริวหนักมาก เจ็บจนนอนไม่หลับ หม่อมฉันส่งคนไปทูลฝ่าบาท คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะแอบเสด็จมาหา พอมาหาก็ไม่ได้กลับไปเลย จนฟ้าสว่างใกล้จะประชุมราชสำนักจึงได้กลับเรือนเหวินฮุยเพคะ”
ถังอู๋โยวสีหน้าซีดเผือด เป็นไปไม่ได้ เช่นนั้นคนในเรือนเหวินฮุยเป็นใคร…
เจี่ยไทเฮาก็ตกใจเช่นกัน “วันที่หกเดือนห้าในเมื่อคืนนั้นฝ่าบาทไม่ได้อยู่ที่เรือนเหวินฮุย แล้วครรภ์ของอู๋โยวมาจากไหน!”
อี๋ซื่ออ๋องดวงตาเย็นเยียบมองทางไปน้องสาว
ถังอู๋โยวเหงื่อเย็นผุดซึม ดวงใจนางได้รับความไม่เป็นธรรมจะตายอยู่แล้ว ฟุบหมอบไปกับพื้น “หม่อมฉันอยู่ที่…ห้องนอนของเรือนเหวินฮุยกับฝ่าบาทจริงๆ เพคะ นอกจากฝ่าบาทแล้ว จะมีบุรุษอื่นอยู่ได้อย่างไร…”
กลิ่นน้ำหอมกู่หลงบนอาภรณ์ของคนๆ นั้น…จะเป็นของคนอื่นได้อย่างไร!
ในขณะนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงรายงานอย่างตระหนกของนางกำนัล “ทูลฝ่าบาท ไทฮองไทเฮา มีขุนนางชั้นผู้น้อยเฝ้าประตูวังคนหนึ่งโวยวายจะขอเข้าเฝ้า บอกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่เซิ่นอี๋ ใต้เท้าเฉินกลัวว่าจะมีสถานการณ์ภายในอันใด แล้วเขาจะตะโกนโวยวายทำลายพระเกียรติของราชวงศ์อยู่ด้านนอก จึงได้พาเขาเข้ามาเพคะ”
ถังอู๋โยวดวงใจคล้ายมีแมลงนับร้อยตัวไต่พล่านอยู่ ตระหนกสุดแสน เกิดอะไรขึ้นกันแน่…
“ขุนนางชั้นผู้น้อยเฝ้าประตูวังคนหนึ่งจะรู้จักองค์หญิงใหญ่ได้อย่างไร ทั้งยังกล้าขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทกับไทฮองไทเฮา มีชีวิตจนเอียนแล้วกระมัง” อี๋ซื่ออ๋องตำหนิ
เจี่ยไทเฮากลับโบกมือ “ให้ใต้เท้าเฉินพาเขาเข้ามา”
ถังอู๋โยวว้าวุ่นขึ้นถึงขีดสุด เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา นางหันหน้าไป เห็นหน้าค่าตาผู้มาใหม่ด้านหลังเฉินจ้าวชัดๆ อายุอานามไม่น้อยแล้ว แต่งกายเหมือนทหาร แค่มองก็รู้ว่าเป็นขุนนางยศต่ำ นางคุ้นหน้าอยู่ไม่น้อย แต่ให้ตายอย่างไรก็คิดไม่ออก
พอคนผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้ เห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าด้านซ้ายที่ดูๆ แล้วยังสดใหม่อยู่ชัดๆ ถังอู๋โยวจึงจำได้ขึ้นมา เป็นทหารเฒ่าเฝ้าประตูที่โดนตนสะบัดมือตบและด่าทอต่อหน้าฝูงชนคนนั้น!
เสี่ยนชุนก็นิ่งอึ้งเช่นกัน
เฉินจ้าวประสานมือ “ทูลฝ่าบาท ทูลไทฮองไทเฮา ซ่งเหล่าวังผู้นี้เป็นหทารเฝ้ารักษาประตูวังของประตูตะวันตกเฉียงใต้ ทำงานรักษาประตูมายี่สิบปีแล้ว เรียกได้ว่าเป็นขุนนางขั้นแปด” แล้วสั่งให้ทหารรักษาประตูคนนั้นคุกเข่าลง “มีอันใดก็ทูลไทฮองไทเฮาไปเสีย!”
ซ่งเหล่าวังคุกเข่ากับพื้นทันใด เหงื่อบนใบหน้าคร้ามแดดไหลราวกับฝน เหลือบมองถังอู๋โยวแวบหนึ่ง
ถังอู๋โยวถูกเขามองจนเหงื่อเย็นไหลออกมา ราวกับมีลางสังหรณ์บางอย่าง แต่ไม่กล้าพูด ได้ยินซ่งเหล่าวังเอ่ยด้วยฟันเหลืองๆ ว่า “เด็กในท้องขององค์หญิงใหญ่เซิ่นอี๋เป็นของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ!”
ช่างเป็นเรื่องไม่คาดฝันจริงๆ ทุกคน ณ ที่นั้นนอกจากถังอู๋โยวต่างเกือบเป็นอัมพาต ทุกคนล้วนตกตะลึง อวิ๋นหว่านชิ่นหัวเราะเสียงเย็นเยียบขึ้น เอ่ยว่า “คงไม่ได้ล้อเล่นหรอกกระมัง”
เจี่ยไทเฮาก็เดือดดาลขึ้นเช่นกัน “ทหารเฝ้าประตูต่ำต้อยอย่างเจ้า จะมีโอกาสรู้จักองค์หญิงใหญ่ได้อย่างไร นึกไม่ถึงว่าจะกล้าเหยียดหยามศักดิ์ศรีขององค์หญิงใหญ่! ใครก็ได้…”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิได้เหยียดหยามองค์หญิงใหญ่” ซ่งเหล่าวังร้อนรน “กระหม่อมรู้จักกับองค์หญิงใหญ่จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งยังไม่เพียงรู้จักเท่านั้นด้วย” พูดจบใบหน้าดำคล้ำก็แดงขึ้นมา “บรรดาเพื่อนร่วมงานที่ประตูเจิ้งหยางต่างเห็นกันหมด ไม่เชื่อไทฮองไทเฮากับฝ่าบาทก็สุ่มเรียกมาถามได้เลยพ่ะย่ะค่ะ! อ้อจริงด้วย ตอนนั้นหวงกุ้ยเฟยก็กำลังเข้าประตูวังมาพอดี ทรงอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน!”
อวิ๋นหว่านชิ่นสีหน้างุนงง มองชูซย่าแวบหนึ่ง ชูซย่าสีหน้าพลันกระจ่างแจ้งทันที เอ่ยเตือนไปสองสามคำ
อวิ๋นหว่านชิ่นจึงได้เขกศีรษะ เอ่ยโพล่งขึ้นว่า “ข้าจำได้แล้ว วันนั้นเข้าประตูวังมา เจ้ากลัวว่าฝนจะเปื้อนรองเท้าและกระโปรงองค์หญิงใหญ่ จึงส่งผ้าเช็ดหน้าไปให้องค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่ยังระบายโทสะใส่เจ้าอีกด้วย และนับว่าได้พูดคุยกันสองสามประโยค”
“พ่ะย่ะค่ะ ตั้งแต่วันนั้นมา กระหม่อมกับองค์หญิงใหญ่ก็มิใช่แค่รู้จักกันเท่านั้น” ใบหน้าเหี่ยวย่นของซ่งเหล่าวังขยับไหว เผยให้เห็นฟันเหลืองๆ ออกมาเล็กน้อย มองเด็กสาวขาวราวหิมะข้างกายอย่างเสน่หา
ถังอู๋โยวไหนเลยจะรับความไม่เป็นธรรมที่ไร้เหตุไร้ผลเช่นนี้ได้ ตาเฒ่านี่ หน้าดำอัปลักษณ์ ขอแค่คนที่ตาไม่ได้บอดล้วนดูออกว่าตนจะไปถูกใจเขาได้อย่างไร นางหวีดร้องขึ้นว่า “เจ้าพูดเหลวไหล!”
เจี่ยไทเฮาก็ไม่เชื่อ ถังอู๋โยวเป็นคนใฝ่สูงเพียงใด ปักใจอยู่แต่กับฝ่าบาทเท่านั้น จะถูกใจทหารเฒ่าเฝ้าประตูวังที่อายุอานามมากและหน้าตาอัปลักษณ์ได้อย่างไร แววตาจึงยิ่งดุดันขึ้น
ซ่งเหล่าวังรู้ว่าพวกนางไม่เชื่อจึงล้วงหยกพกออกมาประจักษ์แก่สายตาทุกคน “นี่เป็นของประจำกายขององค์หญิงใหญ่ และเป็นของแทนใจที่องค์หญิงใหญ่มอบให้กระหม่อม วันที่หกเดือนห้าคืนนั้น กระหม่อมเข้าเวรที่ประตูวัง องค์หญิงก็เรียกกระหม่อมให้ใช้สิ่งนี้เข้าไปหา แอบพบกันใกล้ๆ เรือนเหวินฮุย”
หยกพกนั่นเป็นรางวัลที่มั่นกู่อยากจะได้เป็นพิเศษ ถังอู๋โยวดวงตาเบิกโพรง กระจ่างแจ้งขึ้นทันใด นี่มันจัดฉากกันชัดๆ! นางหมอบลงกับพื้น “หม่อมฉันไม่เคยมีอันใดกับคนๆ นี้จริงๆ นะเพคะ หยกพกนั่น…” แต่ก็ไม่อาจพูดไปได้ว่าเป็นสินบนให้มั่นกู่ที่หาโอกาสยั่วฝ่าบาทได้ “หม่อมฉันไม่เห็นหยกพกนี้มานานแล้ว ใครจะไปรู้ว่าถูกเขาเก็บได้! ขอไทฮองไทเฮาโปรดตรวจสอบให้ชัดแจ้งด้วยเพคะ!”
ซ่งเหล่าวังกลับร้อนใจขึ้นมา “ใต้ซี่โครงขององค์หญิงใหญ่สองชุ่น[1]มีไฝเม็ดหนึ่ง สะโพกซ้ายมีปานสีแดงสดคล้ายเปลวเพลิงอยู่!” แม้คืนนั้นองค์หญิงใหญ่เข้ามาจะดับไฟไป แต่สตรีอ้อนแอ้นนางนี้เร่าร้อนอยู่ทั้งคืน ตอแยเขาไม่หยุดพัก ทำให้ตาเฒ่าอย่างเขาไฟลุกโชนขึ้น แทบจะไม่ได้พักเลยตลอดทั้งคืน ร่างกายนางตั้งแต่บนจรดล่าง ไหนบ้างที่เขาจะไม่เห็น
—————————-
[1] ชุ่น (หน่วยวัดของจีน) นิ้ว