ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 275.2 ชีวิตชนบทอันโกลาหลวุ่นวาย (2)
พินิจมองอยู่พักใหญ่ สายตาหวงน้าสี่กลับแน่นิ่ง ลมในชนบทรุนแรงยิ่ง พอโบกพัดมาก็พัดเอาหมวกคลุมหน้าบนศีรษะของแม่นางไป๋เปิดขึ้น ผิวคางขาวสะอาดมีรอยแดงสดอันน่าตกใจหลายรอย
หวงน้าสี่แค่มองรอยพวกนั้นก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอสังเกตแววตาอกสั่นขวัญแขวนของแม่นางไป๋แล้วก็กระจ่างแจ้ง ทันใดนั้นก็ลำพองขึ้น แสร้งเป็นฮูหยินสูงศักดิ์ในเมืองหลวง ก็โดนสามีทุบตีเหมือนเดรัจฉานไม่ต่างกันกับฮูหยินในชนบทอยู่ดี ทว่าก็ตกใจอยู่ไม่น้อย คราก่อนตามท่านแม่ไปเป็นแขกที่เมืองหลวง นอ้งสะใภ้คนนี้ทำผิดใหญ่หลวง แต่แค่โดนเจ้ารองขังไว้ในบ้านเท่านั้น
ปีสองปีผ่านไป น่าจะไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นอีก แล้วเพราะเหตุใดจึงได้โดนเจ้ารองตีเอาขนาดนี้ นางปรายตามองรอยช้ำม่วงๆ แดงๆ บนลำคอแม่นางไป๋ ล้วนกะบีบเอาให้ตายทั้งนั้น
หวงน้าสี่ฉงนขึ้นในใจ แต่ก็ไม่ได้คิดมาก เพียงยิ้มเอ่ยว่า “บ้านนอกชนบทนี้ไม่เหมือนเมืองหลวงของพวกเจ้า มิได้พิถีพิถันอันใดเพียงนั้น ภายหน้าน้องสะใภ้ออกจากบ้านก็ไม่ต้องสวมหมวกคลุมหน้าอันใดหรอก”
ไป๋เสวี่ยฮุ่ยดึงหมวกพลางก้มหน้าลงโดยอัตโนมัติ กลัวว่าหวงน้าสี่จะเห็นสภาพของตน แล้วทำให้อวิ๋นเสวียนฉั่งโกรธ
หวงน้าสี่มีความสุขยิ่ง นึกย้อนไปถึงโทสะที่ได้รับจากน้องสะใภ้ตอนตนอยู่เมืองหลวงทั้งหมด แต่นี้ต่อไป นางยังสามารถวางมาดฮูหยินของขุนนางอะไรได้อีก ทำได้เพียงมองดูสีหน้าตนใช้ชีวิตไปวันๆ เท่านั้นแล้ว นางคิดพลางปรายตามองสามีข้างกาย
อวิ๋นเหล่าต้าเห็นสายตาของภรรยา แม้พูดถึงเรื่องนี้ในเวลาเช่นนี้จะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยังมองน้องชายนิ่ง เขาลังเลครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “อาฉั่งกลับมาก็ดีแล้ว บ้านใหม่ทางนั้นสร้างเสร็จแล้ว เจ้าย้ายเข้าไปพร้อมกับน้องสะใภ้ได้เลย แม้จะสู้คฤหาสน์ในเมืองหลวงของเจ้ามิได้ แต่เครื่องเรือนที่ควรจะเพิ่มก็ได้เพิ่มไปหมดแล้ว ก่อนหน้านี้พี่สะใภ้เจ้าก็ไปปัดกวาดเช็ดถูที่นั่นทั้งนอกทั้งในจนสะอาดแล้ว หากขาดเหลืออันใด เจ้าก็ค่อยบอกข้า ตอนข้าไปในเมืองจะแวะซื้อมาให้เจ้า…จะว่าไปแล้ว แม้ไท่โจวจะเล็ก แต่ยามนี้ราคาข้าวของก็ขึ้นมาไวมากนัก หากต้องการของชิ้นใหญ่อันใด อาจจะต้องรอหน่อย อย่างไรเสีย ก่อนหน้านี้ตอนสร้างบ้านใหม่ก็เสียเงินเสียทองไปไม่น้อยแล้ว”
อวิ๋นเสวียนฉั่งได้ยินก็เข้าใจในความหมายของพี่ใหญ่ นี่กำลังทวงเงินค่าสร้างบ้านใหม่กับตนอยู่ ยามตนเป็นขุนนาง ช่วยส่งเงินให้ถงฮูหยินในชนบทของไท่โจวไปไม่น้อย พี่ใหญ่ย่อมได้ประโยชน์ไปด้วยอยู่แล้ว
บ้านบรรพบุรุษของครอบครัวพี่ใหญ่เจ็ดคน ล้วนเป็นตนที่ควักเงินสร้างขยายให้กว้างขึ้น ไร่นาและสวนผลไม้ที่ใช้ดำรงชีพของสกุลอวิ๋นเดิมทีก็เช่าเจ้าของที่แถวนั้น ค่าเช่าแต่ละปีล้วนทำเอาหืดขึ้นคอ ไหนเลยจะยังเหลือกินเหลือใช้อันใดอีก เพิ่งจะสามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ไปวันๆ ต่อมาเขาเป็นคนออกเงินซื้อ กลายเป็นที่นาส่วนบุคคลของครอบครัวพี่ใหญ่ ชีวิตความเป็นอยู่จึงได้ดีขึ้นมามาก
ยามนี้ เขาไม่ได้ทวงเงินกับพี่ชายและพี่สะใภ้ แต่พี่ใหญ่กลับยื่นมือมาทวงเงินค่าสร้างบ้านใหม่กับเขา พี่ชายน้องชายคิดบัญชีกันอย่างชัดเจนเสียจริง เมื่อก่อนตอนที่ตนรุ่งเรือง พี่ใหญ่เชื่อฟังคำพูดตน ยามนี้เห็นตนตกต่ำ ก็เริ่มวางมาดพี่น้องใส่กันแล้ว
แล้วดูหวงน้าสี่ที่อยู่ข้างกายพี่ใหญ่สิ พูดไม่หยุด สองสามีภรรยาวางแผนตกลงกันไว้แต่แรกแล้ว
อวิ๋นเสวียนฉั่งโมโหเอ่ยว่า “อีกเดี๋ยวข้าจะเอาเงินค่าสร้างบ้านกับค่าเครื่องเรือนเครื่องใช้ไปให้พี่ใหญ่” ก็แค่บ้านในชนบทหลังเดียว จะสักกี่ตำลึงกันเชียว เงินเก็บของตนยังเรียกได้ว่ารับมือได้อยู่
อวิ๋นเหล่าต้าพรูลมออกมา ดวงตาสองข้างกลับยังคงจ้องน้องชายอย่างลำบากใจอยู่
อวิ๋นเสวียนฉั่งหน้าเสียไปเล็กน้อย แต่ภายหน้าต้องอยู่ใต้ชายคเดียวกัน เจอหน้ากันบ่อยๆ กลับมาบ้านวันแรกจะทำลายความสัมพันธ์ไม่ได้ น้ำเสียงจึงพยายามเกรงอกเกรงใจที่สุด “พี่ใหญ่ยังมีธุระใดอีกหรือไม่”
“ก็ไม่มีอันใดหรอก” อวิ๋นเหล่าต้ามองภรรยาแวบหนึ่ง อึกอักว่า “แต่ค่าใช้จ่ายในครอบครัวพวกเรามีจำกัด น้องชายกับน้องสะใภ้มาเช่นนี้ ในบ้านก็ต้องเพิ่มตะเกียบมาสองคู่ เดิมทีก็ไม่ได้มีอันใดหรอก แต่ตอนนี้จะกินจะใช้อันใดก็เป็นเงินเป็นทองไปเสียหมด หลานสี่คนของเจ้าก็โตกันแล้ว คนโตปีหน้าก็จะถึงวัยแต่งงานแล้ว สินสอดก็ต้องตระเตรียมไว้ล่วงหน้า พวกเจ้าสองคนพักอาศัยอยู่เดือนสองเดือนยังพอจะรับไหว นานวันเข้า เกรงว่า…”
นี่กำลังขอเงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันกับตนอยู่! อวิ๋นเสวียนฉั่งโกรธจนควันออกหู เดิมทีกลับบ้านก็ข่มโทสะไว้เต็มท้องแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังถูกผีดูดเลือดมาเกาะหนึบอีก ถงฮูหยินก็รู้สึกว่าทำแบบนี้ช่างไร้ไมตรีระหว่างพี่น้อง จึงดึงแขนเสื้อลูกชายคนโตเบาๆ กระซิบว่า “น้องชายเจ้าเพิ่งจะกลับมา คำพูดพวกนี้ไว้พูดทีหลัง น้องชายเจ้าเดิมทีก็เคยช่วยเหลือเงินทองพวกเจ้ามาก่อนมิใช่หรือ บ้านบรรพบุรุษหลังนี้เขาก็เป็นคนออกเงิน ไม่มีเขา พวกเจ้าก็ไม่มีไร่นาเป็นของตัวเอง เพิ่มตะเกียบมาสองคู่จะใช้เงินเท่าใดกันเชียว”
“ท่านแม่เจ้าคะ อย่าโทษที่สามีข้าพูดตรงๆ เลย เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน ตอนนี้คือตอนนี้นะเจ้าคะ ท่านอย่าว่าพวกเราวางมาดหัวสูงเลย เรื่องเงินๆ ทองๆ เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่สุด คนในบ้านมากมายเพียงนี้ ปากเดียวก็ต้องกิน จะทำลวกๆ ไม่ได้ จะว่าไปแล้ว โรคไขข้อของท่านแม่หมู่นี้ก็กำเริบรุนแรงขึ้น เงินค่ายาแปะบรรเทาปวดแต่ละเดือนมิใช่น้อยๆ” หวงน้าสี่พึมพำ “ยามนี้จัดแจงเงินให้ชัดเจน ภายหน้าจะได้ไม่มาทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้” หรือยังคิดจะให้ตนเลี้ยงน้องชายกับน้องสะใภ้สองคนนี้ คิดสวยหรูเกินไปแล้ว เงินแม้แต่เหมาเดียวก็อย่าได้หวัง โดยเฉพาะน้องสะใภ้ปีศาจจิ้งจอกนั่น ตอนอยู่เมืองหลวงวางมาด พอมาบ้านนอกยังเตรียมตัวจะเป็นคุณหนูคุณนาย ข้าวมาก็อ้าปากอย่างนั้นรึ!
ถงฮูหยินได้ยินเช่นนี้ก็พูดอะไรต่อไม่ได้อีก
อวิ๋นเสวียนฉั่งโมโหจนปวดท้องขึ้นมาอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะอยากจะประหยัด ไหนเลยจะยอมทนรับความเดือดดาลจากพี่ชายและพี่สะใภ้เช่นนี้
สินเดิมและคฤหาสน์ของแม่นางสวี่ทั้งหมดทิ้งอยู่ที่เมืองหลวง ขนาดเงินที่ได้จากร้านรวงของแม่นางสวี่ยังโดนอายัดอยู่ในธนาคาร ไม่ต้องพูดเลยว่าเป็นฝีมือของลูกสาวคู่เวรคู่กรรมสองคนนั้นแอบลงมืออีกแน่ โชคดีที่หลายปีมานี้ดีร้ายอย่างไรก็ประหยัดเงินเดือนเอาไว้ส่วนตัว จึงไม่ถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว แต่ไหนเลยจะพอใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่ไท่โจวได้ ดังนั้น เขาจึงปลดคนรับใช้ออก กลับไปพักที่บ้านบรรพบุรุษ ตั้งใจว่าค่าใช้จ่ายประจำวันจะเกาะบ้านพี่ใหญ่ แล้วค่อยเอาเงินเก็บไปทำกิจการเล็กๆ ใครจะรู้ว่าพี่ชายพี่สะใภ้จะแตกหักกับตน ความตั้งใจเดิมจึงล้มเหลวไม่เป็นท่า
อวิ๋นเสวียนฉั่งสะบัดแขนเสื้อ “ได้ ค่าใช้จ่ายของข้าจะแยกออกต่างหาก พี่สะใภ้คิดบัญชีเอา ถึงเวลานั้นมาบอกข้า ข้าค่อยเอาเงินให้” ยังไม่ทันเข้าประตูบ้านก็โดนภรรยาพี่ชายคิดบัญชีไปสองยอดแล้ว เงินเก็บที่เดิมทีมีไม่มากนักก็กระเบียดกระเสียนขึ้นไม่น้อย ดูท่าแล้วภายหน้าต้องวางแผนไว้ให้ดี หนึ่งตำลึงแบ่งออกมาใช้ทีละครึ่ง
สองสามีภรรยาอยู่สงบกันไม่ถึงสองวัน หวงน้าสี่ก็ไม่เกรงใจกันแล้ว แบ่งงานบ้านและงานไร่นามาให้ไป๋เสวี่ยฮุ่ยครึ่งหนึ่ง
ถงฮูหยินเห็นสะใภ้ใหญ่เรียกใช้งานสะใภ้รองเหมือนคนรับใช้ก็ไม่ได้ว่าอะไร ในเมื่อกลับมาบ้านเกิด ทั้งยังพักอยู่ด้วยกัน เช่นนั้นก็คือครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าเรื่องใดย่อมแบ่งกันทำ
ด้วยเหตุนี้ งานเล็กๆ อย่างซักเสื้อผ้าให้เด็กผู้ใหญ่ทุกคนในบ้าน ไปจนถึงงานใหญ่ๆ อย่างทำไร่ไถนาพ่นยา หลายวันเข้า ไป๋เสวี่ยฮุ่ยก็เจอความยากลำบากที่ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยเจอเข้าให้แล้ว ผิวหนังดำคร้ามไม่น้อย ร่างก็ผ่ายผอมลงมาก ทั้งยังโดนหวงน้าสี่ถากถางเหน็บแนมอยู่บ่อยๆ
ไป๋เสวี่ยฮุ่ยใช้ชีวิตอยู่ดีกินดีมาหลายปี ไหนเลยจะเคยลำบากเช่นนี้มาก่อน ต่อให้โดนกักบริเวณอยู่ข้างศาลบรรพบุรุษในจวน ก็ไม่เคยทำงานหนักเช่นนี้ ยามนี้ทุกวันพอไก่ขันฟ้ายังไม่สางก็ต้องตื่น ทุกคืนทั้งบ้านหลับกันหมดแล้วจึงได้ทำงานเสร็จ กลับมาถึงห้องกระดูกทั้งร่างก็แทบหลุด
ไป๋เสวี่ยฮุ่ยเหน็ดเหนื่อยจนทนไม่ไหว คิดดูแล้ววันคืนเช่นนี้ไม่ใช่วันสองวัน เกรงว่าคงไม่มีวันจบสิ้น วันนี้ซักผ้าอยู่ที่ลานบ้านไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็ร้องไห้ออกมาอย่างหมดหวัง