ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 277.1 ใจทุกข์ตรมนั้นน่าเศร้ากว่าวายชีวา (1)
วันนี้แดดเจิดจ้า สองสามีภรรยาตากผ้าอยู่ที่ลานบ้าน หวงน้าสี่มองประตูแคบๆ ที่อยู่ไม่ไกลแวบหนึ่ง แล้วเริ่มบ่นเรื่องนี้ขึ้นมาอีก พอจบแล้วก็เบ้ปากไม่พอใจ “ท่านแม่เอาของกินพวกเราไปทุกวันก็ไม่เป็นไรหรอก ได้ยินว่ายังสงเคราะห์เงินส่วนตัวไปให้ไม่น้อยด้วย ยาบำรุงครรภ์ที่ร้านเหยียนจี้น่ะแพงหูฉี่ ตอนข้าท้องลูกชายทั้งสามคนยังไม่เคยได้กินสักห่อ นางกลับดีนัก สองสามวันก็กินห่อหนึ่ง ยังคิดว่าตัวเองเป็นฮูหยินขุนนางอยู่อีกรึ เจ้ารีบพาท่านแม่กลับมาเร็วๆ ข้ากลัวว่าต่อไป เงินเก็บของแม่เจ้าได้ใช้หมดเกลี้ยงแน่”
อวิ๋นเหล่าต้าไปหาน้องชายเพื่อทวงเงินค่าบ้านตามที่ภรรยาสั่งมาแล้ว ทั้งยังเอาเงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของน้องชายมาด้วย เดิมทีก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง ยามนี้เห็นมารดาทิ้งครอบครัวมาดูแลทางบ้านน้องชายก็เรียกได้ว่าสยบความรู้สึกผิดได้ไม่น้อย เขาเอ่ยว่า “เงินเก็บของท่านแม่เป็นของนาง อยากจะใช้อย่างไรก็ใช้อย่างนั้น เจ้ารองทายาทมีน้อย น้องสะใภ้ตั้งท้องอย่างหาได้ยากนัก เจ้าดูท่านแม่สิกังวลเพียงไหน ให้ท่านแม่ไปดูแลเองเถิด ท่านแม่ก็ไม่ได้ลำเอียงแต่กับนาง แต่น้องสะใภ้เมื่อก่อนเป็นฮูหยินขุนนาง ร่างกายสูงส่งเปราะบาง ยาบำรุงครรภ์จึงต้องกินให้มากหน่อย”
หวงน้าสี่ฟังประโยคหน้าๆ ยังพอจะฟังได้พอได้ยินประโยคหลังๆ ก็เท้าเอวเบ้ปากหัวเราะเสียงเย็น “โอ้ ประโยคสุดท้ายต่างหากที่มาจากใจจริงของเจ้าล่ะสิ เจ้าถูกใจท่าทางยั่วยวนเหมือนจิ้งจอกทรงเสน่ห์ของนางมิใช่หรือไร ตั้งแต่วันแรกที่นังแพศยานั่นกลับบ้านข้าก็ดูออกแล้ว ดวงตาเจ้าแทบจะติดอยู่ร่างนาง ทำไมรึ นางท้องแล้ว เจ้าจึงได้สงสารรึ ตอนข้าท้องเจ้าไม่เห็นจะใส่ใจเช่นนี้เลย!”
อวิ๋นเหล่าต้าเห็นภรรยางี่เง่าไร้เหตุผล คิ้วดกดำราวกับวัชพืชขมวดมุ่น “พูดเพ้อเจ้ออันใด ไปๆ เข้าไปเถิด หากโดนทางท่านแม่ได้ยินเข้า ได้โดนด่าอีก”
หวงน้าสี่ยามนี้ทนมองการปรนนิบัติดูแลแม่นางไป๋ของแม่สามีราวกับของล้ำค่าพอแล้ว เห็นสามีคร้านจะพูดกับตน ก็คิดว่าเขารู้สึกผิด ก็ยิ่งเดือดดาลขึ้นมาใหญ่ เพลิงริษยาลุกโชนโหมขึ้น แหวขึ้นว่า “เจ้าไม่ได้กลัวว่าใครจะมาได้ยิน แต่โดนข้าพูดแทงใจดำมากกว่ากระมัง”
อวิ๋นเหล่าต้ารู้ว่าภรรยาเป็นคนดุดัน พอคล่องแล้วก็ไม่จบไม่สิ้น เดิมทีเตรียมจะดึงมือนางฝืนลากเข้าไป ในขณะนั้นเองก็มีเสียงประตูแคบของบ้านน้องชายดังขึ้น ถงฮูหยินเดินพยุงไป๋เสวี่ยฮุ่ยที่ท้องโตขึ้นกว่าเดิมออกมา
บ้านอวิ๋นเสวียนฉั่งแม้จะเชื่อมกับบ้านของพี่ชาย แต่หากจะออกจากบ้านบรรพบุรุษก็ยังต้องผ่านประตูใหญ่ของบ้านพี่ใหญ่อยู่ดี วันนี้อากาศดี ดูท่าแล้ว ถงฮูหยินคงเตรียมจะพาสะใภ้ออกมาเดินเล่น
หวงน้าสี่เห็นแม่สามีพาไป๋เสวี่ยฮุ่ยกอดแขนแม่สามีเอาไว้ ใบหน้าถูกดูแลบำรุงจนอวบอิ่มชุ่มชื้น ผิวหนังที่ดำคร้ามหลังจากกลับบ้านนอกมาก็กลับมาขาวเหมือนเดิม ดวงใจนางก็ยิ่งมีโทสะ สะบัดมือสามีแล้วถ่มน้ำลายออกมา
การกระทำนี้ เรียกสายตาจากคนทั้งสองตรงหน้าประตูให้มองมา
อวิ๋นเหล่าต้าเอ่ยว่า “หยาบคายนัก ไม่กลัวคนมองแล้วขายหน้าเอาเสียเลย”
หากยามปกติด่าเช่นนี้ หวงน้าสี่ก็จะไม่ถือสาหาความใดหรอก แต่ยามนี้แตกต่างออกไป หวงน้าสี่เห็นไป๋เสวี่ยฮุ่ยอยู่ด้วย นางมองสีหน้าเยาะเย้ยของอีกฝ่าย พองลมที่แก้มหมายจะเรียกกู้หน้าคืนมา “รังเกียจที่ข้าทำขายหน้ารึ เช่นนั้นเจ้าก็ไปหาคนที่ทำให้เจ้าไม่ขายหน้าเสียสิ!”
อวิ๋นเหล่าต้าสะบัดมือตบหน้าหวงน้าสี่
ชายชนบทชอบตบหน้าภรรยาเป็นเรื่องธรรมดา หวงน้าสี่ก็ไม่ได้โดนมาน้อยๆ เสียเมื่อไร แต่ไม่เคยคิดเลยว่าพอโดนสามีตบหน้าต่อหน้าแม่นางไป๋แล้ว จะตกอกตกใจหน้าถอดสี ร้องไห้พลางกำหมัดโผไปทุบสามี “เจ้ามันใจดำใจร้าย! ปีนั้นบ้านเจ้ายากจนแทบจะตาย นอกจากข้าแล้วใครจะอยากแต่งด้วย! ยามนี้เจ้าเห็นจิ้งจอกยั่วยวนผิวขาวอ่อนนุ่มนั่น ก็เกิดความปรารถนาป่าเถื่อน กลัวว่าจะขายหน้าต่อหน้านาง นึกไม่ถึงว่าจะตบข้า เจ้ายังมีใจคุณธรรมอยู่หรือไม่ ข้าจะเอาเจ้าให้ตาย…”
ถงฮูหยินจำต้องเข้าไปห้าม กว่าจะลากสะใภ้ออกมา จึงให้ลูกชายพาเข้าไป
อวิ๋นเหล่าต้าถอนหายใจ หิ้วแขนสะใภ้เกเรไร้เหตุผลขึ้น เอ่ยกับไป๋เสวี่ยฮุ่ยว่า “ทำน้องสะใภ้ตกใจแล้ว ภรรยาข้าพอได้ด่าก็จะพูดคำพูดมั่วซั่วไปทั่ว เจ้าอย่าเอามาใส่ใจเลย” พูดจบก็ลากภรรยาไปด้านใน
หวงน้าสี่สะอึกสะอื้นเดินไปพลาง หันกลับมามองไป๋เสวี่ยฮุ่ยอย่างเคียดแค้น ทว่าเห็นนางท่าทางเหมือนดูละครสนุก กุมท้องมองมาทางนี้ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มดูถูก เอ่ยเสียงนุ่มว่า “ไม่เป็นไร พี่สามี พยุงพี่สะใภ้เข้าไปปลอบเถิดเจ้าค่ะ”
หวงน้าสี่ถูกเสียงนางนุ่มนวลของนางโจมตีจนทั่วร่างสั่นเทา โทสะแทบจะพุ่งออกจากฝ่าเท้าขึ้นสู่ยอดศีรษะ แววตาราวกับจะฆ่าคน จดจ้องไป๋เสวี่ยฮุ่ยเขม็ง แต่ถูกสามีลากเข้าไปเสียก่อน
ไป๋เสวี่ยฮุ่ยเห็นหวงน้าสี่อับอายขายขี้หน้าต่อหน้าตน วันนี้ทั้งวันก็อารมณ์ดียิ่ง นางขยับเอ็นและกระดูกกับถงฮูหยินอยู่หน้าประตู แล้วกลับไป
เป็นเวลามื้อค่ำพอดี ถงฮูหยินพอเข้าบ้านมาก็เอากับข้าวมาจากทางอวิ๋นเหล่าต้าเหมือนอย่างเคย
ไป๋เสวี่ยฮุ่ยเพิ่งจะก้าวเข้าประตูแคบมา กำลังจะเข้าไปห้องด้านข้างกลับรู้สึกว่าแขนโดนคนดึงไว้ พอหันกลับไป โดนอวิ๋นเสวียนฉั่งลากมาในห้อง
ประตูปิดลงดังปั้ง ไป๋เสวี่ยฮุ่ยที่เดิมทีอารมณ์ดีๆ ก็พลันหายไป เห็นเขาท่าทางโหดเหี้ยมชั่วร้าย นางจึงก้าวถอยหลังไป “นายท่าน ท่านแม่มาแล้ว พี่ใหญ่อาจจะมาส่งข้าวด้วย…”
ทว่าเห็นอวิ๋นเสวียนฉั่งไม่รู้ไปหาเชือกป่านเส้นใหญ่ยาวหลายจั้ง[1]มาจากไหน พอเขย่าออกก็พันรอบเอวนาง
อายุครรภ์มากแล้ว จึงยากที่จะใช้ยาทำลายครรภ์ได้ ยามนี้มารดาก็มาพักที่นี่ด้วยอีก หากใช้ยาทำลายครรภ์ เกรงว่าก็จะทำให้ท่านแม่ พี่ชายและพี่สะใภ้สงสัย หากเรื่องแพร่ออกไปก็จะยิ่งขายหน้า แต่เขาก็ไม่อาจทนมองมารหัวขนนี่มีชีวิตที่ดีได้เช่นกัน
เชือกพันรอบอยู่บนเอวใหญ่เทอะทะ โอบรัดราวกับงูเหลือมพันเถาวัลย์ ไป๋เสวี่ยฮุ่ยรู้สึกร่างกายคับแน่น ทันใดนั้นก็ได้สติขึ้น นางดิ้นขลุกขลัก แต่ไหนเลยจะสู้แรงของผู้ชายได้
พันรอบแล้วรอบเล่า แน่น คลาย แน่น คลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งไป๋เสวี่ยฮุ่ยคู้ตัวลง กอดท้องร้องโอดโอย อวิ๋นเสวียนฉั่งจึงได้ปล่อยเชือก ผลักนางพลางยิ้มเย็น “ไปกินข้าวเถอะ”
วันนี้หวงน้าสี่หลังจากทะเลาะในบ้านแล้ว ถงฮูหยินรู้ว่าสะใภ้ใหญ่ไม่ชอบไป๋เสวี่ยฮุ่ยก็ครุ่นคิดอยู่หลายวัน ไป๋เสวี่ยฮุ่ยใกล้จะคลอดเต็มที ย้ายของกินของใช้ไปบ้านเจ้ารองหมด ตั้งอกตั้งใจหมายมาดจะดูแลไป๋เสวี่ยฮุ่ย
เมื่อก่อนต้องการสิ่งใดก็จะวิ่งมาเอากับทางเจ้าใหญ่ ยามนี้ย้ายมาหมดแล้ว ถงฮูหยินก็ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาอีก ทั้งยังควักเงินส่วนตัวหาคนมาทำประตูเชื่อมตรงลานบ้านเจ้ารอง เพื่อสะดวกในการเข้าออก จะได้ไม่ต้องผ่านทางบ้านใหญ่ตอนออกบ้านกับสะใภ้รอง ทำให้หวงน้าสี่ต้องเจอเข้า ทั้งสองก็จะทะเลาะกันอีก
วันนั้นอวิ๋นเหล่าต้าตบหน้าตนต่อหน้าท่านแม่และน้องสะใภ้ หวงน้าสี่โวยวายอยู่ในบ้านตั้งหลายวัน หลังจากนั้น แม่สามีก็ห่วงใยเอาใจใส่บ้านเจ้ารองอย่างลำเอียง หวงน้าสี่จึงยิ่งเก็บความแค้นไว้ในใจ ยามเห็นแม่สามีมาย้ายข้าวของ ใบหน้าก็บูดบึ้ง ทำได้แค่หวาดกลัวไม่กล้าล่วงเกินแม่สามี จึงฝืนทนไม่เอ่ยคำใด
แม้ถงฮูหยินจะดูแลสะใภ้รองที่ใกล้คลอดเต็มที แต่ก็ยังห่วงใยสะใภ้ใหญ่อยู่ เห็นหวงน้าสี่สีหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะไปก็ยังเอ่ยปลอบว่า “เจ้าเป็นผู้ใหญ่กว่า จะไปถือสาอะไรผู้น้อย หลายเดือนนี้ไม่มีข้าช่วยแรง เจ้าคนเดียวลำบาก แต่นางใกล้คลอดแล้ว แค่สองสามเดือนนี้เท่านั้น รอให้คลอดหลานชายสกุลอวิ๋นออกมาก่อน ข้าก็กลับไปแล้ว ข้าทำประตูให้ทางเจ้ารองก็มิใช่ว่าลำเอียง เพราะรู้ว่าเจ้าไม่ชอบนาง กลัวพวกเจ้าสองคนเจอกันแล้วจะทะเลาะ…พูดให้เจ้าไม่อยากฟังหน่อยก็คือ คนชนบทวิสัยทัศน์คับแคบ เห็นเพียงเมื่อก่อนนางเคยเป็นฮูหยินขุนนาง อ่อนโยนมีมารยาท รู้ว่าเจ้าเป็นคนมือหยาบเท้าหยาบ ไม่เคยเห็นฮูหยินชนบทในสังคมมาก่อน พวกเจ้าทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นมา ไม่ว่าใครจะถูก ในสายตาคนอื่นก็จะคิดว่านางมีเหตุผล และจะว่าเจ้าไร้เหตุไร้ผลเอาแต่หาเรื่อง ไม่มีความเป็นสะใภ้…แล้วเหตุใดต้องทะเลาะเล่า”
———————————
[1] จั้ง (หน่วยวัดของจีน) ฟุต