ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 277.3 ใจทุกข์ตรมนั้นน่าเศร้ากว่าวายชีวา (3)
หมอตำแยหลิวอยู่ที่นี่ก็ยุ่งจนเหงื่อโทรม นางล้วงไปด้านในต่อพลางรับปากว่า “…เจ้าอย่ากังวลไปเลย สะใภ้คนนี้ของเจ้าไม่ได้คลอดลูกมานานหลายปีแล้ว ช่องคลอดแคบ เปลืองแรงหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ…” พูดถึงตรงนี้จู่ๆ ก็เสียงสูงขึ้น “ไอ้หยา ลูบเจอผมแล้ว จะออกมาแล้ว…”
ถงฮูหยินวางใจลงทันใด รอต้อนรับหลานคนใหม่ด้วยความดีใจ
บานประตูส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด มีคนวิ่งเข้ามาในลานบ้านอย่างเหนื่อยหอบ
จู๋เจี่ยร์เห็นว่ามารดากลับมาแล้ว ก็รีบเข้าไปเรียก “ท่านแม่กลับมาแล้ว! สะใภ้เล็กจะคลอดแล้ว หมอตำแยหลิวกำลังอยู่ข้างในแหน่ะเจ้าคะ ท่านย่ารออยู่ข้างนอก เมื่อครู่เพิ่งจะว่าว่าแม่ไม่กลับมา แม่รีบเข้าไปบอกท่านย่าหน่อยเถิด”
หวงน้าสี่สีหน้าแปลกไป แค่นเสียงเฮอะออกมาอย่างแปลกประหลาด มองห้องคลอดแวบหนึ่ง ไม่ขยับไหว
ถงฮูหยินเห็นสะใภ้ใหญ่ไม่มาช่วยแรง ตรงกันข้ามสีหน้ากลับเย็นชา ก็ไม่มีเวลาไปตำหนิอะไรมาก ในขณะนั้นเอง ได้ยินเสียงร้องของหมอตำแยหลิวจากในห้อง
ถงฮูหยินกับหวงน้าสี่สายตาพลันเปลี่ยน นางมองไป “คลอดแล้วหรือ”
ภายในหน้าต่าง เสียงหมอตำแยดังลอดออกมา ทั้งอึกอักและแปลกแปร่ง “คะ…คลอดแล้ว…”
ถงฮูหยินปรีดายิ่ง “ชายหรือหญิง”
ภายในห้อง เนิ่นนานจึงมีเสียงสั่นๆ ของหมอตำแยดังขึ้นว่า “ชาย…”
ถงฮูหยินไม่ได้สังเกตเสียงที่ผิดปกติของหมอตำแยหลิว ได้ยินว่าเป็นผู้ชายก็ร้องดีใจยกใหญ่ วิ่งเข้าไปดูหลาน
จู๋เจี่ยร์เบ้ปาก ดึงชายเสื้อมารดาไปมา “ท่านแม่ สะใภ้เล็กมีลูกชายขึ้นมาจริงๆ”
แทบจะขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงหวีดร้องของถงฮูหยินก็ดังขึ้นจากในห้อง พร้อมกับเสียงตื่นตระหนกของหมอตำแย “ไอ้หยา ถงฮูหยินไม่เป็นไรกระมัง เร็วเข้า สะใภ้สกุลอวิ๋นรีบเข้ามา รีบเข้ามา แม่สามีเจ้าเป็นลมไปแล้ว มาพยุงหน่อย…”
หวงน้าสี่กับจู๋เจี่ยร์รีบวิ่งเข้าไป เห็นถงฮูหยินเอนนอนอยู่ในอกหมอตำแย สีหน้าซีดเผือด มองตรงไปยังเตียงคลอด
บนเตียงนั้น ไป๋เสวี่ยฮุ่ยคลอดลูกตอนอายุมาก เลือดตกเยอะ หมอตำแยยัดปูนขาวไปหลายกำเลือดจึงหยุด ยามนี้หมดเรี่ยวหมดแรงสลบไป ไม่รู้เรื่องรู้ราวที่เกิดขึ้น
หวงน้าสี่รู้สึกแปลกๆ จึงเหลือบมองทารกที่ห่อตัวในผ้าอ้อมเพียงครึ่ง เหงื่อเย็นผุดซึมทันใด
ทารกเพศชายตัวเปล่าใบหน้าซีกซ้ายยุบลงไป เหมือนหายไปซีกหนึ่ง โครงหน้าดูน่ากลัวยิ่ง
เป็นทารกพิการ
จู๋เจี่ยร์ก็เห็นเช่นกัน นางหวีดร้องขึ้นด้วยความตกใจ ปิดปากไว้ แต่ก็ยังรบกวนให้ไป๋เสวี่ยฮุ่ยให้ตื่นขึ้นอยู่ดี
ไป๋เสวี่ยฮุ่ยลืมตาขึ้น เห็นคนเต็มห้องมีสีหน้าซีดราวกับกระดาษ ก็รู้สึกว่าแปลกๆ พอหันกายไปเห็นทารกพิการข้างกาย ยังไม่ทันได้หายใจ จู่ๆ ท้องน้อยก็ปวดขึ้น สีแดงฉานเลอะชุ่มผ้าปูเตียง เนื่องจากได้รับความตกใจเลือดจึงไหลออกมาอีก แล้วสลบไปอีกครั้ง
หมอตำแยหลิวรีบยัดปูนขาวใส่ช่องคลอดนางอีกกำเพื่อหยุดเลือด
เรื่องน่ายินดีกลายเป็นเรื่องโศกเศร้า หมอตำแยหลิวไม่ต้องคิดจะรับอั่งเปาและเงินมงคลแล้ว อารมณ์ย่อมไม่ได้ดีเท่าใดนัก นางรีบห้ามเลือดให้เสร็จ เก็บเครื่องไม้เครื่องมือ เอ่ยกำชับด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน “แม่เด็กยังมีเลือดออกอยู่บ้าง อีกวันสองวันก็หยุดแล้ว แต่อย่าได้ให้นางตื่นตกใจ แผลจะได้ไม่ฉีกขาด หากเลือดยังออกอยู่ก็ทาปูนขาว หากเลือดออกเยอะให้รีบไปตามหมอมา”
ถงฮูหยินเห็นครรภ์พิการนั่นก็มึนงงแล้ว ไหนเลยจะได้ยินคำกำชับดูแลสตรีคลอดลูกเหล่านี้ นางอึกๆ อักๆ
หวงน้าสี่ก็รับคำแบบขอไปที
หมอตำแยกลับไปนานทีเดียว ถงฮูหยินจึงได้สติขึ้น นางตีอกชกหัว “แต่ละรุ่นในสกุลอวิ๋นไม่เคยคลอดสัตว์ประหลาดมาก่อน นี่เราทำบาปทำกรรมอันใดกัน! ตาเฒ่าที่เป็นวิญญาณอยู่บนสวรรค์เหตุใดไม่ปกป้องคุ้มครองหลานเสียบ้าง…”
ไป๋เสวี่ยฮุ่ยถูกถงฮูหยินทั้งร้องไห้ทั้งตะโกนจึงได้รู้ว่า เบื้องหน้าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ฝันร้าย และพอจะคาดเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนตั้งท้องหลังจากกรอกยาทำลายครรภ์ไปสองครั้งไม่ได้ผล อวิ๋นเสวียนั่งเริ่มใช้เชือกมัดเอวตน หนึ่งเพื่อระบายอารมณ์ สองหมายจะให้ตกลูก
เด็กพิการคนนี้ เกรงว่าจะเป็นผลร้ายจากการมัดเชือกบ่อยๆ ในสองสามเดือนนี้
ไป๋เสวี่ยฮุ่ยอยากจะร้องแต่ก็ไร้น้ำตา เห็นหวงน้าสี่มองมาแวบหนึ่ง ทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่งอย่างคลุมเครือ ยิ่งทำให้ทั่วร่างตกสู่ความหนาวยะเยือกขึ้นกว่าเดิม
“ท่านอย่าเอาแต่โทษท่านพ่อเลยเจ้าค่ะ บรรพบุรุษสกุลอวิ๋นปกป้องคุ้มครองแต่ลูกหลานสกุลตัวเอง ไม่มีทางคุ้มครองคนนอกสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกเจ้าค่ะ”
ถงฮูหยินหยัดกายขึ้น น้ำตาเหือดหายไปโดยพลัน ถลึงตาใส่สะใภ้ใหญ่
ไป๋เสวี่ยฮุ่ยตัวสั่นเหมือนฝัดข้าว ภายใต้ความหวาดกลัว ท่อนร่างฉีกขาดจนเจ็บปวด เดิมทีก็เลือดซึมไม่หยุดอยู่แล้ว เลือดที่เพิ่งจะห้ามไว้ก็ไหลออกมาอีก “เจ้าอย่าพูดเหลวไหล…”
หวงน้าสี่ทนเห็นนางเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไม่ไหว ดึงแขนเรียวของนางขึ้น หันหน้าไปแสดงอำนาจใส่ถงฮูหยิน “ท่านแม่เพิ่งจะบอกว่าแต่ละรุ่นของสกุลอวิ๋นไม่เคยคลอดสัตว์ประหลาดเช่นนี้มาก่อน พูดถูกแล้วเจ้าค่ะ เด็กคนนี้ไม่ใช่ทายาทสกุลอวิ๋นจริงๆ! คราก่อนข้าบังเอิญเห็นเจ้ารองตีน้องสะใภ้ พูดจากันแปลกๆ เดิมทีก็รู้สึกว่ามีลับลมคมใน ครานี้พอกลับบ้านเดิมไป จึงตั้งใจเรียกน้องหกให้ไปสืบข่าวที่เยี่ยจิงมา ท่านแม่ก็รู้ว่าน้องหกของข้า ตอนหนุ่มๆ เป็นพ่อค้าหาบเร่อยู่ต่างเมือง ขึ้นเหนือล่องใต้มาจนทั่ว ฉลาดปราดเปรื่อง รู้ทางไม่น้อย พอถึงนอกเมืองหลวงก็ไหว้วานคนให้ไปหาตัวสาวใช้ติดอ่างที่เคยรับใช้แม่นางไป๋ ไถ่ถามอยู่พักหนึ่งจึงกระจ่างในเรื่องราวทั้งหมด…นี่อย่างไร ข้าจึงรีบกลับมาบอกท่านแม่” พูดจบก็ตะโกนขึ้นว่า “ท่านแม่ผู้น่าสงสารของข้า อุตส่าห์ดูแลปรนนิบัติเหมือนกับดูแลพ่อแม่ เทิดทูนบูชานังแพศยานี่ราวกับพระโพธิสัตว์ ทำลายกำลังกายกำลังใจท่านไปเปล่าๆ ปลี้ๆ แล้ว!”
ถงฮูหยินแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว “เจ้าพูดจาให้มันชัดเจนหน่อย…”
“นังแพศยาของเจ้ารองปล่อยเงินกู้ตามคนอื่นเขาอยู่ในเมืองหลวง คบหากับพวกปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงมาหลายปี เจ้ารองก็รู้ พวกที่ปล่อยเงินกู้พวกนั้นล้วนเป็นพวกสกปรก ไม่ว่าเรื่องใดก็ทำได้หมด!” หวงน้าสี่เอ่ยด้วยความแค้นเคืองต่อคววามไม่เป็นธรรมเต็มเปี่ยม “ต่อมา นังแพศยานี่ก็ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนแตกหักกับพวกปล่อยเงินกู้ ติดหนี้พวกมัน พวกมันจึงเรียกสะใภ้คนดีของท่านให้ไปหา…สาวใช้ติดอ่างคนนั้นบอกว่า เจรจาจนถึงตอนสุดท้าย บุรุษกลุ่มหนึ่งก็ลากตัวนังแพศยานี่เข้าไปในห้อง…” เล่าพลางปิดหน้า อับอายจนยากจะพูดต่อ แล้วมองลอดนิ้วจ้องไป๋เสวี่ยฮุ่ยอย่างโหดเหี้ยม “มิน่าเล่า เจ้ารองจึงได้ตีนังแพศยาเช่นนั้น ทั้งยังไม่ดูดำดูดีเด็กคนนี้อีก!”
ชายกระโปรงของไป๋เสวี่ยฮุ่ยโดนเลือดประปรายที่ไหลออกมาอาบย้อมจนแดงฉาน หัวหนักเท้าเบา เวียนหัวขึ้นมา มือนางสั่นเทา หยิบถาดปูนขาวข้างกายมา ร่างกายซวนเซปัดถาดนั้นพลิกคว่ำเสียงดังเพล้ง ปูนขาวห้ามเลือดหกกระจายบนพื้น ทันใดนั้นสีหน้าก็ซีดเผือด ทว่าไหนเลยจะมีคนมาเก็บให้ตน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องไปตามหมอมาให้เลย
ถงฮูหยินฝีเท้าโซเซสองสามก้าว เกือบจะล้มลง นางกัดปาก “ในเมื่อเจ้าสังเกตเห็นแต่แรก เหตุใดไม่บอกข้าแต่เนิ่นๆ” ที่เจ้ารองไม่พูด คงเพราะกลัวจะขายหน้า แต่ที่สะใภ้ใหญ่ทำอยู่เห็นได้ชัดว่าจงใจดูละครสนุก
หวงน้าสี่เบ้ปาก “ท่านแม่เห็นครรภ์ของน้องสะใภ้ล้ำค่าเสียยิ่งกว่าชีวิตอีก ความสัมพันธ์ของข้ากับน้องสะใภ้ ท่านแม่ก็เห็นๆ อยู่ ไร้หลักฐานเช่นนั้น ข้าไหนเลยจะกล้าพูด หากพูดไป ท่านแม่ก็จะคิดว่าข้าสาดโคลนใส่นาง ท่านแม่ก็เคยบอกมิใช่หรือว่าน้องสะใภ้เป็นคุณหนูสูงศักดิ์ ข้ามันชาวบ้านหยาบกระด้าง ข้าทะเลาะกับน้องสะใภ้ขึ้นมา คนทั่วไปก็จะคิดว่าข้าผิด นี่อย่างไร ข้าสืบมาจนแน่ชัดแล้วจึงได้กล้าพูด…”
ถงฮูหยินเบื้องหน้ามืดดับ ให้จูเจี่ยร์ไปตามอวิ๋นเสวียนฉั่งมา