ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 278.1 ตอนพิเศษ อ๋องผู้กำยำกับชายาเซ่อซ่า (1)
อวิ๋นเสวียนฉั่งใบหน้าเว้าลึกตอบก้มหน้าลงมองทารกในอ้อมอกที่หน้าตาน่ากลัวแวบหนึ่ง แสยะยิ้มมุมปากอย่างแปลกประหลาด ในรอยยิ้มนั้นเผยความอ้างว้างอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ราวกับถูกผลักไปสู่ความบ้าคลั่งอันอับจนหนทาง ฝ่ามือค่อยๆ เคลื่อนห่างจากใบหน้าบุบเบี้ยวของทารกนั้น
ตัวอัปยศอันสกปรกโสมมที่เห็นทุกวี่วันคงได้กระอักเลือดนี้ กลับกลายเป็นที่พึ่งพิงและความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่จะฝากฝังครึ่งชีวิตที่เหลือของเขาเอาไว้
……
ณ เมืองเจียงเป่ยที่ห่างไกลจงหยวน ใกล้กับเหมิงหนูและอยู่ติดกับทะเลทรายผืนใหญ่ ภูมิประเทศกว้างใหญ่ ประเพณีพื้นบ้านกล้าหาญ
จวนซื่ออ๋องตั้งอยู่ทางเหนือของเมือง หลังคาสีชาด ระเบียงทางเดินมรกต ภูเขาจำลองหินวิจิตร แค่เรือนชั้นในก็กินพื้นที่ไปร้อยหมู่[1]แล้ว จากความใหญ่โตที่ส่งออกมาไม่ด้อยกว่าราชนิเวศน์ของกษัตริย์เลยสักนิด
ในรัชสมัยหนิงซีฮ่องเต้ อี๋ซื่ออ๋องพำนักอยู่ที่นี่เพื่อต้านและตีศัตรูทางเหนือ
ปีต่อมา หนิงซีฮ่องเต้ส่งคณะช่างฝีมือที่มีชื่อเสียงจากเมืองหลวงเดินทางไกลหลายพันลี้มาเพื่อซ่อมแซมบูรณะคฤหาสน์ให้อี๋ซื่ออ๋อง เพียงพอที่จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงเอาใจใส่ต่อพระนัดดาคนนี้มาก
หากจะพูดถึงท่ามกลางบรรดาองค์ชายผู้โชคดีที่ไม่ใช่พระโอรสแห่งต้าเซวียนแล้ว ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าอี๋ซื่ออ๋อง
แต่ยุคทองอันเจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริงของอี๋ซื่ออ๋องกลับอยู่ในรัชสมัยหงจยา
ขุนนางที่ปรึกษาเมืองเจียงเป่ย ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าซื่ออ๋องเป็นขุนนางที่สร้างคุณูปการอยู่เบื้องหลังและผู้เบิกทางแห่งอำนาจของหงจยาฮ่องเต้
ยามหงจยาฮ่องเต้ยังปกครองในเขตการปกครองส่านซีอยู่ ซื่ออ๋องได้สร้างมิตรภาพอันดีกับพระองค์เนื่องจากได้ร่วมฝ่าฟันศัตรูมาด้วยกัน จากนั้น หงจยาฮ่องเต้กลับเมืองหลวงมาชิงอำนาจ ซื่ออ๋องก็ยิ่งเป็นกำลังสนับสนุนหนุนหลังของพระองค์ที่ไม่อาจประเมินค่าต่ำได้
พอหงจยาฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ ซื่ออ๋องก็ได้หน้าได้ตาไปมากมาย กระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวาอย่างหาที่สุดไม่ได้
ทั้งในและนอกราชสำนักไม่มีใครไม่เคารพยำเกรง กระทั่งไทฮองไทเฮายังต้องไว้หน้าเขาสามส่วน ยิ่งไปกว่านั้นยังพระราชทานสมรสให้แก่อี๋ซื่ออ๋องอีกด้วย
หน้าประตูคฤหาสน์คึกคัก วันนี้เป็นวันที่อี๋ซื่ออ๋องพาพระชายาซื่ออ๋องกลับมาเจียงเป่ย
บ่าวไพร่ของจวนซื่ออ๋องมารวมตัวกันที่สิงโตหินหน้าประตูทั้งสองฝั่ง ภายใต้การนำของผู้เฒ่าอาภรณ์ครามที่ดูๆ แล้วเหมือนจะเป็นผู้ดูแลบ้าน ผู้คนชะเง้อคอมองรอกันอยู่นาน
ยามเที่ยงมาถึง ขบวนที่กลับมาจากเยี่ยจิงทยอยเข้าเมืองมาหยุดอยู่หน้าบันไดของจวนอ๋อง
ด้านหน้าเป็นรถม้าของผู้เป็นนาย ด้านหลังเป็นขบวนทหารส่วนตัวอันมโหฬารพันลึกหลายพันนายที่ติดตามไปเยี่ยจิงด้วย รวมถึงรถม้าอันหรูหราหลายคันที่บรรทุกของกำนัลพระราชทานกลับมาจากเยี่ยจิง
ในรถม้าคันใหญ่ที่มีหลังคาหยกปกคลุมเอาไว้อย่างหรูหรา ภายใต้การคุ้มกันของทหารส่วนตัว อี๋ซื่ออ๋องเลิกม่านขึ้นแล้วลงจากรถ
ผู้คนที่เฝ้ารอต่างมีสีหน้ายินดีและประหลาดใจ พากันกู่ร้องเรียกซื่ออ๋อง
ชายชราในชุดสีครามเข้าไปหาก่อน “นายท่านเดินทางลำบากแล้ว” กล่าวจบก็เหลือบมองรถม้าแวบหนึ่ง ส่งสายตาให้สาวใช้สองนาง แล้วเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “น้อมเชิญพระชายาซื่ออ๋องลงจากรถขอรับ”
เมื่อข่าวสมรสพระราชทานของซื่ออ๋องแพร่ไปทั่วทั้งเจียงเป่ย บรรดาขุนนางและข้าราชบริพารคนสนิทต่างปรีดากันไม่น้อย วางเรื่องในใจได้ลง
หลายปีมานี้ แม้จวนซื่ออ๋องจะมีสตรีเข้าๆ ออกๆ ไม่น้อย แต่ไม่มีภรรยาหลวงเป็นตัวเป็นตนเลย แต่ก่อนเรียกว่าแต่งงานเป็นจริงเป็นจังอะไรไม่ได้
พระชายาซื่ออ๋องสกุลเฉินเป็นคุณหนูสายตรงจากตระกูลแม่ทัพในเยี่ยจิง มีปู่เป็นรัฐบุรุษอาวุโสถึงสามรัชสมัย ยามหนุ่มๆ ถูกแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพ เข้าร่วมศึกของต้าเซวียนอยู่หลายครั้ง บรรพบุรุษสี่รุ่นล้วนเป็นขุนนางด้านการทหารของต้าเซวียนทั้งสิ้น
ในรุ่นนี้ พี่ชายอย่างเฉินเซ่าถูกฝ่าบาทชี้ตัวให้ตั้งมั่นอยู่ที่เมืองอวี้หลง เพื่อร่วมรักษาชายแดนกับซื่ออ๋อง รับมือศัตรูที่ชายแดนเหนือ เรียกได้ว่าเป็นตระกูลแม่ทัพห้าวหาญมีความสามารถยอดเยี่ยม
แค่ได้ฟัง ก็เรียกได้ว่าคุณหนูสกุลเฉินนางนี้กับซื่ออ๋องนั้นเหมาะสมกันแล้ว
สาวใช้สองนางเดินไปใกล้รถม้า ตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย ไม่รู้เหมือนกันว่านายหญิงคนใหม่ที่ใกล้จะได้ปรนนิบัติรับใช้นั้นจะเป็นคนเช่นไร
อี๋ซื่ออ๋องได้ยินผู้ดูแลซ่งเชิญพระชายา ริมฝีปากบางกลับกระตุก
หากแต่ผู้ดูแลซ่งกลับไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของซื่ออ๋อง เห็นในรถม้าไร้เสียงคนตอบรับ ก็คิดว่าไม่ได้ยิน จึงเอ่ยเรียกขึ้นอย่างนอบน้อมอีกรอบว่า “น้อมเชิญพระชายาซื่ออ๋องลงจากรถขอรับ”
ก็ยังคงเงียบสงัดไร้เสียงตอบรับ เหมือนโยนก้อนหินลงบ่อน้ำไม่คืนกลับมา
ผู้ดูแลซ่งตกใจ มองอี๋ซื่ออ๋องแวบหนึ่ง เห็นมุมปากเขาหยักยกเป็นรอยยิ้มเย็นคล้ายมีคล้ายไม่มี แต่ไม่ได้เอ่ยคำใด
สาวใช้นางหนึ่งมือไว เลิกม่านด้านหนึ่งขึ้น แล้วร้องอย่างตกใจว่า “พระชายา…ไม่อยู่ในรถม้า”
ผู้คนที่รวมตัวกันต่างตกตะลึง ไม่อยู่ด้านใน เช่นนั้นไปอยู่ที่ใดเล่า
นายหญิงคนใหม่กลับเจียงเป่ยมา ไม่ได้นั่งรถคันเดียวกับสวามีหรอกหรือ
“เอ่อ…ซื่ออ๋อง พระชายาซื่ออ๋องเล่า” ผู้ดูแลซ่งมองผู้เป็นนายอย่างประหลาดใจ
อี๋ซื่ออ๋องยังไม่ทันได้แค่นเสียงเย็นออกมา ขบวนด้านหลังก็มีเสียงเกือกม้ากุบกับลอยมา พร้อมกับทหารส่วนตัวที่แยกย้ายไปทางหน้าต่างสองฝั่ง ม้าพันธุ์ดีสูงใหญ่สีน้ำตาลแดงตัวหนึ่งควบมาถึงหน้าประตูจวน
เอ๋ นี่เป็นม้าที่อี๋ซื่ออ๋องใช้โดยเฉพาะอย่างเชียนหลี่จวิ้นจากแดนตะวันตกไม่ใช่หรือ
บนหลังม้า สตรีวัยกำดัดในอาภรณ์สีแดงดึงบังเหียนไว้ ตะโกนนุ่มๆ ขึ้นเสียงเบาให้หยุด แล้วพลิกตัวกระโดดลงจากอานเงิน กวาดตามองดูรอบด้านแวบหนึ่ง แล้วแหงนหน้าขึ้นมองป้ายคำขวัญเหนือประตูจวน สุดท้าย สายตาจึงได้ตกลงบนร่างผู้ดูแลซ่ง “เรียกข้ารึ” พูดพลางมือคว้าแผงคอม้าเกาให้มันจั๊กจี้ เอ่ยอย่างรักใคร่เอ็นดูว่า “ลำบากเจ้าแล้ว ต้าไกว”
เสียงฮี้ฮี้ดังขึ้น ต้าไกวที่ดูท่าแล้วทรงพลังหยิ่งผยองถูไถเจ้านายคนใหม่อย่างเชื่องเชื่อ
“ต้าไกวเป็นเด็กดีจริงๆ” เฉินจื่อหลิงลูบหัวม้าไปมา
อี๋ซื่ออ๋องหน้าอึมครึมขึ้นมา ตลอดทางมาไม่อยากจะร่วมพักห้องเดียวกันกับตนก็แล้วไปเถิด จูงม้าเร็วของตนมาเป็นภาหนะแทนเดินเท้าก็แล้วไปเถิด ยังจะเปลี่ยนเป็นชื่อเชียนหลี่จวิ้นผู้น่าเกรงขามของตนมาเป็นชื่อปัญญาอ่อนเช่นนี้อีก
ที่น่าโมโหกว่านั้นก็คือ เชียนหลี่จวิ้นตัวนี้ก็ไม่ทระนงตัว ตลอดทางตั้งแต่เยี่ยจิงมาถึงเจียงเป่ย นึกไม่ถึงว่าจะถูกนางซื้อตัวไปแล้ว เห็นนางเป็นเจ้านายไปอีกคน
ผู้คนได้สติกันขึ้น สตรีตรงหน้าที่ขับขี่ภาหนะของซื่ออ๋อง คือคุณหนูจากจวนแม่ทัพที่ไทฮองไทเฮาพระราชทานสมรสให้ด้วยพระองค์เอง
นึกไม่ถึงว่าสามีภรรยาทั้งสอง คนหนึ่งนั่งรถ อีกคนขี่ม้ากลับมา นี่กำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ
ผู้ดูแลรองในจวนตกตะลึง พลั้งปากออกไปว่า “เหตุใดซื่ออ๋องจึงไม่นั่งรถคันเดียวกันกลับมากับพระชายาซื่ออ๋องเล่า”
ผู้ดูแลซ่งถลึงตาใส่ผู้ดูแลรอง “เจ้างั่ง! ก็ต้องเพราะพระชายาเมารถ นั่งรถม้าไม่ได้น่ะสิ!”
ผู้ดูแลรองปิดปากฉับ พยักหน้าหงึกๆ
ผู้คนย้ายสายตาไปที่นายหญิงคนใหม่
สตรีนางนี้ดูๆ แล้วอย่างน้อยก็น่าจะอ่อนกว่าอี๋ซื่ออ๋องเจ็ดแปดปี รูปร่างอ้อนแอ้นบอบบาง ขายาวทั้งสองข้างสวมกางเกงเข้ารูปที่เหมาะสำหรับขี่ม้าเดินทาง ผนวกกับรองเท้าหุ้มเข่าหนังวัวสีน้ำตาลคู่หนึ่ง ใบหน้างดงามชวนมอง ราวกับลมสารทเย็นสบาย สวยงามเก่งกาจร่าเริงสดใส มีกลิ่นอายของเด็กสาวอันเข้มข้น
ซื่ออ๋องโปรดปรานสตรีงดงามที่เป็นผู้ใหญ่มาแต่ไหนแต่ไร อนุในจวนที่มีอยู่ส่วนใหญ่มองได้ไม่เบื่อ รู้จักสังเกตสีหน้าและคำพูด
นายหญิงที่เพิ่งมาใหม่นางนี้ ดูๆ แล้วใสซื่อบริสุทธิ์น่ารักไร้เดียงสา ทั้งหน้าตายังมีกลิ่นอายของลูกวัวที่เกิดใหม่ไม่หวาดกลัวเสืออยู่ ราวกับแค่มองก็สามารถมองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
ซื่ออ๋องจะชอบสตรีเช่นนี้หรือ
แต่ถึงไม่ชอบก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะนี่เป็นการแต่งงานที่ไทฮองไทเฮาพระราชทานให้
แม้จะเกลียดชังก็จำต้องเซ่นไหว้ราวกับเจ้าแม่กวนอิม
ผู้ดูแลซ่งพาคนไปถวายคำนับพระชายาอย่างเป็นทางการ แนะนำตัวคำรบหนึ่ง จากนั้นจึงแนะนำผู้ดูแลบ้านคนอื่นๆ และคนรับใช้คนสนิทของจวนในตำแหน่งที่สำคัญจำนวนหนึ่ง
เฉินจื่อหลิงฟังพลางมองคนที่ผู้ดูแลซ่งแนะนำไปด้วย ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงสายตาอันเร่าร้อนมองมา
ด้านหลังผู้ดูแลสองนายมีสตรีจำนวนหนึ่งยืนอยู่ เห็นได้ชัดยิ่งว่าไม่ใช่สาวใช้ พวกนางสวมใส่แพรต่วนไหมเนื้อดี ศีรษะประดับปิ่นมุกและหยกมรกต เครื่องสำอางบนร่างฉูดฉาดหอมอวล ลอยมาด้วยระยะห่างสิบกว่าก้าว
บรรดาสตรีเหล่านั้นต่างเรียกได้ว่าสงบเสงี่ยม เห็นนายหญิงคนใหม่กลับมา แต่ละคนต่างก้มหน้าก้มตา ไม่มีใครกล้าส่งเสียง
แต่มีนางหนึ่งที่ใจกล้ายิ่ง เงยหน้าขึ้นมองมา ดวงตางดงามอ่อนโยนคล้ายสายน้ำคู่นั้นจดจ้องมายังบุรุษข้างกายเฉินจื่อหลิง
เป็นสายตาที่เฉินจื่อหลิงสัมผัสได้เมื่อครู่นี้
——————————-
[1] หมู่ (หน่วยวัดพื้นที่ของจีน) 1 หมู่ = 0.416667 ไร่