ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 278.2 ตอนพิเศษ อ๋องผู้กำยำกับชายาเซ่อซ่า (2)
อี๋ซื่ออ๋องเห็นเฉินจื่อหลิงมองอนุของตน สีหน้าที่แสดงออกมาก็ไม่เหมือนเดิม อารมณ์จึงดีขึ้นไม่น้อย เอ่ยอย่างเกียจคร้านคล้ายแสดงอำนาจว่า “หมิงเหนียงอยู่ไหน”
สตรีใจกล้านางนั้นพอได้ยินว่าซื่ออ๋องเรียกตน สีหน้าก็ปรีดายิ่ง นางสาวเท้าเดินออกมา เอ่ยอย่างออดอ้อนว่า “ซื่ออ๋อง หมิงเหนียงอยู่นี่เจ้าค่ะ”
ผู้ดูแลซ่งตกตะลึง ซื่ออ๋องกับชายากลับมาเจียงเป่ย ทุกคนทั่วทั้งจวน แน่นอนว่ารวมบรรดาอนุในจวนไว้ด้วย หมิงเหนียงนางนี้เป็นนางสังคีตในเมืองนางหนึ่ง ใช้เสียงร้องอันไพเราะดั่งนกขมิ้นออกจากหุบเขาทำให้ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเจียงเป่ย ก่อนที่อี๋ซื่ออ๋องจะไปเยี่ยจิงถูกเรียกตัวเข้ามาอยู่ในจวน บทเพลงหลายบทได้รับความโปรดปรานจากซื่ออ๋อง เป็นคนโปรดที่ซื่ออ๋องโปรดปรานที่สุด
แต่คิดไม่ถึงว่าซื่ออ๋องยังไม่ทันเข้าจวนก็ถามหาหมิงเหนียงก่อนแล้ว ไม่ไว้หน้าให้พระชายาคนใหม่เลยสักนิด
อี๋ซื่ออ๋องเหลือบมองเฉินจื่อหลิงแวบหนึ่ง โบกมือให้หมิงเหนียง แล้วเอ่ยอย่างชัดเจนไร้ข้อบกพร่องทีละถ้อยทีละคำว่า “เจ้ามานี่”
หมิงเหนียงเดินออกไปท่ามกลางสายตาริษยาของบรรดาอนุคนอื่นๆ นางหยุดลง น้ำตาหลั่งไหลออกมาราวกับดอกหลีต้องฝน เช็ดหางตาเอ่ยว่า “ซื่ออ๋องกลับมาเสียที หม่อมฉันเอาแต่คะนึงถึงอยู่ที่จวนทุกคืนวัน ห่วงหาไม่คลายเลยเจ้าค่ะ”
“มิน่าเล่า ผอมลงไปตั้งเยอะ” อี๋ซื่ออ๋องเหลือบมองเฉินจื่อหลิงทางหางตา ฉวยมือขาวราวกับหยกของอนุขึ้นมาลูบในฝ่ามือ ถูไถไปมา
หมิงเหนียงเขินอายจนหน้าแดง ดวงหน้างามหันหนีไปอีกด้าน “กลางวันแสกๆ ซื่ออ๋อง…” แต่ร่างกายกลับเอนพิงไปทางเขาอย่างยากที่จะสังเกตเห็นได้ง่ายๆ
เฉินจื่อหลิงพินิจมองอนุงามคนนี้ อกใหญ่สะโพกกลมกลึง ไม่รู้เหมือนกันว่าโบกแป้งหอมไปกี่จิน[1] ทำเอาคนมองหายใจแทบไม่ออก เสียงหวานเลี่ยนเหมือนกลิ้งอยู่ในน้ำตาลทราย ทำเอาคนฟังแล้วขนลุกไปทั่วร่าง แต่บุรุษที่สมองดันไปงอกอยู่กลางลำตัวนั้นกลับชื่นชอบ ทั้งยังเหลือบมองอี๋ซื่ออ๋องอย่างลึกซึ้ง ส่ายหน้าไปมา
อี๋ซื่ออ๋องเห็นนางมองมายังตน ก็ทอดถอนใจออกมาเงียบๆ กำลังลำพองใจอยู่ แต่สังเกตเห็นว่าสายตานั้นแปลกๆ ไป ทั้งยังไม่ได้ขุ่นเคือง เห็นได้ชัดว่าดูถูกและเหน็บแนมต่อรสนิยมด้านความงามของตน
หมิงเหนียงเห็นคิ้วคมของซื่ออ๋องขมวด จึงก้าวไปสองก้าว โน้มกายลงกระซิบหยั่งเชิงว่า “ซื่ออ๋องลำบากมาตลอดทางแล้ว เข้าไปล้างฝุ่นไคลก่อนเถิดเพคะ”
ผู้ดูแลซ่งขมวดคิ้ว หมิงเหนียงผู้นี้ ต่อให้ซื่ออ๋องเรียกมาปรนนิบัติด้วยตัวเอง ก็ไม่อาจเห็นพระชายาเป็นอากาศธาตุเช่นนี้ได้ พระชายาก็อยู่ตรงหน้า ไม่รู้จักคำนับก็แล้วไปเถิด นี่ยังเกี้ยวพาราสีซื่ออ๋องต่อหน้าพระชายาอีก ช่างกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว
ทว่ากลับเห็นพระชายาซื่ออ๋องแย้มยิ้ม “ดี ซื่ออ๋องเข้าไปกับป้าคนนี้ก่อนเถิด จริงสิ คอกม้าอยู่ที่ไหนหรือ ข้าจะไปป้อนหญ้าให้ต้าไกวก่อน”
ได้ยินคำว่า ‘ป้า’ ทำเอาหมิงเหนียงสีหน้าแดงก่ำ
ทุกคนต่างนิ่งอึ้ง ปิดปากแอบหัวเราะกันใหญ่ นั่นน่ะสิ หมิงเหนียงที่ฉาบด้วยเครื่องสำองหนาเตอะแม้จะงดงาม แต่ขับให้พระชายาซื่ออ๋องที่อยู่ด้านข้างซึ่งไร้เครื่องสำอางหน้าตาสดใสยิ่งอ่อนวัยลงหลายปี
คุณหนูจากตระกูลแม่ทัพพูดตรงไปตรงมาเสียจริง แต่ก็ดีเหมือนกัน เหมาะสมที่จะแต่งเข้ามาในสภาพแวดล้อมชานเมืองที่เปลี่ยนแปลงมากมายเช่นนี้
ทหารส่วนตัวคนหนึ่งได้ยินคำสั่งของพระชายาซื่ออ๋องก็จูงต้าไกวมาหา
เฉินจื่อหลิงเหยียบห่วงเงินพลิกตัวขึ้นหลังม้า
ทหารส่วนตัวบอกทางให้อย่างประจบเอาใจ “พระชายาซื่ออ๋อง คอกม้าอยู่ทางนั้น…” พูดจบก็ชี้ไปทางประตูข้างที่ม้าเข้าออก
ระหว่างทางมานี้ ซื้อตัวเชียนหลี่จวิ้นของเขาไปไม่พอ ยังจะเอาทหารส่วนตัวของเขาทั้งกลุ่มมาเป็นพวกอีก แทบจะสร้างกลุ่มก้อนเล็กๆ ได้แล้ว คนทั้งกลุ่มยินดีทำตามคำสั่งนางหมด อี๋ซื่ออ๋องลมหายใจเข้มขึ้น แค่นเสียงออกมาเบาๆ
เฉินจื่อหลิงส่งเสียง ‘อืม’ ขานรับ แล้วดึงบังเหียนเปลี่ยนทิศทางทันที
อี๋ซื่ออ๋องเห็นนางไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ขี่เชียนหลี่จวิ้นไปทางประตูด้านข้าง ก็รักษาสีหน้าไว้ไม่อยู่ หน้าตาอึมครึมขึ้นมา น้ำเสียงกลับยังเกรงอกเกรงใจ “แค่ป้อนม้าเหตุใดต้องให้พระชายาลงมือทำเอง ให้พวกคนรับใช้ทำก็ได้แล้ว”
ทุกคนเห็นอี๋ซื่ออ๋องสีหน้าแปรเปลี่ยนก็ไม่กล้าส่งเสียงดัง
บนอานม้านั้น เฉินจื่อหลิงคล้ายไม่ได้ยินที่อี๋ซื่ออ๋องพูด นางไม่ได้ตอบกลับมา ดึงบังเหียนขี่ม้าไปทางประตูด้านข้างต่ออย่างสบายอกสบายใจ
อี๋ซื่ออ๋องเห็นนางไม่สนใจก็หน้าคว่ำ เดิมทีนางก็อาศัยสมรสพระราชทานจากไทฮองไทเฮาและการให้ท้ายจากหวงกุ้ยเฟยมาหนุนหลังจึงไม่หวาดกลัว เฉินจ้าวนั่นภายหน้าปักหลักมั่นคงที่เมืองอวี้หลงแล้ว เกรงว่านางจะยิ่งไม่รู้ว่าสามีเป็นใหญ่เป็นเช่นไร
วันนี้เข้าจวนมาครั้งแรก หากไม่ข่มความเย่อหยิ่งของนางเอาไว้ ภายหน้าจะไม่ยิ่งอวดดีเลยหรือ
ที่สำคัญก็คือ เขาไม่เคยโดนสตรีไม่ไว้ให้หน้าเช่นนี้มาก่อน
ดวงหน้าอันหล่อเหลาของอี๋ซื่ออ๋องราวกับโดนสาดหมึก ดำทะมึนก่อนแล้วค่อยซีดเผือด สุดท้ายปัดมืออ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูกของหมิงเหนียงออก สาวเท้าก้าวไปหา เตรียมจะจับบังเหียนบังคับหัวม้า
หมิงเหนียงเห็นพระชายาที่เพิ่งเข้าจวนมานึกไม่ถึงว่าจะทำให้ซื่ออ๋องโกรธเช่นนี้ จึงตกใจยกใหญ่ นางรู้นิสัยซื่ออ๋องดี จะทนกล้ำกลืนความโกรธจากสตรีได้อย่างไร
ยามนี้ พระชายาซื่ออ๋องผู้นี้หมดหนทางหนีในสายตาซื่ออ๋องอีกต่อไป
เดิมทีได้ยินว่าซื่ออ๋องพาพระชายาพระองค์ใหม่กลับมา หมิงเหนียงยังหวาดกลัวอยู่บ้าง พระชายาเป็นคุณหนูตระกูลขุนนางจากเมืองหลวง หน้าตา ความรู้และภูมิลำเนาล้วนสูงส่งกว่าสตรีท้องถิ่นจากเจียงเป่ย มีคนใหม่มา ซื่ออ๋องไหนเลยจะมาคิดถึงตน
มาเห็นสถานการณ์นี้แล้ว หมิงเหนียงแม้จะตระหนก แต่ก็เบาใจลงอย่างอธิบายไม่ถูกเช่นกัน นางรีบยกชายกระโปรงตามไป ทำท่าทำทางแสร้งโน้มน้าวว่า “ซื่ออ๋องระงับโทสะ…”
ซื่ออ๋องสาวเท้าไปเบื้องหน้า ขวางหน้าหัวม้าของเฉินจื่อหลิงไว้ ยื่นแขนไปคว้าบังเหียนมั่น
เฉินจื่อหลิงเห็นอี๋ซื่ออ๋องจู่ๆ ก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เหมือนนางจะตกใจ เผลอปล่อยมือ รีบร้อนหันหัวม้าหนี
เชียนหลี่จวิ้นยกกีบเท้าหน้าขึ้นใส่คนใต้ร่างม้า ตัวตั้งตรง ร้องออกมาเสียงยาว
อี๋ซื่ออ๋องตกใจ กระโจนหลบ
หมิงเหนียงที่ตามมาจากด้านหลังไหนเลยจะมีฝีมือเหมือนอี๋ซื่ออ๋อง นางหลบไม่ทัน ถูกเกือกม้าที่ทั้งแข็งและเย็นเยียบดีดใส่หน้า ร้องออกมาคำหนึ่ง หงายหลังล้มลงกับพื้น แล้วปิดหน้างามไว้
ผู้ดูแลซ่งรีบให้คนไปพยุงหมิงเหนียงขึ้น เห็นหมิงเหนียงใบหน้าอาบเลือด ก็ตกอกตกใจยกใหญ่ อย่างไรเสียก็เป็นอนุคนโปรดของซื่ออ๋อง ต้องไปดูว่าบาดเจ็บแค่ไหน จึงเอ่ยถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ต้องเชิญหมอในจวนมาดูหรือไม่”
หมิงเหนียงกลับปิดหน้าไว้แน่น ไม่ให้ดู ริมฝีปากสะอึกสะอื้นเหมือนลมรั่ว พูดออกมาทั้งประโยคไม่ได้
แม่บ้านคนหนึ่งเปิดหน้าหมิงเหนียงออก หมิงเหนียงกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง ในนั้นปนบางอย่างสีขาวๆ ออกมาด้วย
แม่บ้านเหลือบไปมองแล้วกรีดร้องออกมาอย่างตระหนก “ไอ้หยา เหลือเชื่อเลย ฟันหน้าถูกม้าดีดหลุดแล้ว”
หมิงเหนียงทั้งเจ็บทั้งขายหน้า ร้องไห้ออกมาเสียงดัง มองไปยังอี๋ซื่ออ๋อง เอ่ยท้วงความเป็นธรรมเสียงไม่ชัดว่า “ชื่อ…อ๋อง…ต้องตัดฉินให้…หม่อมซั้นนะเพคะ”
อี๋ซื่ออ๋องสีหน้าพลันเปลี่ยนมองไปยังตัวต้นเหตุ
เฉินจื่อหลิงลงจากหลังม้าอย่างไม่รีบร้อน พินิจมองฟันของอนุคนงามที่ถูกม้าดีดหลุดอย่างละเอียด เอ่ยด้วยความเสียดายว่า “ข้าขี่ม้าอยู่ดีๆ เหตุใดพวกเจ้าจึงพรวดพราดมาขวางหน้าข้าไว้เล่า ยามนี้เป็นอย่างไรล่ะ”
ผู้ดูแลซ่งรีบเอ่ยว่า “เรื่องนี้จะโทษพระชายาซื่ออ๋องได้อย่างไร” แล้วส่งสายตาไปให้พวกอนุ
บรรดาอนุคนอื่นๆ ถูกการกระทำของพระชายาซื่ออ๋องทำเอาปากอ้าตาค้างกันไปนานแล้ว ยามนี้จึงรีบกรูกันเข้ามาพยุงหมิงเหนียงเข้าไป
อี๋ซื่ออ๋องเห็นนางทำตัวเหมือนคนไม่เกี่ยวข้อง ไปคอกม้าอย่างสบายใจท่ามกลางการห้อมล้อมของบรรดาทหารองครักษ์ แววตาก็ทะมึนขึ้น
ผู้ดูแลซ่งส่ายหน้า แล้วนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงเข้าไปรายงานว่า “สวนประทุมที่พักของนายหญิงเพราะก่อนหน้านี้เจียงเป่ยเกิดพายุ ประตูหน้าต่างได้รับความเสียหาย กำลังซ่อมแซมอยู่ ครานี้ซื่ออ๋องกลับเจียงเป่ยมาอย่างรีบร้อน บ่าวจัดที่พักชั่วคราวให้พระชายาไว้ที่เรือนของซื่ออ๋อง พักอยู่ห้องเดียวกับซื่ออ๋อง รอให้เรือนของพระชายาเสร็จพร้อมก่อน ค่อยย้ายเข้าไป จัดการเช่นนี้ ไม่ทราบว่าซื่ออ๋องมีความเห็นเช่นไรขอรับ”
————————–
[1] จิน (หน่วยน้ำหนัก) 1 จิน เท่ากับ 500 กรัม