ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 279.1 ตอนพิเศษ นอนเตียงเล็ก (1)
เจียงเป่ยลมพายุฝุ่นทรายเยอะ เกิดพายุหมุนเขตร้อนขึ้นบ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องแปลก
“ต้องใช้เวลากี่วันรึ” อี๋ซื่ออ๋องไม่พอใจ “ให้นางพักสวนตะวันตกไม่ได้รึ สวนตะวันตกสภาพแวดล้อมก็ไม่เลว”
สวนตะวันตกอย่างนั้นรึ นั่นเป็นห้องพักแขกนะ จะให้นายหญิงของจวนซื่ออ๋องไปพักเรือนรับรองแขกได้อย่างไร
ผู้ดูแลซ่งเอ่ยเตือนว่า “เรื่องลือไปถึงเมืองหลวง ให้ไทฮองไทเฮากับฝ่าบาทได้ยิน เกรงว่าจะไม่พอพระทัยเอาได้ ซื่ออ๋องกับพระชายาเพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นานเองนะขอรับ”
“เอาล่ะ เอาล่ะ” อี๋ซื่ออ๋องโบกมือด้วยไม่เต็มใจอย่างยิ่ง อย่างมากที่สุดคิดเสียว่าโดนผีอำก็แล้วกัน
ณ เรือนหลัก บรรดาบ่าวไพร่เข้าๆ ออกๆ ขนย้ายของ ยุ่งวุ่นวายกันยกใหญ่
ก่อนฟ้าจะมืด บรรดาสาวใช้ผู้ติดตามเฉินจื่อหลิงมาอยู่บ้านเจ้าบ่าวจัดการขนย้ายสินเดิมเข้าไปในคลังของจวนที่ด้านข้างเรือนหลัก
อี๋ซื่ออ๋องอ้างว่าเรือนหลักวุ่นวาย ไปพักอยู่สวนตะวันตกของบรรดาสนม ทานมื้อค่ำที่ห้องของอนุนางหนึ่ง ใช้เวล่ำเวลาอยู่นานไม่จากไปไหน
จนกระทั่งตีเกราะบอกยามกลางคืนดังขึ้น ใกล้จะยามสอง[1] ผู้ดูแลซ่งพาพวกคนรับใช้เก่าแก่มาเชิญมาเร่งอยู่ด้านนอก อี๋ซื่ออ๋องจึงได้ดันอนุงามราวหยาดน้ำในวสันตฤดูออกจากอ้อมอก เอ่ยอย่างรำคาญว่า “เรียกอะไรอยู่ได้ ยังอยากจะให้คนเขามีชีวิตอยู่หรือไม่”
คนรับใช้ด้านนอกกลั้นหายใจ
“นายท่าน” ผู้ดูแลซ่งไม่มีวี่แววบกพร่องต่อหน้าที่เลยสักนิด “ดึกแล้ว ให้ชายาคนใหม่รออยู่ในห้องเดียวดายจะไม่ดี”
。
ผู้ดูแลซ่งเป็นคนรับใช้เก่าแก่จากจวนอี้หยางอ๋องในเยี่ยจิง เคยรับใช้อี้หยางอ๋องและชายามาก่อน ตอนนั้นติดตามนายน้อยมาเจียงเป่ย ดูแลภายในเรือนให้อี๋ซื่ออ๋อง
ก่อนพระชายาอี้หยางอ๋องจะสิ้นพระชนม์ คิดว่าในจวนไร้ผู้อาวุโส เกรงว่าลูกชายคนโตเยาว์วัย ทั้งยังไม่ได้แต่งงาน สนใจแต่รบราฆ่าฟันอยู่ข้างนอก แต่เสียกฎเกณฑ์ธรรมเนียนภายในบ้านไป จึงลากลูกชายและผู้ดูแลซ่งมาข้างเตียง ฝากฝังผู้ดูแลที่จงรักภักดีผู้นี้ให้เขารับผิดชอบเรื่องในบ้านแทนบิดามารดา ตักเตือนและควบคุมลูกชายคนโตอย่างเต็มที่ ทั้งยังให้ลูกชายมองผู้ดูแลซ่งเป็นเหมือนผู้อาวุโส ไม่อาจละเลยได้
ด้วยเหตุนี้ ความสำคัญในคำพูดของผู้ดูแลซ่งจึงไม่ธรรมดา
เป็นดังคาด ผู้ดูแลซ่งเอ่ยขึ้นเช่นนี้ คนรับใช้เก่าแก่คนอื่นๆ ก็เอ่ยเสริมต่อว่า “นายท่านโปรดไปยังเรือนหลักด้วยเถิด”
“นายท่าน!” อนุงามที่โดนผลักออกมองออกว่าอี๋ซื่ออ๋องไม่ค่อยอยากจะไป นางอ้อนคำหนึ่ง ท้องท้วมๆ คลานเข้าไปหาอีกครั้ง แขนขาวราวหิมะยื่นไปหา กอดลำคอเขาเอาไว้
กลิ่นหอมโชยเข้าจมูก ทุ่มเทปรนนิบัติเต็มที่
นี่จึงจะเรียกได้ว่าสตรี ใครจะไปเหมือนนางผู้นั้นกัน
อี๋ซื่ออ๋องไม่ปฏิเสธนาง ปล่อยให้อนุงามเกลือกกลิ้งในอ้อมกอดด้วยความพอใจสบายกายอย่างยิ่ง เขาตบใบหน้ารูปไข่เบาๆ
เงาร่างซ้อนทับของชายหญิงสะท้อนบนหน้าต่างกระดาษ คนด้านนอกเห็นได้อย่างชัดเจน
ผู้ดูแลซ่งทำเป็นมองไม่เห็น น้ำเสียงสงสารอยู่เล็กน้อย “แต่งงานมาใหม่ๆ นายหญิงเฝ้าห้องหอว่างเปล่าอย่างเดียวดาย ผิดธรรรมเนียมอย่างแท้จริง หากท่านอ๋องและพระชายาทรงทราบว่าซื่ออ๋องพาฮูหยินกลับจวนมาวันแรกก็มาพักอยู่ในห้องอนุเช่นนี้ จะต้องตำหนิบ่าวที่ไม่ได้ตักเตือน ทำลายธรรมเนียมในจวนซื่ออ๋องให้เสื่อมเสีย ไม่แยกแยะสูงส่งต่ำต้อย ในแดนปรโลก ท่านอ๋องกับพระชายาก็จะต้องตำหนิว่าบ่าวไร้ความรับผิดชอบ ขอนายท่านโปรดอภัยให้บ่าวด้วย! อย่างน้อยๆ ก่อนที่สวนประทุมจะซ่อมเสร็จ นายท่านไม่อาจเย็นชากับนายหญิงเกินไปนะขอรับ”
ข้ายกโทษให้เจ้า แล้วใครยกโทษให้ข้ากัน อี๋ซื่ออ๋องริมฝีปากบางกระตุก
“นายท่านโปรดไปเถิดขอรับ” บรรดาบ่าวรับใช้เก่าแก่พูดคล้อยตามกัน
อี๋ซื่ออ๋องโอบเอวบางของอนุไว้ ลูบๆ ไล้ๆ แกล้งทำหูทวนลมต่อ
ผู้ดูแลซ่งยึดมั่นในหน้าที่ ไม่ละทิ้งและไม่รบกวน เห็นคนภายในห้องไม่โต้ตอบกลับมา จึงเอ่ยเสียงสั่นอยู่ไม่น้อยว่า “ซื่ออ๋องไม่ฟังคำเกลี้ยกล่อม บ่าวก็ไม่กล้าผิดกฎล่วงเกิน แต่ทำให้ท่านอ๋องกับพระชายาทรงผิดหวัง ซื่ออ๋องยามนี้ก็ส่งบ่าวไปพบท่านอ๋องกับพระชายา ให้บ่าวได้ขออภัยโทษด้วยตัวเองเถิด!”
“ผู้ดูแลซ่งก็ทำเพื่อซื่ออ๋องทั้งนั้น อย่าได้พูดคำเหล่านี้เด็ดขาด!” บรรดาคนรับใช้เก่าแก่คร่ำครวญขึ้นพร้อมกันด้วยความเคยชิน
“ตาเฒ่า อย่าทำลายละครเสียหาย” นอกหน้าต่างเอ่ยพร่ำบ่นกันเป็นระลอก ทำเอาอารมณ์รักๆ ใคร่ๆ ของอี๋ซื่ออ๋องหมดลง คำพูดใช้การตายไถ่โทษอะไรทำนองนี้พูดจนนับไม่ถ้วนแล้ว ฟังเสียจนหูบวมเกิดตุ่มขึ้นตั้งนานแล้ว หากไม่สนใจ ก็เตรียมจะพูดไปทั้งคืน
สุดท้าย อี๋ซื่ออ๋องลูบบั้นท้ายทั้งขาวนุ่มทั้งอวบใหญ่ของอนุรอบหนึ่ง ปัดๆ เสื้อคลุมลุกขึ้นเดินออกมา
ณ เรือนหลัก เสียงดังหนวกหูมลายหายไป เงียบงันขึ้นมามากนัก
ผู้ดูแลซ่งพาคนรับใช้เก่าแก่มาเฝ้าประตูไว้ อี๋ซื่ออ๋องแบกหน้าหนาๆ เข้าไปด้านใน
เมื่อเหยียบเข้ามาในห้อง เสียงสนทนาของสตรีก็ลอยมาจากด้านในสุด
“คุณหนู หีบนี้วางไว้ไหนเจ้าคะ”
เป็นเสียงสาวใช้คนสนิทของนาง ชื่ออะไรตงเอ๋อร์ หรือว่าชิวเอ๋อร์หรือชุนเอ๋อร์อะไรสักอย่าง…ใครจะไปรู้
นายบ่าวสองคนกำลังเก็บข้าวของติดตัวจากสินเดิมอยู่
อี๋ซื่ออ๋องกำลังจะเปิดม่านออก กลับได้ยินเสียงเฉินจื่อหลิงลอยมาขัดไว้ “ของสิ่งนั้นอย่าเอาวางด้วยกัน ข้าจะเก็บแยกไว้อีกที่”
มือเขาชะงักกลางอากาศ มองลอดรอยแยกของผ้าม่านเข้าไป
เฉินจื่อหลิงสวมชุดนอน ผมปล่อยสยายลงมา เห็นได้ชัดว่าอาบน้ำแล้ว
ผมมวยงามสวยเมื่อตอนกลางวันปรกไหล่ราวกับสาหร่าย ห่างกันไม่กี่ก้าว มีกลิ่นหอมลอยอวลมา หาใช่กลิ่นเครื่องสำอางเข้มข้นบนร่างอนุในจวน แต่เป็นกลิ่นหอมของเด็กสาวตามธรรมชาติ
ยามนี้สวมชุดนอนตัวใหญ่สบายๆ สีขาวนวล แขนเสื้อสองข้างบางเบา ผ้าคลุมหน้าอกสีมรกตเผยรูปร่างของชั้นในให้เห็น
มองเช่นนี้แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมีความงดงามอยู่ไม่น้อย
อี๋ซื่ออ๋องกำจัดความคิดส่วนเกินออกไป สายตากวาดมองตกลงข้างเท้านาง
ข้างเท้านางมีกล่องไม้มะฮอกกานีวางอยู่ ทั้งยังไม่เล็ก กว้างประมาณหนึ่งช่วงแขน ถูกโซ่สีเงินเส้นหนึ่งคล้องไว้แน่นหนา มองดูแล้วน่าจะหนัก
นางมองซ้ายมองขวาครู่หนึ่ง คาดว่าคงกำลังตรวจมองไปรอบๆ ว่าที่ไหนเหมาะสม สุดท้ายจึงได้หอบกล่องไม้ขึ้น วางไว้ในมุมตู้เสื้อผ้าสี่ขามุมหนึ่งที่ไม่สะดุดตา แล้วให้สาวใช้แขวนเสื้อผ้าฤดูหนาวและไหมพรมผืนหนาๆ เข้าไปไม่น้อย คลุมเอาไว้มิดชิด สุดท้ายปิดประตูตู้เสื้อผ้า แถมยังลงคล้องโซ่ไว้ แล้วปัดๆ มือ
“คุณหนู…” ตงเอ๋อร์มองนายหญิงแวบหนึ่ง “วางไว้เช่นนี้ได้หรือไม่”
“วางไว้ตรงนี้ชั่วคราวก่อนแล้วกัน รอให้วันหลังย้ายไปเรือนข้าแล้วค่อยหาที่ที่ปลอดภัยเก็บไว้” เฉินจื่อหลิงเหลือบมองตู้แวบหนึ่ง
สินเดิมอะไรกันจึงได้พิเศษเช่นนี้ อี๋ซื่ออ๋องดวงตาหรี่ลง ในใจยิ่งสนใจใคร่รู้ขึ้นกว่าเดิม โน้มไปด้านหน้าครึ่งนิ้ว
ใบหน้ารูปไข่ของเฉินจื่อหลิงที่เดิมทีผ่อนคลายพลันเขม็งตึงทันที “สุนัขรับใช้ตัวไหนมาแอบด้อมๆ มองๆ ออกมาเดี๋ยวนี้”
ตงเอ๋อร์สีหน้าทะมึน เดินไปเลิกม่านออก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นอี๋ซื่ออ๋อง นางพลันอึกอัก “ซื่ออ๋องมาที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ” เดิมทีคิดว่าเขาจะอยู่ที่ห้องอนุจนหนำใจ ไม่มาที่นี่เสียอีก
คิดว่าข้าอยากมานักรึ อี๋ซื่ออ๋องปรายตามองแวบหนึ่ง “หลับตื่นหนึ่งก็จะไปแล้ว”
ตงเอ๋อร์นึกไปถึงเมื่อตอนกลางวันเรื่องที่ม้าคุณหนูดีดใส่อนุสุดรักจนฟันหน้าหลุด กลัวว่าซื่ออ๋องจะโกรธคุณหนู ได้ยินมาว่าอนุคนนั้นยามนี้เป็นคนโปรดที่สุดในจวน อีกทั้งการกระทำของคุณหนูก็ไม่ไว้หน้าอี๋ซื่ออ๋องจริงๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแสร้งทำเป็นใส่ใจเสียหน่อย จึงถามว่า “ซื่ออ๋อง ฮูหยินท่านนั้นไม่เป็นไรมากกระมังเจ้าคะ”
สาวใช้ข้างกายยังนับว่าตามีแวว อี๋ซื่ออ๋องเหลือบมองเฉินจื่อหลิงที่เก็บข้าวของเครื่องประดับต่อ เขาเอ่ยน้ำเสียงเน้นย้ำว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ เสียงนกขมิ้นที่มีชื่อเสียงแห่งเจียงเป่ย ภายหน้ากระทั่งพูดจายังมีลมรั่ว ยังจะร้องเพลงได้อีกรึ แม้ว่าข้าจะใจกว้างไม่ถือสา เรื่องลือไปถึงเมืองหลวง ไทฮองไทเฮาก็คงไม่พอพระทัยอยู่ดี! หวงกุ้ยเฟยที่ปกป้องเจ้ามาตลอดก็คงต้องขายหน้าเพราะเจ้า!”
——————————
[1] ยามสอง 21.00 – 23.00 น.